เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 517 ตัวตน บ้าไปแล้วเหรอ
“นี่คือเหตุผลที่คุณให้ความช่วยเหลือตระกูลโอวหยาง?” เฉิงเจวี้ยนไม่ได้แสดงท่าทีใด เพียงเงยหน้าเล็กน้อย
ได้ยินประโยคนี้ ชายหนุ่มหรี่ตามองเฉิงเจวี้ยน นิ่งไป เล็กน้อยจึงส่ายหน้า “ผ่านมาหลายปีแล้ว คุณก็ยังไม่เติบโต ตอนแรกไม่น่าให้ตระกูลเฉิงพาคุณกลับไปเลย เลี้ยงให้เป็นคน ลังเลไม่เด็ดขาด คิดไม่ถึงว่าหลายปีแล้วจะยังไม่ลงมือ ใน สายตาของตระกูลเฉิงยังไม่ได้สําคัญไปกว่าโอวหยางเวย คุณ ลืมที่ฉันบอกไปแล้วเหรอว่าคุณแม่ของคุณตายอยู่ในมือของ คนตระกูลเฉิง”
พูดถึงตรงนี้ ชายหนุ่มยิ้มอ่อน ถุยออกมาเบาๆ “คุณทํา ให้ฉันผิดหวังจริงๆ”
เฉิงเจวี้ยนได้ยินเช่นนี้ มือที่ล้วงอยู่ในกระเปากําแน่น ดวงตาสีเข้มทั้งสองข้างไม่เปลี่ยนแปลง “ถ้าไม่มีธุระอื่นแล้ว ฉันขอตัว”
เขาพูดพลางหันตัวเดินออกไป
มือเพิ่งวางที่ประตูห้อง ชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังยิ้มแล้วพูด ขึ้น “ทุกอย่างที่คุณครอบครองอยู่ตอนนี้ล้วนมาจากที่ฉันให้
คุณ อ้อ ใช่แล้ว คุณมีเพื่อนที่สมาพันธแแฮกเกอรแอยู่ใช่ไหม ทั้ง ยังเป็นญาติของผู้หญิงที่อยู่ข้างกายคุณ ถ้าอย่างนั้นคุณน่าจะ ได้ยินข่าวการเปลี่ยนประธานสมาพันธแแฮกเกอรแสินะ”
“น่าเสียดายจริงๆ ทุกการเคลื่อนไหวของคุณล้วนอยู่ใน กํามือของฉัน”
มือของเฉิงเจวี้ยนที่วางอยู่ประตูนิ่งไป
ชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังเขามีดวงตาสองข้างที่เยือกเย็น เขาไม่หันกลับไปเพียงเลื่อนเปิดประตูสํานักงาน ใบหน้าไม่ แยแสเลยสักนิด
แล้วเดินตรงออกไป
หลังจากเฉิงเจวี้ยนออกไป ชายหนุ่มที่อยู่ในสํานักงาน เดินไปนั่งที่โต฿ะของสํานักงาน
ชายชุดดําคนหนึ่งเดินเข้ามาเงียบๆ
“นายท่าน” ชายชุดดําก้มหน้าพูดอย่างเคารพ
นิ้วของชายหนุ่มเคาะที่โต฿ะ ใบหน้าที่แทบมองไม่เห็น ร่องรอยของอายุไม่ได้แสดงความโกรธเคืองสักนิด เพียงพิงที่
เก้าอี้ “คุณไปเรียกคนมาดูแลธุระของรัฐ M ส่วนผู้หญิงคนนั้น ที่อยู่ข้างเขา…”
ชายชุดดํายื่นข้อความในมือให้ชายหนุ่ม
“คนของตระกูลหยาง หลานชายของถังจวิน เป็นแฮก เกอรแ ค่อนข้างมีความสามารถ” ชายหนุ่มไม่มองอย่างอื่นที่ วุ่นวาย เพียงส่ายหน้าเล็กน้อยแล้ววางไว้ด้านข้างลวกๆ “ถ้า ไม่ฟังคําพูดฉัน ก็อย่าว่าฉันแล้วกัน ฉันให้เขาได้มากกว่าหมื่น ก็ทําให้เขาไม่มีอะไรเลยได้เหมือนกัน”
ความสามารถไม่มากนัก แต่ก็ได้ ตามนั้น
ชายชุดดําก้มหน้า
**
ด้านล่าง
ที่ร้านกาแฟ
ฉินหร่านผลักประตูเข้าไป ก็เห็นโอวหยางเวยที่นั่งอยู่ ข้างหน้าต่าง
เธอตรงไปนั่ง
โอวหยางเวยสั่งกาแฟไว้แล้วสองแก้ว ดันพนักเก้าอี้ไป ทางฉินหร่าน ทักทายฉินหร่านอย่างสุภาพ ท่าทางสง่างาม ละเอียดอ่อนและมีระดับ “คุณฉิน สมคําร่ําลือเลย”
คําว่าสมคําร่ําลือนี้พูดอย่างครุมเครือไม่แน่ชัด ทั้งยังมี ความหมายอื่นอยู่ด้วย
ฉินหร่านเรียกพนักงานมา ให้เธอนําชานมมาให้ เธอนั่ง ลงมองโอวหยางเวย ดวงตางดงามหรี่ลงเล็กน้อยสบตากับ โอวหยางเวย เธอพยักหน้า “สวัสดี”
ฉินหร่านไม่รีบร้อน สงบนิ่งกว่าที่โอวหยางเวยคาดเดาไว้
โอวหยางเวยมองจ้องเธอมากขึ้น “คุณฉินต่างจากที่ฉัน คิดไว้เลย”
ตอนที่ฉินหร่านดูโทรศัพทแอยู่ก็ถูกเธอขัดจังหวะ “คุณ โอวหยาง มีอะไรจะพูดก็พูดเลย ฉันมีเวลาไม่มาก ทําไมคุณ ถึงรู้เรื่องเหตุการณแระเบิดที่เมืองหนิงไห่”
“ดูเหมือนคุณฉินจะรีบร้อนมาก” มือของโอวหยางเวย คนแก้วกาแฟ เธอมองฉินหร่านแล้วโน้มตัวมาข้างหน้า เธอลด
เสียงลง “แน่นอนว่าคุณรู้ว่าฉันเป็นนักสืบของ 129 ข้อมูล ข่าวสารที่อยู่ในมือจึงมีมากมาย เพียงแต่บอกคุณได้ไม่มาก ในตอนแรกนักวิจัยจํานวนมากเสียชีวิตจากเหตุการณแระเบิด มีความเกี่ยวข้องกับคนที่อยู่ข้างกายคุณ ส่วนที่ว่าเป็นใคร คุณอยากให้ฉันพูดไหม”
หลังจากพูดจบ โอวหยางเวยมองฉินหร่านแล้วยิ้ม เล็กน้อย
ฉินหร่านไม่พูดอะไร
“สวัสดีค่ะ ชานมที่คุณรับกลับบ้านได้แล้ว” ด้านข้าง พนักงานวางชานมแก้วหนึ่งลงฝั่งฉินหร่าน
ฉินหร่านเอื้อมไปรับชานม พูดขอบคุณพนักงานอย่าง สุภาพจึงค่อยเหลือบมองที่โอวหยางเวย สายตานิ่งเฉย ไม่มี ความลังเลใดเลย
“คุณไม่เชื่อฉันเหรอ” โอวหยางเวยมองฉินหร่าน เธอ พยักหน้า ทําท่าทางเฉยเมย “ไม่เป็นไร คุณไม่เชื่อฉันก็ได้ ฉัน แค่จะบอกที่ฉันรู้ก็เท่านั้น”
ฉินหร่านหยิบเอาชานม โทรศัพทแในกระเปาก็ดังขึ้นพอดี
เธอก้มหน้ามอง เป็นสายจากเฉิงเจวี้ยน
ฉินหร่านรับสายทันที แล้วเปิดลําโพง
อีกฝั่งเป็นเสียงของเฉิงเจวี้ยนที่ไม่ได้เฉยเมยเหมือนเวลา ทั่วไป แต่กลับมีความสุภาพอ่อนโยนสุดๆ เขาพิงประตูรถ ยิ้ม อย่างเกียจคร้าน “ซื้อชานมแก้วเดียวช้าขนาดนั้นเลย?”
“มาแล้ว” ฉินหร่านลากเก้าอี้ยืนขึ้น โอวหยางเวยมอง เธอ “นายน้อยเฉิง มีคนบอกฉันว่าคุณมีความเกี่ยวข้องกับ เหตุการณแการระเบิดที่ฐานทัพเมืองหนิงไห่”
ทันทีที่เฉิงเจวี้ยนได้ยิน สีหน้าของเขาจริงจัง เขายืนตัว ตรงน้ําเสียงจริงจัง “เธออยู่ไหน โอเครึเปล่า”
ท่าทางแบบนี้ อยู่ในความคาดหมายของฉินหร่าน
ฉินหร่านมองออกไปนอกกระจกหน้าต่าง “กําลังไป อย่า เร่ง”
เธอไม่รอคําพูดของเฉิงเจวี้ยน ตัดสายโทรศัพทแทันที เหลือบมองโอวหยางเวย
คนที่โอวหยางเวยพูดถึงคือเฉิงเจวี้ยน ฉินหร่านจึงไม่เชื่อ
เพราะเฉิงเจวี้ยนเคยตรวจสอบทุกอย่างที่เกิดขึ้นใน เมืองหนิงไห่ที่ 129…
โอวหยางเวยที่อยู่ตรงข้ามฉินหร่านนึกไม่ถึงว่าฉินหร่าน จะไม่เชื่อเลย ดังนั้นจึงพูดออกไปตามตรงกับเฉิงเจวี้ยน…
โอวหยางเวยเม้มปาก เธอแนบมือลงที่โต฿ะ มองตามหลัง ฉินหร่านแล้วหัวเราะออกมา พูดขึ้นอย่างไม่ชัดเจน “เธอไม่ เชื่อฉันก็ได้ แม้ว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับเขาโดยตรง แต่ก็เป็น ทางอ้อม วิญญาณของนักวิจัยทั้ง 19 น่ะเหรอ คุณคิดว่า ตอนนี้พวกเขายังดูคุณอยู่ไหม”
ฉินหร่านไม่หยุดก้าวต่อ
ที่โอวหยางเวยพูดไม่ผิด
19 คน…
การระเบิดครั้งนั้น เสียชีวิตไป 19 คน ทั่วทั้งฐานทัพถูก ทําลายไปสิ้น
ฉินหร่านเสียบหลอดเข้าไป ดื่มหนึ่งอึก
เดินไปทางรถที่จอดอยู่ เห็นเฉิงเจวี้ยนที่ท่าทีดูรีบร้อน
“เมื่อกี้เธอไปพบโอวหยางเวยมาเหรอ” เฉิงเจวี้ยนกําลัง มาหาเธอ หลังจากเห็นเธอ มือทั้งสองข้างโอบไหล่ของเธอ ดวงตาและมือของเฉิงเจวี้ยนที่มักจะสงบนิ่งตอนนี้ค่อนข้าง ตื่นตระหนก คิ้วคู่งามทั้งสองข้างขมวด “เขาพูดอะไรกับเธอ เธออย่าเชื่อเขา เธออยากรู้อะไร ฉันจะบอกเธอทุกๆ อย่าง”
ฉินหร่านเงยหน้ามองเฉิงเจวี้ยน เธอยิ้มขําเล็กน้อย ยัด หลอดดูดเข้าปากเขา “ดื่มชาสักอึกแล้วสงบสติอารมณแ หน่อย”
อยู่ต่อหน้าหมาปุาเดียวดาย แต่กล้าบอกว่าตัวเองเป็น นักสืบของ 129 รู้ข้อมูลภายในงั้นเหรอ
บ้าไปแล้ว