เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 519 แบบทดสอบความเป็นพอ หมิงเยวแ หมิงเซวียน
“นี่คืออะไร” เฉิงเหราฮั่นชะงักไป
ในสายตาผู้นําคนอื่นของตระกูลเฉิงมองดูเอกสารฉบับนี้ อย่างไม่แน่ใจ ไม่แน่ใจว่าโอวหยางเวยนําอะไรมาด้วย
โอวหยางเวยก้มหน้า จิบชาหนึ่งอึก “นายน้อยใหญ่เฉิง คุณลองอ่านดูก็จะเข้าใจ”
เฉิงเหราฮั่นเอื้อมมือหยิบเอกสารฉบับนี้ขึ้นมาแล้วเปิด อ่าน
นี่คือรายงานการตรวจสอบ
ฝุายหนึ่งคือนายท่านตระกูลเฉิง
อีกฝุายคือ…
เฉิงเจวี้ยน
ผลการตรวจสอบ…
ไม่ตรงกัน
มองดูผลการตรวจสอบนี้ เฉิงเหราฮั่นนิ่งไป สมองของ เขาตกอยู่ในภวังคแไปชั่วขณะอย่างไม่ค่อยจะเชื่อ สองวินาที ต่อมา เขาท่าทางชอบใจ “นั่นสินะ นั่นสิ!”
ปีนั้นเขาก็สงสัยว่า จู่ๆ ทําไมพ่อของเขาถึงได้พาลูกนอก สมรสกลับมาเสียได้
ถ้าเฉิงเจวี้ยนไม่ใช่ลูกแท้ๆ ก็พูดได้ง่ายแล้ว
เฉิงเหราฮั่นปิดเอกสาร ย่อตัวไปทางโอวหยางเวย “คุณ โอวหยาง คุณช่วยฉันได้มากจริงๆ! ฉันอยากเห็นเลยว่าถ้าเขา ไม่มีสถานะนายน้อยที่สามของตระกูลเฉิงนี้ จะยังเหลือ อะไร!”
“เรื่องเล็กน้อย” โอวหยางเวยวางถ้วยชาลงมองที่เขา หลับตา ปิดบังความเหน็บแนมในสายตา “ขอแสดงความ ยินดีล่วงหน้ากับนายท่านใหญ่ผู้สืบทอดผู้นําตระกูลเฉิงคน ต่อไป ณ ที่นี้”
เฉิงเหราฮั่นหัวเราะดัง
ในห้องหนังสือ คนอื่นมองดูรายงานนี้แล้วจึงถอนหายใจ โล่ง
**
วันต่อมา
ถิงหลาน
ด้านล่าง เฉิงเจวี้ยนยืนอยู่ข้างหน้าต่าง โทรศัพทแหากู้ซีฉือ
“พ่อของฉันเขาประคองไว้ไม่ไหวแล้วเหรอ” เขามอง ออกไปยังถนนคนเดินที่มีผู้คนเดินผ่านไปมาอยู่ไม่ไกล แล้ว เม้มปาก
โทรศัพทแอีกฝั่ง กู้ซีฉือวางงานวิจัยในมือแล้วขมวดคิ้ว “ร่างกายเสื่อมถอยลงเรื่อยๆ ดอกไม้จีนช่วยไว้หลายปีแล้ว ตอนนี้ไม่ได้แล้วจริงๆ จากอาการบาดเจ็บเดิม ประคองไว้ได้ นานกว่าคุณยายของหร่านหร่านแล้วหลายปี ก็คงเป็นภายใน สองวันนี้แล้ว”
“ฉันเข้าใจแล้ว” เฉิงเจวี้ยนเม้มปาก เขาวางสาย
ด้านบน ฉินหร่านสวมเสื้อคลุมสีเบจลงมา
“จะไปไหนเหรอ” เฉิงเจวี้ยนลดความคิดในดวงตา เอื้อม มือไปกอดเธอ ก้มหน้ามองดูเธออย่างสงบ
“ไปหาพี่ซ่งที่มหาวิทยาลัยก่อน ค่อยไปหาลู่จ้าวอิ่ง” ฉินหร่านหันหน้า “หมิงเย่วแอยู่กับเขา ฉันไม่วางใจ”
ลู่จืจ้าวอิ่งพูดจาครุมเครือในโทรศัพทแ
เฉิงเจวี้ยนพยักหน้า
เขามองฉินหร่าน จําเรื่องราวของพานหมิงเย่วแได้ ตอน ฉินหร่านเอ่ยถึงเธอ เขารักษาท่าทีนิ่งเฉยไว้ “ฉันและเฉิงมู่จะ ไปส่งเธอก่อน วันนี้ตระกูลเฉิงมีธุระ”
เมื่อวานเฉิงเวินหรูมาหาเฉิงเจวี้ยน ก่อนหน้านี้ก็โทรหา เฉิงเจวี้ยน ฉินหร่านเข้าใจ เธอพยักหน้า
ทั้งสองคนออกเดินทาง
เฉิงเจวี้ยนไม่เคยเจอซ่งลี่วแถิง แต่เคยตรวจสอบซ่งลี่วแถิง
ในสถานการณแตอนนั้น ซ่งลี่วแถิงและเว่ยจือหังปกปูอง ฉินหร่านและพานหมิงเย่วแไว้ได้เป็นอย่างดี เขาเชื่อมั่นใน ความสามารถของคนคนนี้
หลังจากส่งฉินหร่านที่มหาวิทยาลัย จึงตรงกลับไปที่ ตระกูลเฉิง
เฉิงมู่ยังคงเป็นคนขับรถในวันนี้
เฉิงมู่มองกระจกหลัง ไม่กล้าพูดจา
ฉินหร่านและซ่งลี่วแถิงนัดพบกันที่มหาวิทยาลัยเมือง หลวง
สาขาวิชาคณิตศาสตรแ
ตอนที่ฉินหร่านมาถึง ซ่งลี่วแถิงกําลังยืนอยู่ด้านหน้าหอ เกียรติยศทางประวัติศาสตรแของสาขาวิชาคณิตศาสตรแ
ฉินหร่านสวมหมวกปีกแหลมไว้บนหัว เร็วๆ นี้ รูปภาพ บนอินเทอรแเน็ตของเธอมีน้อย โดยเฉพาะกลิ่นอายความชั่ว ร้ายได้หายไป มีเพียงออร่าที่เก็บไว้ซึ่งมีไม่กี่คนที่จําเธอได้
เพียงแต่ซ่งลี่วแถิงนั้น หลายคนจําเขาได้ ผู้หญิงหลายคน กําลังพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น
“พี่ซ่ง” ฉินหร่านเดินไปด้านข้างซ่งลี่วแถิง
ซ่งลี่วแถิงไม่พูดจา เพียงมองดูหอเกียรติยศอย่างเงียบๆ
ฉินหร่านมองไปตามสายตาของเขา
ทันใดนั้นจึงเห็นพานหมิงเซวียนที่อยู่ตรงกลาง ใบหน้า ของพานหมิงเซวียนอุดมสมบูรณแ ต่างไปจากที่พานหมิงเย่วแ
ปกปิดไว้ เย็นชาหล่อเหลา ดวงตาทั้งสองข้างสดใส นํามาซึ่ง ความอบอุ่น
“รุ่นพี่ซ่ง คุณก็รู้จักเทพเจ้าแห่งการเรียนรู้แซ่พานเหรอ” ที่สาขาคณิตศาสตรแมีคนจําซ่งลี่วแถิงได้ พูดขึ้นอย่างตื่นเต้น “ก็ ใช่ พวกคุณทั้งสองคนเป็นเพื่อนกัน ต้องรู้จักแน่นอน ยังไงคน รู้จักของเทพเจ้าแห่งการเรียนล้วนแต่ต้องเป็นเทพเจ้าแห่ง การเรียน!”
นักศึกษาสาขาวิชาคณิตศาสตรแพูดถึงตรงนี้แล้วนิ่งไป เล็กน้อย ท้ายที่สุดจึงมองพานหมิงเซวียนอย่างเสียดาย “น่า เสียดายที่เทพเจ้าอิจฉาในพรสวรรคแ”
ฉินหร่านไม่พูดอะไร
พานหมิงเซวียนอายุเท่าเธอ แต่เขาข้ามชั้นปีตอนหกขวบ ได้รับเหรียญทองการแข่งขันนานาชาติ IMO ตั้งแต่ชั้นมัธยม ต้นปีที่สาม
ตั้งแต่นั้นมา มัธยมปลายปีที่หนึ่ง มัธยมปลายปีที่สอง ก็ ได้รับเหรียญทอง IMO อีกสองปีติดต่อกัน
คณบดีแผนกวิชาคณิตศาสตรแของมหาวิทยาลัยเมือง หลวงและมหาวิทยาลัย A ต่างก็เคยมาพูดคุยกับเขา มัธยม ปลายปีสามถูกส่งไปยังมหาวิทยาลัยเมืองหลวง
สามารถเข้าร่วม IMO ได้ตั้งแต่อายุไม่ถึง 20 ปี เพราะ ข้ามชั้นปี ตอนนั้นพานหมิงเซวียนเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดที่ ได้รับเหรียญทองของ IMO เมื่อรายงานออกไปจึงเกิดพายุ รุนแรงในโลกคณิตศาสตรแ
คนของสาขาวิชาคณิตศาสตรแต่างเคยได้ยินศาสตราจารยแ ผู้สอนกล่าวถึงประวัติความรุ่งโรจนแของพานหมิงเซวียน
ฉินหร่านฟังคําพูดของคนด้านข้าง อดไม่ได้ที่จะลูบแขน ทั้งสองข้าง เธอเอียงหน้ามองซ่งลี่วแถิง “พี่ซ่ง พวกเราไปหาห มิงเย่วแกันก่อนเถอะ”
ซ่งลี่วแถิงดูรูปภาพในตอนท้าย แล้วละสายตากลับด้วย ความมึนงง
เขาพูดเสียงเบา “ไปกัน”
**
ทั้งสองคนออกมาจากแผนกวิชาคณิตศาสตรแ ตลอดทาง ไม่ได้พูดคุยอะไร ตรงไปที่บ้านของลู่จ้าวอิ่ง
ลู่จ้าวอิ่งและคุณแม่ลู่ต่างรออยู่ด้านล่าง
คนรับใช้ของตระกูลลู่พาฉินหร่านและซ่งลี่วแถิงเข้ามา
คุณแม่ลู่รู้ว่าฉินหร่านคือหลานสาวของถังจวิน เมื่อเห็น ฉินหร่านจึงค่อนข้างเคอะเขิน สายตามองไปยังซ่งลี่วแถิงแล้ว ตะลึง ชื่อเสียงของซ่งลี่วแถิงในมหาวิทยาลัยเมืองหลวง ค่อนข้างสูงในช่วงนี้
ซ่งลี่วแถิงทักทายคุณแม่ลู่และลู่จ้าวอิ่งอย่างสุภาพ
“เสี่ยวหร่าน ในที่สุดเธอก็มาแล้ว!” ลู่จ้าวอิ่งแตะที่ต่างหู ดูเหมือนเขาจะจิตใจไม่ปกติ มองไปด้านบน “น้องหมิงเย่วแอยู่ ห้องรับแขก ฉันจะพาพวกคุณขึ้นไป หมิงเย่วแไม่ให้ฉันบอกเธอ แต่ฉันคิดดูแล้วจึงบอกเธอไป สภาวะของเธอไม่ปกติ”
ไม่สะดวกพูดผ่านทางโทรศัพทแ ก่อนหน้านี้พานหมิงเย่วแ ให้ลู่จ้าวอิ่งปิดบังต่อฉินหร่าน
ลู่จ้าวอิ่งพูดพลางมองที่ซ่งลี่วแถิง จําไม่ได้ว่าผู้ชายที่ดูดี และสง่างามคนนี้เป็นใคร แต่ก็ไม่ได้พิจารณาเขาในตอนนี้
ทั้งสามคนไปยังด้านบน
ลู่จือสิงเปิดประตูห้อง
ห้องมืดมาก ในมือของพานหมิงเย่วแถือหนังสือเล่มหนึ่ง หัวมุดอยู่ที่เข่า พลิกเปิดหนังสือไม่หยุด
“หมิงเย่วแ เธอทําอะไรอยู่” สีหน้าของฉินหร่านเปลี่ยนไป เดินตรงเข้าไปทันที
พานหมิงเย่วแเงยหน้าอย่างว่างเปล่า “สารวัตร ฉันอยาก สอบเป็นสารวัตร”
ดวงตาของฉินหร่านแดง มือทั้งสองข้างของเธอกําแน่น ท่าทีคล้ายกับเห็นพานหมิงเย่วแที่มืดมนในโรงพยาบาลจิตเวช
หลังจากทั้งสามคนของตระกูลพานเสียชีวิต แทบไม่ต่าง จากตอนนั้น ความหวังของพานหมิงเย่วแที่อยู่ที่นี่ก่อนหน้านี้ คือการเป็นช่างภาพ หลังจากนั้นความศรัทธาเพียงอย่างเดียว ในการมีชีวิตอยู่ต่อคือการสอบเป็นสารวัตร
แต่ก่อนหน้านี้ สภาวะของหมิงเย่วแฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ แล้ว
ฉินหร่านหันไปทางลู่จ้าวอิ่ง พูดทีละคํา “เกิดอะไรขึ้น”