เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 511 เหตุการณแ 712 ระเบิด
เธอเคยไปที่ห้องปฏิบัติการทางการแพทยแของ มหาวิทยาลัยเมืองหลวงครั้งหนึ่ง เพื่อพิสูจนแวิธีการใช้ยาใน การทดลองให้เฉินซูหลาน
ต่อมาก่อนที่เฉินซูหลานจะสิ้นใจ ก็ได้ทิ้งบางอย่างไว้
ฉินอวี่และมู่หยิงต่างไม่ต้องการ
หนิงเวยก็ไม่เอา ของที่ทิ้งไว้หลายชิ้นจึงอยู่ที่เธอและมู่ หนาน
ฉินหร่านมองอาจารยแใหญ่สวี ผ่านไปสักพักเธอจึงพยัก หน้า “ฉันเข้าใจแล้ว”
เฉินซูหลานในตอนนั้น ต่อให้ต้องตายก็ไม่เข้ามาเหยียบที่ เมืองหลวงเลยสักก้าว และที่ผ่านมาไม่เคยบอกเรื่องที่เกิดขึ้น ในเมืองหลวงกับเธอเลยสักนิด
“ในเมื่อกลับเมืองหลวงแล้ว ช่วงนี้เธอต้องไปกับนาย น้อยสามของตระกูลเฉิง ถ้าไม่มีปัญหาอย่าอยู่นอกอาณาเขต
ของเขา” อาจารยแใหญ่สวีพูดไป พลางมองออกไปด้านนอก ประตู “ทําไมไม่เห็นเขา”
“เขารอฉันอยู่ด้านนอก” ฉินหร่านฟังคําพูดของอาจารยแ ใหญ่สวี แล้วหลบตาลง
“โอเค” อาจารยแใหญ่สวีเข้าใจ แม้ว่าเฉิงเจวี้ยนจะดูว่าง มากเมื่ออยู่เมืองหลวง แต่เป็นบุคคลที่ยากจะคาดเดา มิฉะนั้นในตอนแรกที่อยู่เมืองอวิ๋นเฉิง อาจารยแใหญ่สวีก็คง ไม่ให้เฉิงเจวี้ยนคุ้มกันผู้สืบทอดมรดกของเขา
เฉิงเจวี้ยนจึงจําเป็นต้องรับรู้สถานการณแปัจจุบันอย่าง ชัดเจน
“อาจารยแ ถ้าอย่างนั้นฉันไปก่อนแล้ว” ฉินหร่านหัน ศีรษะ
อาจารยแใหญ่สวียังมีธุระอื่นอยู่ จึงพาพวกเธอไปส่งที่ ประตู
พ่อบ้านตระกูลสวีที่อยู่ด้านหลังอาจารยแใหญ่สวีมอง ตามหลังเธอแล้วนิ่งไป “นายท่าน…”
สักพัก อาจารยแใหญ่สวีกระซิบกระซาบ “เดิมทีนายท่าน ของตระกูลฉินผู้นั้นเป็นคนตรงไปตรงมา แอบช่วยเหลือหนิง
เอ่อรแ คุณดูตระกูลฉินตอนนี้สิ ไม่รู้ว่าพวกเหยากวงที่อยู่รัฐ M จะเป็นยังไงบ้าง…”
อาจารยแใหญ่สวีเงยหน้ามองท้องฟูาสีเทา อํานาจส่วน ใหญ่ในเมืองหลวงเดาว่าตระกูลสวีกําลังต่อสู้กับตระกูลเฉิง เพื่อเป็นตระกูลอันดับแรกในเมืองหลวง แต่กลับไม่รู้ว่า ที่ผ่าน มาเขาอยากปกครองอํานาจของรัฐ M ไว้เอง
“นายท่าน งานประชุมของตระกูลยังรอคุณอยู่” ตระกูลสวีมีการประชุมในตอนเช้า
ได้ยินว่าฉินหร่านกลับมากะทันหัน ท่านสวีจึงเลื่อนการ ประชุมออกไปสามสิบนาที
เขากลับไปยังห้องโถง
เป็นไปตามคาด ผู้ดูแลเหล่านี้ยังคงพูดถึงปัญหาของฉินห ร่าน
“ท่านผู้นํา ฉันเคยบอกไว้แล้ว ให้คนนอกรับช่วงดูแล สถาบันวิจัยไม่น่าไว้ใจ ทุกคนล้วนมีความเห็นแก่ตัว ฉินหร่าน จะสูงส่งแค่ไหน ฉันก็ไม่เชื่อว่าเธอจะไม่หลงใหลใน สถาบันวิจัยขนาดใหญ่” หนึ่งในหุ้นส่วนสวีท่านหนึ่งยืนแล้ว พูดขึ้น “ยังไม่ถึงสองวันก็ถูกนายท่านน้อยสวีขับไล่กลับ มาแล้ว”
อาจารยแใหญ่สวีนั่งอยู่หัวโต฿ะ ไม่แสดงท่าทีใดต่อคําพูด ของคนผู้นี้
ถ้าไม่ใช่เพราะตอนแรกหนิงเอ่อรแออกจากเมืองหลวง เขา ก็คงไม่ได้นั่งที่ตําแหน่งของสถาบันวิจัยฟิสิกสแ
“ท่านผู้นํา กรุณาคิดให้รอบคอบ!”
“ใช่แล้ว ท่านผู้นํา…”
ผู้คนในห้องโถงประชุมตระกูลสวีพูดคุยกัน
พ่อบ้านตระกูลสวีเข้ามาจากด้านนอก เขาถือโทรศัพทแ ยืนอยู่ประตูทางเข้าห้องโถงประชุม ใบหน้าของเขาค่อนข้าง ตกใจ “นาย…นายท่าน นายน้อยมีโทรศัพทแโทร.เข้า มาแล้ว…”
ได้ยินดังนั้น มือของนายท่านสวีที่ถือถ้วยชานิ่งไป เขา มองพ่อบ้านตระกูลสวี นัยนแตามืดลง “เขาว่ายังไง จัดการ สําเร็จรึเปล่า”
กําลังสําคัญของรัฐ M คือเรื่องที่ตระกูลสวีวางแผนครั้ง ใหญ่ในช่วงสองปี
พ่อบ้านตระกูลสวีพูด สายตาของทุกคนจึงหันไปมองทาง เขา ลืมเรื่องที่พวกเขาสบประมาทฉินหร่านไปชั่วขณะ
พ่อบ้านตระกูลสวีนิ่งไปสักพัก “นายน้อยคุยกับคุณ ฉิน…”
หุ้นส่วนที่เพิ่งพูดไปตบโต฿ะทันที “ฉันบอกว่ามีเธออยู่ก็ ไม่ได้ประโยชนแอะไร จะมีแต่เพิ่มภาระ!”
“ไม่ใช่ ตระกูลสวีของพวกเราไม่เพียงมีอํานาจ 1% ใน ตลาด แต่ยังมีอํานาจในศูนยแกลางทางเศรษฐกิจของตลาด ด้วย พวกเขาเพิ่งได้รับการลงนามอย่างเป็นทางการจึงโทร.หา คุณ คุณไม่รับสาย ดังนั้นจึงโทร.หาฉัน”
พ่อบ้านตระกูลสวีรีบยื่นโทรศัพทแให้นายท่านสวี
คนอื่นของตระกูลสวีชะงักไปเล็กน้อย “1% ของอํานาจ ศูนยแกลางทางเศรษฐกิจของตลาด? นี่…นี่มันเป็นไปได้ยังไง”
แม้ 1% จะเป็นอํานาจธรรมดาทั่วไป แต่ในตอนแรก ตระกูลสวีก็ต้องจ่ายเงินจํานวนมหาศาลเพื่อแลกมา กว่าจะ ได้รับความไว้วางใจจากตระกูลมาส ตอนนี้กลายเป็นอํานาจ ศูนยแกลางทางเศรษฐกิจของตลาดโดยตรงได้อย่างไร
โชคไม่เข้าข้างงั้นเหรอ
พ่อบ้านตระกูลสวีสูดหายใจเข้าลึก อธิบายอย่างสบายใจ “ดูเหมือนว่า น่าจะเป็นเพราะคุณฉิน…”
เขาว่าพลางย้ําคําพูดที่สวีเหยากวงพูดกับเขาให้แก่คน ระดับผู้นําของตระกูลสวีทั้งหลายอีกรอบ
“คุณฉินไม่ได้ต้องการค่าตอบแทนใดจากคุณแครแโรล ให้ พวกเขายกอํานาจศูนยแกลางทางเศรษฐกิจของตลาด 1% ให้ ตระกูลสวี ถ้าไม่ใช่เธอ อย่าว่าแต่อํานาจศูนยแกลางทาง เศรษฐกิจของตลาด 1% เลย แม้แต่อํานาจปลายแถวก็ไม่มี”
พูดจบ ในห้องโถงก็เงียบสงบลง ไม่มีใครพูดอะไรอีก
ทุกคนต่างรู้ว่าในตอนนี้ พ่อบ้านตระกูลสวีและสวีเหยาก วงไม่อาจพูดโกหกในเรื่องใหญ่เช่นนี้ได้
ถ้าเป็นคําโกหก ไม่นานก็ถูกเปิดเผยแน่นอน
หุ้นส่วนรายใหญ่ที่เมื่อกี้ตบโต฿ะเสียงดังฉาด คําพูดว่าให้ ตายยังไงก็ต้องการลากฉินหร่านลงจากตําแหน่งผู้สืบทอด สถาบันวิจัยก็หุบปากลง ใบหน้าของเขามีสีแดงขึ้นมา…
**
ที่ด้านนอกประตูของตระกูลสวี
หลังจากฉินหร่านเข้าไปหาอาจารยแใหญ่สวี เฉิงเจวี้ยน จอดรถเสร็จจึงเดินไปยังทางแยกของตระกูลสวี
ร่างสูงร่างหนึ่งยืนอยู่ที่ทางแยก
“คุณเฟิง” เฉิงเจวี้ยนหันไปส่งเสียงเรียกเฟิงโหลวเฉิงอ ย่างสุภาพ
ชายหนุ่มหันมา ท่าทีสุขุมค่อนไปทางแข็งแกร่ง แม้จะ อายุค่อนข้างมาก แต่ดูออกได้ว่าดูแลเป็นอย่างดี
เขาคือเฟิงโหลวเฉิง
ฉินหร่านเรียกเขาว่าคุณลุงเฟิง เฉิงเจวี้ยนจึงสุภาพกับ เขามาก
ดวงตาสีเข้มทั้งสองข้างของเขามองเฉิงเจวี้ยน อย่าง เหมาะสม “นายน้อยเฉิง”
“คุณน่าจะรู้ว่าฉันมาหาคุณเรื่องอะไร” เฉิงเจวี้ยนส่ง สัญญาณให้เขายืนอยู่ที่หัวมุมแล้วยิ้มบาง “คดีความของ 712 ถูกบางคนจงใจปิดบังไว้ หามานานแล้วก็หาไม่เจอ…”
พูดถึงตรงนี้ เฉิงเจวี้ยนโน้มตัวไปทางเฟิงโหลวเฉิง เล็กน้อย พูดอย่างเป็นจริงเป็นจัง “คุณเฟิง ถ้าคุณสามารถ บอกความจริงกับฉัน เฉิงเจวี้ยนคนนี้จะเป็นหนี้น้ําใจคุณ”
ได้ยินดังนั้น สายตาของเฟิงโหลวเฉิงค่อนข้างไกลออกไป
เขาพอจะรู้ว่าธุระที่เฉิงเจวี้ยนมาหาเขาคือธุระอะไร “ไม่ใช่น้ําใจอะไร” เฟิงโหลวเฉิงคีบบุหรี่ออกมาจากกระเปา ยื่นมวนหนึ่งให้เฉิงเจวี้ยนก่อน เฉิงเจวี้ยนรับมา เขาจึงค่อยจุด
อีกมวนให้ตัวเอง เขาไม่ได้จุด เพียงฟังคําพูดของเฟิงโหล วเฉิงอยู่เงียบๆ
“เหตุการณแระเบิดครั้งใหญ่ของ 712 คุณน่าจะรู้เรื่องนี้ ตอนนั้นเสียชีวิตไปหลายคน” เฟิงโหลวเฉิงลู่ตาลง สูดควัน เข้าลึก
หมอกควันจางๆ ลอยขึ้น ปกคลุมดวงตาของเขา
เฉิงเจวี้ยนพยักหน้า
เขาหาสิ่งเหล่านี้เจอ เป็นเรื่องธรรมดา
ครั้งนี้เฟิงโหลวเฉิงหยุดนิ่งพักหนึ่งจึงพูดขึ้น “เหตุการณแ การระเบิดครั้งนี้…เครื่องปฏิกรณแนิวเคลียรแนั่น แรกเริ่มเดิมที มาจากเธอ”