เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 522 คุณคิดว่าฉันล้อเล่นเหรอ
เฉิงเวินหรูลงจากรถ เธอยื่นกล่องบรรจุอัฐิให้เฉิงเจวี้ยน ใบหน้าของเธอค่อนข้างเหนื่อยล้า สีหน้าไม่ค่อยดี พูดเพียง เสียงเบา “พ่อชื่นชอบคุณมากที่สุดในช่วงชีวิต คุณเอาไป เถอะ”
เฉิงเจวี้ยนสวมใส่เสื้อไว้ทุกขแสีขาวไว้ด้านนอก
เขาก้มหน้ามองกล่องบรรจุอัฐิในมือของเฉิงเวินหรู
ยังไม่ทันได้รับมา เฉิงเหราฮั่นที่เพิ่งลงรถมาอยู่ด้านหลัง พูดเสียงดัง “เขาเอาไปไม่ได้!”
เฉิงเวินหรูขมวดคิ้ว อํานาจของเธอเด็ดขาด ได้ยินเฉิง เหราฮั่นพูดเช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะพูดเสียงเข้ม “หุบปาก ตอนนี้ ไม่ใช่เวลาที่คุณจะมาทําตัวไร้สาระ และไม่ใช่เวลาจะมานับ ถือตามอายุ!”
เธอรู้แค่ว่า นายท่านเฉิงจะต้องหวังให้เฉิงเจวี้ยนทําเรื่อง นี้แน่
เฉิงเหราฮั่นไม่สนใจเฉิงเวินหรู เพียงมองเฉิงเจวี้ยนอย่าง เยาะเย้ย “ฉันไม่ได้ไร้สาระ เขา เฉิงเจวี้ยน ที่แต่ไหนแต่ไรก็ ไม่ใช่คนของตระกูลเฉิงอย่างพวกเรา!”
พูดออกไปแล้ว เขาไม่รอให้เฉิงเวินหรูพูดตอบ
กลุ่มผู้คนตระกูลร่ํารวยชั้นสูงของเมืองหลวงรวมตัวกัน อยู่ที่เชิงเขา
เฉิงเวินหรูไม่เชื่อ เธอขมวดคิ้ว “คุณพูดจาไร้สาระอะไร!”
เฉิงเหราฮั่นรับเอาแฟูมมาจากลูกน้องด้านข้างแล้วโยนให้ เฉิงเวินหรู แสร้งทําเป็นยิ้ม “ฉันพูดอะไรเหรอ คุณก็ไม่ลองดู แล้วรู้ด้วยตัวเองล่ะ”
พูดจบ เขาไม่รอให้เฉิงเวินหรูตอบ เดินตรงไปเอากล่อง บรรจุอัฐิในมือของเฉิงเวินหรูไป แล้วมุ่งเดินตรงขึ้นไปบนภูเขา
ด้านหลังเฉิงเหราฮั่น ผู้ติดตามของเขาตามเขาไป
หัวหน้าสถานที่และหัวหน้าสถานที่ที่สองมองหน้ากัน แล้วมองตรงไปทางเฉิงเจวี้ยน “นายน้อยสาม นายน้อยคนโต เขา…”
เฉิงเจวี้ยนก้มหน้า ผมที่ปรกอยู่บนหน้าผากบดบัง อารมณแของเขา เสื้อคลุมและปลายผมเปียก ทั่วทั้งร่างเย็นยะ เยือก ผ่านไปสักพักหนึ่งได้ เขาจึงพูดขึ้นเบาๆ “ไม่ผิดหรอก ฉันไม่ใช่คนของตระกูลเฉิง”
พูดแล้ว เขายกเท้าก้าวเดินไปบนเขาทีละก้าว
ฉินหร่านที่อยู่ในกลุ่มตามหลังเขาไป
ยอมรับด้วยตัวเองเลย?
ข่าวนี้ทําเอาผู้คนที่อยู่เชิงเขาเกิดความแตกตื่นตะลึง อย่างไม่ต้องสงสัย!
คนเหล่านี้มองหน้ากันไปมา
“นี่มันช่างน่าสนุกแล้วสิ…”
“ถ้าไม่ใช่คนของตระกูลเฉิง ถ้าอย่างนั้นการทะเลาะ เบาะแว้งของเขากับเฉิงเหราฮั่น…”
“…”
ทุกคนพูดคุยเรื่องนี้กันอย่างตื่นเต้น สายตาที่มอง ตามหลังเฉิงเจวี้ยนยิ่งประหลาดใจมากขึ้น
ในกลุ่ม คุณอารองสวีที่เพิ่งกลับมาจากรัฐ M มองไปทาง ท่านสวีอย่างตกใจ “ท่านสวี…นี่มันอะไรกัน”
ท่านสวีส่ายหน้า “ฉันก็ไม่แน่ใจ แต่ท่าทางแบบนั้นของ เฉิงเหราฮั่น ไม่น่าจะโกหก”
ถ้าหากเป็นการโกหก เฉิงเหราฮั่นไม่น่าจะเอามาพูดปุาว ประกาศแบบนี้
“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้นายน้อยเฉิงที่สามก็ตกอยู่ในอันตราย แล้วสิ” ท่าทีของพ่อบ้านตระกูลสวีเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ตอน แรกฉันคิดว่านายน้อยเฉิงที่สามจะสามารถคงตําแหน่งผู้สืบ ทอดสถาบันวิจัยของคุณฉินไว้ได้ ดูแล้วตอนนี้ คงยาก”
ไม่เพียงแต่เหล่าตระกูลสวีที่พูดคุยกัน
ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ในตระกูลของเมืองหลวง เรื่องที่เฉิง เจวี้ยนไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของตระกูลเฉิงก็ได้กลบความร้อนแรง ของการเสียชีวิตของนายท่านเฉิง
**
หลายชั่วโมงต่อมา กระบวนการฝังศพเสร็จสิ้น
ที่หลุมศพของนายท่านเฉิงมีดอกไม้เรียงเต็มไปหมด
เกือบทุกคนออกไปหมดแล้ว
เฉิงเจวี้ยนยังคงยืนอยู่หน้าหลุมฝังศพไม่ไปไหน
การเสียชีวิตของนายท่านเฉิงส่งผลต่อเฉิงเวินหรูเป็น อย่างมาก เพียงแต่ตอนนี้เธอกังวลกับปัญหาของเฉิงเจวี้ยน จึงให้กําลังใจเป็นการชั่วคราว
เธอยื่นร่มไหมสีดําให้ฉินหร่านด้วยน้ําเสียงค่อนข้างแหบ “ฉันกลับไปจัดการธุระนิดหน่อยที่ตระกูลเฉิงก่อน เธออยู่ที่นี่ กับเขานะ”
เฉิงเวินหรูมองดูเฉิงเจวี้ยน
เธอยังคงไม่ปักใจเชื่อ
แม้ว่าเฉิงเจวี้ยนจะไม่แสดงออกใดๆ แต่เธอก็เห็นอยู่ว่า สายตากับท่าทีที่เขามีต่อนายท่านเฉิง และที่นําเอาดอกไม้จีน
จากสนามประมูลใต้ดินมาให้เธอต่อหน้าด้วยความ ยากลําบาก…
รวมถึงบริษัทในปัจจุบันของเธอ
เฉิงเวินหรูยืดอกตรงแล้วหันหลังลงเขาไปทันที
เธอยังมีการต่อสู้กับเฉิงเหราฮั่นที่ต้องกลับไป
ถ้าหากแพ้…
เฉิงเจวี้ยนจะอยู่ที่ตระกูลเฉิงหรืออยู่เมืองหลวง ก็แทบจะ แตกต่างไปเลย
เฉิงเวินหรูไม่ยอมเด็ดขาด
ฉินหร่านมองดูเฉิงเวินหรูลงเขาไป จึงถือร่มเดินไปอยู่ข้าง เฉิงเจวี้ยน
เฉิงเจวี้ยนเงยหน้า เขายื่นมือไปรับเอาร่มในมือของฉินห ร่าน มองดูหลุมศพอยู่พักใหญ่จึงพูดขึ้น “เธอรู้ไหมว่าทําไม เขาอยากให้ฉันยกโทษให้”
ฉินหร่านกํามืออีกข้างของเขาแน่น
“คุณแม่ของฉันตายในมือเขา” เฉิงเจวี้ยนตอบเสียงเบา เขาพูดต่อ “ตอนยังเด็กเขาอยากเลี้ยงดูฉัน ต่อมาฉันจึงค่อย เข้าใจ แต่เขาก็เลี้ยงฉันจนโต ไม่มีเขาก็ไม่มีฉันในวันนี้ อันที่ จริงตอนแรกก็ไม่ได้ทําไม่ดีกับฉัน”
เฉิงเจวี้ยนพูดเสียงเบา
ดังนั้นตอนแรกเมื่อเขารู้ว่าดอกไม้จีนอยู่ที่ไหน จึงไม่เคย เอ่ยปาก
รู้จักกับกู้ซือฉือ แต่ก็ไม่เคยบอกเขา
แต่…
ตอนที่ฉินหร่านถามเขา เขายังให้กู้ซีฉือไปพบเจียงตงเยี่ย
ฉินหร่านพยักหน้า เฉิงเจวี้ยนรู้ว่าเวลานี้น่าเป็นตอนที่เฉิง เวินหรูเคยพูดตอนสิบสองขวบ
รู้ว่าแม่แท้ๆ เสียชีวิตด้วยมือของพ่อบุญธรรมตอนอายุ สิบสอง พ่อบุญธรรมอยากเลี้ยงดูเขา แล้วยังดีกับเขาเสียจริง
ฉินหร่านกํามือแน่น ปลอบโยนเงียบๆ
“กลับกันเถอะ” เฉิงเจวี้ยนมองดูครั้งสุดท้ายจึงพาฉินห ร่านลงเขาไป
เขาก้มหน้า มองฉินหร่านแล้วหายใจเข้าลึก
**
ฉินหร่านกลับถิงหลานกับเฉิงเจวี้ยนสองคน
ทั้งสองคนต่างเปียกฝน
จึงกลับไปอาบน้ํากันที่ห้อง
ฉินหร่านอาบเร็วกว่าเฉิงเจวี้ยน ตอนที่ลงมาด้านล่าง เฉิงมู่กําลังจะเดินขึ้นไปด้านบน เห็นฉินหร่านเดินลงมาจึงรีบ พูดขึ้น “ท่านสวีมาแล้ว”
อยู่ทั้งท่านสวีและอารองสวี
ตอนนี้อารองสวีเห็นฉินหร่านก็ยําเกรงเป็นอย่างมาก
เขาย่อตัวเคารพ “คุณฉิน”
“อาจารยแสวี” ฉินหร่านทักทายพวกเขาอย่างสุภาพ จึง ค่อยมองไปยังท่านสวี
“ตอนนี้พวกคุณทั้งสองไม่เป็นไรใช่ไหม” ท่านสวีขมวด คิ้ว เขามองฉินหร่าน “ต้องการย้ายไปที่ตระกูลสวีก่อนไหม”
“ไม่จําเป็น” ฉินหร่านส่ายหน้า
ท่านสวีไม่ค่อยวางใจ “เธอยังต้องระวังตระกูลฉินด้วย ตระกูลโอวหยางต้องมีการเคลื่อนไหวแน่นอน เธอก็รู้ว่าฉัน เคยบอกว่าเธอไม่ธรรมดา”
ตอนนี้เกิดเรื่องที่ตระกูลเฉิง พวกเขาต้องลงมือแน่นอน
ได้ยินดังนั้น ฉินหร่านพยักหน้า “เข้าใจแล้ว”
ท่าทางของเธอนิ่งเฉย ท่านสวีจึงพูดด้วยเสียงจริงจัง “สถานการณแของเมืองหลวงในตอนนี้เปลี่ยนไปมาก พวกเธอ ต้องระวัง โอวหยางเวยคนนั้น…ฉันไม่ได้ล้อเล่น”
ฉินหร่านรับเอาถ้วยชาที่เฉิงมู่ยื่นมาให้ กระแทกลงที่โต฿ะ แล้วยิ้มเล็กน้อย แต่ดวงตาทั้งสองข้างเยือกเย็นมากจนมองไม่
เห็นรอยยิ้ม “คุณคิดเหรอว่า พวกเราพลิกเกมที่ตระกูลเฉิงได้ แล้ว จะถูกคนคนเดียวของตระกูลเฉิงบงการได้น่ะ”