เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 507 มาเยี่ยม
ชายวัยกลางคนในวิดีโอไม่ต้องเดาก็รู้แล้วว่า “เธอ” ที่ห ยางซูเยี่ยเอ่ยถึงเป็นใคร เขามองหยางซูเยี่ยนอย่างอึ้งๆ “ท่าน หัวหน้า คุณ…”
“ยืนยันได้ยังไง?” หยางซูเยี่ยพูดตัดบทเขา
หยางซูเยี่ยนคิดอยู่เสมอว่าตัวเองเฉยชาเกินไป แต่เป็น ครั้งแรกที่เขาเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับคนคนหนึ่งแบบนี้
แม้แต่พันธมิตรใต้ดินก็เกือบจะจางหายไปจากรัฐ M ในช่วงสองปีที่ผ่านมา
การที่ชายวัยกลางคนสามารถนั่งอยู่ในตําแหน่งนี้มา จนถึงทุกวันนี้ได้นั้น แน่นอนว่าเป็นเพราะรู้จักสังเกตสีหน้า และคําพูดของเขา เขารู้ว่าเปลือกนอกของหยางซูเยี่ยนที่ดู นุ่มนวลเป็นคนอย่างไร
เมื่อได้ยินหยางซูเยี่ยนเอ่ยประโยคนี้ขึ้นมา เขาก็สั่น สะท้านอยู่ในใจ “ตอนที่เกิดไฟไหม้ในสลัม เราส่งคนไป สังเกตการณแบริเวณโดยรอบมาหมดแล้วครับ พบว่ามี ผู้เสียชีวิตจํานวนหกคน ไม่เจอใครที่หนีออกมาเลยครับ พิกัด
สุดท้ายบนซิมการแดของเธอก็ตรวจสอบแล้วว่าอยู่ที่นั่นด้วย …”
และที่สําคัญก็คือ ชายวัยกลางคนคิดว่าถ้าเธอมีชีวิตรอด เธอก็คงไม่ติดต่อพวกเขา
“จริงหรอ?” หยางซูเยี่ยนหน้าเข้ม เขามองชายวัย กลางคนด้วยสายตาเย็นเฉียบ
“คุณคงไม่ได้สงสัยคุณหนูฉินหรอกนะครับ” ชายวัย กลางคนขมวดคิ้ว “คุณก็รู้นี่ว่าเป็นเธอไปไม่ได้ เธอเป็นคนขอ งอวิ๋นกวงกรุ฿ป และยังเป็นลูกสาวบุญธรรมของอดีตท่าน หัวหน้ากลุ่ม…”
หยางซูเยี่ยนเม้มปาก เขายื่นมือดึงผ้าเช็ดหน้าสีขาวหิมะ ออกมาจากกระเปา เช็ดน้ําบนมือออกทีละนิด “สนามมวย ค่งไป เอาข้อมูลทั้งหมดที่สามารถตรวจสอบได้มาให้ฉัน”
พันธมิตรใต้ดินมีนักแฮกเกอรแ แต่ไม่มีระบบข้อมูลที่ แข็งแกร่งพอ มีเพียงรากฐานที่ใหญ่โต
ช่วงเวลาแบบนี้เป็นการดีที่สุดที่จะสืบจากตระกูลมาส แต่หยางซูเยี่ยนไม่เชื่อตระกูลมาส
เขาตัดบทสนทนากับชายวัยกลางคน หยิบโทรศัพทแออก มาแล้วโทร.ออกโดยตรง
สายเชื่อมต่อได้ในสามวินาที ทางด้านนั้นไม่มีคนพูด แต่หยางซูเยี่ยนไม่สน เขาพูดเรียบๆ “พ่อ ผมมีเรื่องจะคุยกับ พ่อ”
**
ทางด้านนี้
โซนสอง
ตอนที่ตระกูลสวีกลับมาก็เย็นแล้ว
คนรับใช้ประจําฐานที่มั่นนําอาหารมาวางไว้บนโต฿ะ
เฉิงมู่ไปเคาะประตู ฉินหร่านกําลังหลับอยู่จริงๆ
“คุณหนูฉิน เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” เขายืนถามอยู่ หน้าประตูห้องฉินหร่าน
แม้ว่าฮาโรลดแจะแพ้ แต่เขาก็ลงมือได้อย่างโหดเหี้ยม เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นถึงแชมปมวย เฉิงมู่เห็นตอนที่ฉินห ร่านเช็ดเลือดตรงมุมปากบนจอฉายภาพอย่างชัดเจน
อาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยไม่นับว่าเป็นอะไรสําหรับ ฉินหร่าน เธอส่ายหน้าและเอามือแตะริมฝีปากพลางขมวดคิ้ว “ยกมานี่ ฉันจะไม่ลงไปข้างล่าง นายอย่าไปบอกพวกเฉิงสุ่ย ละ”
ถ้าเฉิงสุ่ยรู้ เฉิงเจวี้ยนก็ต้องรู้แน่ๆ
เฉิงมู่มองเธอพลางคิดในใจว่าเรื่องใหญ่ซะขนาดนี้ เกรง ว่าเฉิงสุ่ยคงได้ข่าวตั้งนานแล้ว แต่ก็ยังพยักหน้า “ครับ”
จากนั้นลงไปข้างล่าง
ชั้นล่าง
มีโต฿ะอยู่สองตัว สวีเหยากวงกับอารองสวีนั่งอยู่โต฿ะหนึ่ง เหลือที่นั่งข้างๆ ไว้สองที่
“เหลือให้คุณหนูฉินส่วนนึงก็พอแล้ว เธอกําลังเขียน บทความอยู่” เฉิงมู่อธิบาย
คนตระกูลสวีคนอื่นๆ ไม่ได้สนใจ เพราะถึงอย่างไรฉินห ร่านก็เรียนภาควิชาฟิสิกสแ
การที่เธอเขียนบทความทําการทดลองจึงเป็นเรื่องปกติ มาก
สวีเหยากวงเหลือบมองไปข้างบน ขมวดคิ้ว
“คุณเฉิงมู่ ขอบคุณนะครับ” คนอีกโต฿ะชูแก้วไปทาง เฉิงมู่ “วันนี้ผมได้ยินที่คุณพูด ก็เลยลงเดิมพันด้วยเงิน ครึ่งหนึ่งของบัญชี ได้มากว่าสามล้านหยวนแน่ะ!”
เฉิงมู่ลองคิดๆ ดู คนนั้นเขามีเงินในบัญชีหกแสนหยวน
เขามองคนคนนั้น “อ้อ” แล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ
พอพูดถึงเรื่องนี้ อีกคนก็อดเสียอกเสียใจไม่ได้ ทอดถอน ใจซ้ําๆ “พูดเรื่องนี้แล้ว สหายเฉิงมู่ นายรู้ได้ยังไงว่าตระกูล มาสจะชนะ? ไหนจะค่งไปนั่นอีก เป็นผู้หญิงแท้ๆ ฉันไม่มี เบราวแเซอรแใบเมเปิ้ลสําหรับใช้ในพื้นที่ก็เลยหาข่าวสนามมวย ไม่ได้ ฉันตัดสินใจว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปค่งไปคือไอดอลของ ฉัน!!”
บางครั้งความสัมพันธแมิตรสหายก็มาได้ง่ายๆ
หลังจากวางเดิมพันก็เกิดมิตรภาพระหว่างเฉิงมู่กับคน ตระกูลสวีหลายคน
เฉิงมู่ก้มหน้ากินข้าว พูดพึมพํา “ฉันเดาเอา”
หัวหน้าใหญ่ในทีมผู้คุ้มกันตระกูลสวีพยักหน้าอย่าง จริงจัง “เก่งจริงๆ ด้วย”
คนตระกูลสวีส่วนใหญ่ที่เดินทางมาครั้งนี้ล้วนเป็นผู้ที่ ผ่านการฝึกฝนมาก่อน เช่นเดียวกับพวกเฉิงชิงหนิงที่ชื่นชม คนมีความสามารถ
ก่อนหน้านี้เคารพเทิดทูนเบิรแตมาก ตอนนี้เนื่องจากการ ปรากฏตัวของค่งไป ความเคารพเทิดทูนจึงเปลี่ยนไปที่ตัวค่ง ไปแทน
เมื่อได้ยินที่พวกเขาคุยกัน อารองสวีก็อดไม่ได้ที่จะเงย หน้าขึ้น “พวกนายไม่คิดว่าเธอเหมือนคุณหนูฉินมากเหรอ?”
ปิดหน้าได้แต่ปิดรูปลักษณแภายนอกไม่ได้
บางคนที่คุ้นเคยกันมากๆ แค่แผ่นหลังก็แทบจะจําได้ ทันที
อารองสวีกับฉินหร่านไม่เข้าขั้นสนิทกัน แต่เพราะเรื่องผู้ สืบทอดกับ ICNE เขาจึงให้ความสนใจในตัวฉินหร่านมาก แม้ จะไม่เชื่อว่าเป็นฉินหร่าน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าฉินหร่านมี ความสามารถ
“คุณคงไม่เป็นไรนะ?” หัวหน้าผู้คุ้มกันมองอารองสวี เขานิ่งไปสักพัก “คนของตระกูลมาสบอกว่าค่งไปนั่นโด่งดังใน สนามมวยมาตั้งแต่สองปีก่อนแล้ว ช่วงเวลานั้นคุณหนูฉินยัง เรียนม.ปลายอยู่เลยมั้ง เธอจะมาโผล่อยู่ที่นี่ได้ยังไง และที่ สําคัญก็คือ เธอเป็นคนเก่งของสถาบันวิจัย…”
นักวิจัยส่วนใหญ่ล้วนมีร่างกายอ่อนแอ เขาเข้าใจข้อนี้ อย่างลึกซึ้ง
อารองสวีไม่ได้พูดต่อ
ประเด็นนี้เขาก็สงสัยเหมือนกัน ตามประวัติฉินหร่าน เธออยู่ที่อวิ๋นเฉิงมาโดยตลอด จะเกี่ยวข้องกับรัฐ M ได้ อย่างไร…
**
ชั้นบน
หลังจากเฉิงมู่ไปแล้ว ฉินหร่านก็ดึงผ้าห่มอยากหลับต่อ อีกสักพัก
จู่ๆ ก็ลืมตาขึ้นทันที
ห้องค่อนข้างมืด ผ้าม่านหน้าต่างก็ปิดอย่างแน่นหนา เธอ มองออกไปทางนอกหน้าต่าง
ผ่านไปนานสักพักก็เม้มปาก ไม่พูดอะไร
เปิดไฟบนหัวเตียง สวมรองเท้าแตะเดินไปที่ริมหน้าต่าง อย่างช้าๆ แล้วเปิดม่าน
เมื่อมองผ่านกระจกไปก็เห็นร่างเฉิงเจวี้ยนนั่งครึ่งตัวอยู่ บนหน้าต่าง มองเธอโดยไม่ขยับเขยื้อน
ฉินหร่านแอบถอนหายใจอย่างเงียบๆ ไม่พูดอะไร เอื้อม มือไปกดเซฟตี้แล้วเปิดหน้าต่างให้เขาเข้ามา