เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 527 ขอเสนอ
ฉินหร่านเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเช่นกัน
เธอทําได้เพียงเหลือบมองไปยังพ่อบ้านฉินเท่านั้น
แค่เรื่องที่เกิดขึ้นในตระกูลเฉิงตอนนี้ก็เลวร้ายมาก พอแล้ว เดิมที่พ่อบ้านฉินไม่ต้องการให้ฉินหร่านเข้ามายุ่ง เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทว่าเมื่อฉินหร่านเอ่ยถาม เขาจึงทําได้เพียง ตอบกลับไปสั้นๆ
ฉินหร่านกวาดตามองเหลิ่งเพ่ยซานแวบหนึ่ง และ หลังจากที่ได้ฟังพ่อบ้านฉินแล้ว เธอก็พยักหน้าลงเล็กน้อย
พอเห็นท่าทางแบบนั้นของฉินหร่าน สีหน้าของคุณชายสี่ ตระกูลฉินที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็เปลี่ยนไปทันที
ถึงแม้ว่าตอนนี้เฉิงเจวี้ยนจะโดนเล่นงานไปแล้ว แต่ คุณชายสี่ตระกูลฉินก็ยังหวาดกลัวฉินหร่านอยู่ดี แม้เบื้องหลัง จะมีโอวหยางเวยคอยสนับสนุน แต่คุณชายสี่ตระกูลฉินก็ยัง เกรงกลัวตระกูลสวี เอาคนนอกมาดํารงตําแหน่งทายาท เจ้าของสถาบันวิจัยได้แบบนี้
แล้วคุณชายสี่ตระกูลฉินจะกล้าสบประมาทฉินหร่านได้ อย่างไร?
คําพูดของโอวหยางเวยที่ว่า ไม่สําเร็จก็ลาออกเสีย ยังดัง ก้องในหู คุณชายสี่ตระกูลฉินได้แต่ค้านหัวชนฝา พลันเอ่ย ถามย้ําอีกครั้ง “นายคิดดีแล้วใช่ไหม?”
ฉินฮั่นชิวยกปากกาขึ้นมา ทว่าไม่ได้เอ่ยอะไร
ฉินหร่านยื่นมือออกไปเคาะโต฿ะ พลางยกมือปิดปากแล้ว เอ่ยเสียงเบา “เห็นด้วยกับเขาเรื่องถอนตัวออกจากการร่วม ลงทุนในครั้งนี้”
ฉินฮั่นชิวพยักหน้า เขาเองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน
การวิ่งหาธนาคารอื่น ๆ เพื่อกู้เงินมาลงทุนก็เป็นอีกหนึ่ง ทางออก แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่องผู้ถือหุ้น 18% อยู่ด้วย
ฉินฮั่นชิวคิดพร้อมมองไปยังคุณชายสี่ตระกูลฉิน “ก็ดี ถือว่าสัญญาของเราสิ้นสุดลงตรงนี้ก็แล้วกัน”
สัญญาของทั้งสองฝุายถูกยกเลิกลงอย่างง่ายดาย
อาจจะเป็นเพราะว่าฉินหร่านเข้ามามีส่วนร่วมในการ หารือครั้งนี้ด้วย ฉินฮั่นชิวจึงมีท่าทีสงบเสงี่ยมเรียบร้อย และ นั่นทําให้คุณชายสี่ตระกูลฉินอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้
คุณชายสี่ตระกูลฉินน้อมรับข้อตกลงแต่โดยดี พลางจ้อง มองไปยังฉินฮั่นชิว
และจ้องอยู่นานพักใหญ่ จนท้ายที่สุดก็ลุกเดินออกไป พร้อมเหลิ่งเพ่ยซาน
“คุณหนูเหลิ่ง” คุณชายสี่ตระกูลฉินคิดว่าฉินหร่านคือคน ที่มีคาดการณแได้ยากมากที่สุด พลางลอบมองเหลิ่งเพ่ยซาน
ด้วยความลังเล “ฉินฮั่นชิวมีท่าทีสงบเสงี่ยมขนาดนั้น คงไม่มี ปัญหาอะไรตามมาแล้วล่ะ…”
เหลิ่งเพ่ยซานส่ายหัวแล้วถอนหายใจยาวๆ “เธออาจจะ ไม่ได้ขาดเงิน แต่มีทุนมากกว่าที่เราคิดก็ได้นะ แค่ว่าธนาคาร ต้องใช้เวลาในการเดินเรื่องมากกว่านี้เท่านั้น สิ่งที่สําคัญที่สุด คือ ทีมของพวกนั้นต้องการวิศวกรฮารแดแวรแและซอฟตแแวรแ ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องที่จะใช้เงินแก้ปัญหาก็จบได้ง่ายๆ งั้นเราควร รีบจัดการโปรเจกตแของพวกเราเองก่อนดีกว่า”
เหลิ่งเพ่ยซานพูดจบก็พลันหยุดคิดไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อน จะมองคุณชายสี่ตระกูลฉินอีกครั้ง “พวกเราเองก็ยังขาด แคลนคนที่มีความสามารถด้านนั้นเหมือนกัน คุณช่วยไปบอก
ทุกคนในสํานักงานใหญ่ตระกูลฉินทีนะว่า ไม่ว่าพวกเขาจะ เป็นช่างเทคนิคสาขาไหน ถ้าพวกเขาเต็มใจทํางานกับเรา ฉัน ก็ยินดีรับพวกเขาเข้าทํางานทุกคน”
ช่างเป็นยุทธวิธีที่ร้ายกาจ
เหมือนดั่งกลยุทธแที่ว่า ‘กลยุทธแถอนฟืนใต้กระทะ[1]’
หากเราใช้วิธีนี้ ย่อมมีผู้คนจํานวนมากเห็นด้วยและ หลั่งไหลกันเข้ามาสมัครเพื่อไต่เต้ากับฝุายเราแน่นอน
อีกทั้งความจริงที่ว่าทีมของฉินฮั่นชิวขาดแคลนทุนทรัพยแ จะต้องแพร่งพรายออกไปในไม่ช้า
คุณชายสี่ตระกูลฉินเหลือบมองเหลิ่งเพ่ยซานแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันไปโบกมือสั่งคนให้ไปจัดการเรื่องนี้ทันที
**
อีกด้านหนึ่ง
ฉินหร่านยังคงนั่งอยู่ในสํานักงาน ส่วนฉินฮั่นชิวก็กําลัง คุยกับหัวหน้าฝุายวิศวกรรมเกี่ยวกับรายละเอียดการติดตาม
ผลงานต่างๆ ส่วนเธอนั่งอ่านกองเอกสารของแผนงานครั้งนี้ อยู่
ทว่าเอกสารแผนงานค่อนข้างหนา มีตั้งแต่ขั้นตอนการ สอบสวนขั้นพื้นฐาน การมอบทุนทรัพยแ จนถึงการโยกย้าย บุคลากร
รวมๆ แล้วก็สี่สิบหน้ากระดาษเอสี่ได้
ฉินหร่านกวาดตามองสิบบรรทัดแรก กว่าฉินฮั่นชิวและ คนอื่นๆ จะคุยงานเสร็จ เธอก็อ่านเกือบจบพอดี
เธอเข้าใจปัญหาหลักที่ตอนนี้ฉินฮั่นชิวและคนอื่นๆ กําลัง เผชิญอยู่แล้ว
พลันนึกถึงคําพูดที่ว่า ‘จับปลาให้กินหรือจะสู้สอนวิธีจับ ปลา[2]’ ขึ้นมาทันที ฉินหร่านเข้าใจความจริงข้อนี้ดี ต่อให้ เธอกู้เงินออกมาเพียงใด หากไม่มีการวางแผนจัดสรรที่ดี มัน ก็เปล่าประโยชนแ
นิ้วเรียวเคาะโต฿ะไปมา ในใจก็ครุ่นคิดเรื่องแผนรับมือไม่ หยุด
“หร่านหร่าน พวกเรากลับกันก่อนเถอะ” ฉินฮั่นชิวเอื้อม มือออกไปตบไหล่บางเบาๆ พลันขมวดคิ้วมุ่น “ไม่รู้ว่าอาเห วินได้ดูซุปที่เคี้ยวไว้ให้ฉันหรือเปล่า”
เขาพูดด้วยท่าทีร้อนรน พร้อมคว้าเสื้อแจ็คเก็ต แล้วมุ่ง หน้ากลับไปยังที่พักแถวๆ เขตอวิ๋นจิ่นอย่างเร็ว
ฉินฮั่นชิวเดินออกไปคนเดียว
พนักงานคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านในต่างมองหน้ากันอย่างงุนงง
ฉินฮั่นชิวนี่…
ความจริงแล้วก็เป็นคนเอาแน่เอานอนไม่ได้เหมือนกันนะ
จากนั้นทุกคนก็เริ่มเก็บของเตรียมตัวกลับ ทว่าประตู สํานักงานกลับถูกใครบางคนเปิดพรวดเข้ามากะทันหัน
เขาคือลูกน้องคนสนิทของคุณชายสี่ตระกูลฉิน ชายคน นั้นกวาดตามองพนักงานทุกคนในห้อง ก่อนจะประกาศเรื่อง ที่เหลิ่งเพ่ยซานสั่งไว้ออกมา “คุณหนูเหลิ่งฝากบอกว่า หวังว่า ทุกท่านจะพิจารณาไตร่ตรองให้ดี ทางฝั่งเรายินดีรับพวกคุณ เข้าทํางานทุกคน”
พอพูดจบ เขาก็พยักหน้าให้ทุกคนเล็กน้อย พลันหมุนตัว เดินออกไปทันทีผ่านไปพักใหญ่ พนักงานคนหนึ่งถึงได้สติ กลับมา เขามองไปยังหัวหน้าแผนกวิศวกรรมอย่าง ผู้อํานวยการฉิน ก่อนจะชะงักไป “ผู้อํานวยการฉิน นี่มัน…”
ผู้อํานวยการฉินไม่พูดอะไร พลางเมินคําถามแล้วเดิน ออกไปจากห้องอย่างเงียบๆ
ส่วนคนที่เหลือก็ได้แต่ก้มหน้าครุ่นคิดถึงสิ่งที่ลูกน้องคน สนิทของคุณชายสี่ตระกูลฉินพูดอย่างจริงจัง
**
ตัดภาพมาอีกฝั่งหนึ่ง
ฉินฮั่นชิวกลับไปทําอาหารเพิ่มอีกสองสามอย่าง แม้ว่า ตอนนี้จะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นในตระกูลฉิน แต่เขาก็ยังคงใจ เย็นไม่วู่วาม
ทําให้บรรยากาศของอาหารมื้อนี้เป็นไปอย่างราบรื่น
“เสี่ยวเฉิงชอบกินซี่โครงทอด แล้วก็ซุปนี่อีก แต่วันนี้เขา มาทานกับเราไม่ได้ งั้นลูกก็ห่อกลับไปฝากเขาด้วยนะ” ฉิน ฮั่นชิวจัดการแยกแบ่งอาหารออกไว้ให้คนที่ไม่ได้มาทันที พลันเงยหน้าขึ้น “ครั้งนี้อร่อยกว่าครั้งที่แล้วอีก ลูกต้องบอก เขาลองทานให้ได้นะ”
ฉินหร่านไม่ปล่อยให้เฉิงมู่หยิบไป ร่างบางเอื้อมมือ ออกไปถือห่ออาหารไว้เอง พลางก้มหัวลงมองแวบหนึ่ง “ได้ ค่ะ เดี๋ยวบอกเขาให้”
“ช่วงนี้กลัวว่าพ่อคงจะยุ่งมากๆ” ฉินฮั่นชิวเอ่ยพร้อมใช้ ผ้าขนหนูขยี้ผมไปมา “คงไม่ค่อยมีเวลาไปดูแลพวกลูก ลูก สองคนต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ”
ฉินหร่านทําเพียงนั่งฟังอย่างเงียบๆ
เมื่อฟังคําสั่งกําชับจากฉินฮั่นชิวแล้ว เธอก็ตอบกลับไป อีกไม่กี่ประโยค ก่อนจะกลับออกไปพร้อมกับเฉิงมู่
ทั้งสองกลับไปที่อาคารสํานักงานใหญ่ของตระกูลฉิน ด้วยกันอีกรอบ และกว่าจะถึงถิงหลานก็เกือบสี่ทุ่มแล้ว
ขณะนี้เฉิงมู่ไม่ได้ขึ้นข้างบนกับฉินหร่าน
แต่เลือกลงลิฟตแในชั้นถัดไป เมื่อฉินหร่านกลับมาถึง ปรากฏว่าไฟห้องโถงยังคงเปิดอยู่
เฉิงเจวี้ยนนั่งรอเธออยู่ตรงโซฟา มือหนาถือรีโมท คอนโทรลโทรทัศนแไว้อย่างเหม่อลอย ทว่าโทรทัศนแที่อยู่ฝั่ง ตรงข้ามโซฟากลับปิดสนิทไร้ซึ่งเสียงรายการใดๆ แต่พอได้ยิน เสียง เขาก็เงยหน้าลืมตาขึ้นมาทันที
“พ่อฉันฝากซี่โครงหมูกับซุปมาให้คุณ” ฉินหร่านพูด พลางนําห่ออาหารออกมาวางลงตรงหน้าชายหนุ่ม ขาเรียว เดินเข้าครัวไปหยิบชามและตะเกียบ พร้อมมองไปยังเฉิง เจวี้ยน “คุณลองทานดูหน่อยนะ”
สองสามวันมานี้เฉิงเจวี้ยนไปยอมทานอะไรเลย
ร่างเล็กพาตัวเองขึ้นไปด้านบนแล้วหยิบโน฿ตบุ฿กทํางานลง มาด้วย
เธอนั่งลงตรงข้ามชายหนุ่ม ก่อนจะกดเปิดไฟลแเอกสาร ต่างๆ ขึ้นมาดู พอกวาดสายตาดูได้พักหนึ่งก็เริ่มใส่โลโก้รูป ดอกปฺอปปี้ลงไปที่มุมล่างด้านขวาของทุกหน้าเอกสาร
[1] กลยุทธแถอนฟืนใต้กระทะ (釜底抽薪) เป็นกล ยุทธแทางสงคราม ใช้วิธีวิเคราะหแกําลังและปัญหาของศัตรู และรีบลงมือจากต้นตอของปัญหาเหมือนการรีบดึงฝืนที่ กําลังไหม้ออกจากองไฟใต้กระทะ
[2] จับปลาให้กินหรือจะสู้สอนวิธีจับปลา (授人以鱼不如授人以渔) เป็นสํานวนหมายถึงการมอบ ความรู้ให้รู้จักแก้ปัญหาเป็นสิ่งสําคัญกว่าการที่ลงมือช่วยด้วย ตัวเอง เปรียบกับการจับปลา ถ้าเราจับปลาให้คนอื่น คนนั้นก็ จะมีปลากินเพียงหนึ่งมื้อ แต่ถ้าเราสอนให้คนอื่นจับปลา คน นั้นก็จะจับปลากินเองได้อีกหลายมื้อ