เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 528 ออกงานอีกครั้ง!
เฉิงเจวี้ยนซดน้ําซุปไปหนึ่งอึก ก่อนเงยหน้าขึ้นมองร่าง บาง “เขียนบทความเหรอ?”
“เปล่า แค่ช่วยเขียนเอกสารให้พ่อเฉยๆ” ฉินหร่านตอบ พลางกดพิมพแอีกสองสามคํา
เธอกําลังพิมพแเอกสารขอความร่วมมือของฉินฮั่นชิวอยู่
ทว่าเอกสารชุดนี้ก็ยังมีส่วนสําคัญอีกหลายจุดที่ต้องขอ ความเห็นจากลู่จือสิงและเฉิงเจวี้ยนเสียก่อน
ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
พลันมือเรียวกดส่งข้อความหาลู่จือสิงทันที
[ตราประทับของฉันยังอยู่ไหม?]
ทีแรกลู่จือสิงส่งเครื่องหมาย “?” กลับมา พักหนึ่งเขาจึง ค่อยตอบกลับว่า “อืม”
[เธอยังจําได้ด้วยเหรอว่าตัวเองมีตราประทับอยู่?]
ตราประทับราชการรูปดอกปฺอปปี้อันนั้น
ฉินหร่านเหลือบมองข้อความนั่น แล้วชะงักไปชั่วครู่
พอตอบข้อความเสร็จแล้ว มือบางก็วางโทรศัพทแลง พร้อมหันกลับมาพิมพแเอกสารต่อด้วยท่าทีนิ่งเฉย สีหน้าของ เธอเย็นชาขึ้นกว่าเมื่อครู่
เมื่อก่อนฉินหร่านคิดว่าเรื่องทุกอย่างจะต้องราบรื่นดี เธอจึงเพิกเฉยต่อทุกสิ่งทุกอย่าง แถมตอนนั้นยังได้รู้เกี่ยวกับ
อาการบาดเจ็บของเฉินซูหลานอีก ทําให้ความกระตือรือร้นที่ มีอย่างเต็มเปี่ยมต่อสิ่งต่างๆ ของเธอมอดดับไปอย่างรวดเร็ว
ไหนจะเรื่องเกมสงครามเย็นในตระกูล เรื่องหน่วย สืบสวน129 แถมยังเรื่องอวิ๋นกวงกรุ฿ปอีก
แต่ตอนนี้มันต่างออกไปแล้ว
ฉินหร่านกดแปูนพิมพแรัวๆ
ส่วนเฉิงเจวี้ยนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็นําอาหารของฉินฮั่น ชิวมาทานให้หมด จากนั้นก็เดินเข้าครัวไปล้างจานชามให้ เรียบร้อย
เขาเป็นคนที่กินช้ามาก ฉินหร่านยังพิมพแงานไม่เสร็จ แต่ พอเห็นอีกฝุายเสร็จ มือเรียวก็หยุดพิมพแเอกสารแล้วปิด เครื่องโน฿ตบุ฿ก ก่อนจะเดินตามร่างสูงเข้าไปในครัว
ด้านในห้องครัว เฉิงเจวี้ยนล้างจานชามเสร็จแล้ว
เขาเช็ดมือกับผ้าขนหนูแห้งจนสะอาดดี พลันหมุนตัว กลับไปเห็นฉินหร่านที่อยู่ด้านหลัง แล้วชะงักไปพักหนึ่ง
“ไม่ต้องห่วงหรอก” เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมเดินเข้าไปสอง ก้าวและหยุดลงข้างกายบาง เขาก้มหน้าโน้มตัวลงไปกอดเธอ เอาไว้ พลางถอนหายใจเบาๆ “ฉันคิดไว้แล้วว่าสักวันจะต้อง เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น และมันก็เป็นอย่างที่คิด ดีหน่อยที่เตรียม ใจไว้แล้ว”
จากนั้นเขาไม่ได้พูดต่อ เหตุการณแนี้คงเป็นเรื่องที่เขา คาดการณแไว้ดิบดีแล้ว
**
ผ่านไปอีกวัน
ในที่สุดฉินหร่านก็พิมพแแผนงานการร่วมมือต่างๆ เสร็จ เธอตรวจเช็กงานอีกครั้ง เมื่อไม่พบปัญหาก็กดสั่งพิมพแงาน ออกมาทันที จากนั้นก็ใช้ที่เย็บกระดาษเย็บเอกสารให้ เรียบร้อย แล้วสาวเท้าลงไปห้องชั้นล่าง
ที่ด้านล่าง ทั้งเฉิงมู่ เฉิงหั่ว เฉิงจินและเฉิงสุ่ยต่างอยู่กัน พร้อมหน้า
และมีเพียงเฉิงถู่คนเดียวที่ฉินหร่านไม่เคยพบมาก่อน
“คุณหนูฉิน!” เฉิงสุ่ยรีบยืนขึ้นทันทีที่เห็นฉินหร่าน
ทั้งสี่คนนี้แตกต่างกันมาก โดยเฉพาะเฉิงหั่วกับเฉิงสุ่ย เห็นได้ชัดว่าทั้งสองไม่มีอํานาจในตําแหน่งอีกต่อไปแล้ว แต่ กลับดูไม่รีบร้อนเลยสักนิด แถมยังใช้ชีวิตกินๆ นอนๆ ตามปกติทุกวันอีก
“คุณหนูฉินจะไปที่คอนโดแถวเขตอวิ๋นจินเหรอ?” แค่ เฉิงมู่เห็นเสื้อโค้ตที่ฉินหร่านสวมใส่ ก็รู้ได้ทันทีว่าเธอจะไปที่ ไหน “งั้นรอผมลงไปเปลี่ยนชุดแปฺบนึงนะ”
ฉินหร่านจึงหย่อนก้นนั่งรอเฉิงมู่กลับขึ้นมาอยู่ข้างๆ เฉิง เจวี้ยน
ทว่าเฉิงมู่ลงไปด้านล่างได้ไม่นาน ก็มีเสียงกริ่งดังขึ้นจาก ด้านนอกห้องโถง
“ใครกัน ทําไมมาบ้านคนอื่นตอนนี้?” เฉิงสุ่ยพูดพลาง เดินไปเปิดประตู
นับตั้งแต่เกิดของเฉิงเจวี้ยน เมืองหลวงก็กลายเป็นเมือง ที่เต็มไปด้วยดราม่าเหมือนละครหลังข่าว เฉิงสุ่ยคิดไม่ออก จริงๆ ว่าใครกันที่จะมาหาพวกเขาในเวลานี้ แต่พอเขาเปิด ประตูออกไป ก็พบกับเฉิงเวินหรูที่ยืนอยู่ด้านนอก
เฉิงเวินหรูยังคงแข็งแรงไม่ต่างจากเมื่อก่อน ทั้งตัวสวม เพียงชุดสูทธรรมดา แต่ถ้ามองดี ๆ จะเห็นว่าช่วงนี้สภาพ จิตใจของเธอไม่ค่อยดีนัก น้ําหนักเธอลดลงมากกว่าเดิมหลาย เท่า
“คุณหนูใหญ่?” เฉิงสุ่ยมองอีกฝุายอย่างตกตะลึง
เฉิงเวินหรูเองก็มองเขาด้วยท่าทีตกใจเช่นกัน “นายกลับ มาทําไมเนี่ย?”
“ก็ไม่ทําไม ผมแค่อยากกลับมาเฉยๆ” เฉิงสุ่ยตอบอย่าง คลุมเครือ พลันเบี่ยงตัวไปด้านข้างเพื่อให้เฉิงเวินหรูเดินเข้า
มาด้านใน และหันไปพูดกับเฉิงเจวี้ยนว่า “พี่ใหญ่ คุณหนู ใหญ่มาหา”
“วันนี้ฉันไม่ได้มาหาเขา” เฉิงเวินหรูเหลือบมองเฉิง เจวี้ยนราวไม่ได้ใส่ใจ ก่อนจะเบนสายตาไปยังฉินหร่าน พลัน ขมวดคิ้วมุ่น “หร่านหร่าน ฉันได้ยินเรื่องของตระกูลฉินแล้ว นะ”
นายท่านเฉิงเพิ่งจะเสียได้มานาน ทําให้ช่วงนี้ตระกูลเฉิง กําลังวุ่นวายมาก
ฉินหร่านจึงไม่ได้คิดว่าเฉิงเวินหรูจะรู้เรื่องของเธอเร็ว ขนาดนี้
“พี่ถึงรีบมาที่นี่สินะคะ” ฉินหร่านก้มหน้าพลางจัดแจง ติดกระดุมเสื้อให้เรียบร้อย และเอ่ยตอบอย่างใจเย็น
เรื่องถึงหูคนอื่นแบบนี้ แสดงว่ายังมีอีกหลายคนรอ หัวเราะเยาะเย้ยเธออยู่อีกมาก
“ปัญหาหลักของตระกูลฉินไม่ใช่แค่เรื่องเงินทุน” เฉิงเวิน หรูใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอต้องการยื่นมือช่วยจัดการเรื่องนี้ เป็นอย่างมาก “ฉันจะช่วยกระจายข่าวให้…”
“ไม่จําเป็นหรอกค่ะ พี่สาวเฉิง” ฉินหร่านเอ่ยแทรก พร้อมยื่นมือออกมาถือแฟูมไว้ ใบหน้าสวยเผยท่าทีที่ดู อ่อนโยนลง “พี่จัดการปัญหาในตระกูลเฉิงไปเถอะค่ะ ส่วน เรื่องของตระกูลฉินก็ไว้เป็นหน้าที่ของฉันเอง”
เมื่อพูดจบ เฉิงมู่ที่ลงไปเปลี่ยนชุดกับรองเท้าก็เดินกลับ ขึ้นมาพอดี
แถมยังถือพวงกุญแจรถมาด้วย
ฉินหร่านเดินออกไปพร้อมเฉิงมู่ ร่างบางหยุดคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปพูดกับเฉิงเจวี้ยน “คุยกับพี่เฉิงดีๆ ละ”
พอได้ยินแบบนั้น เฉิงเจวี้ยนที่กําลังจะลุกเดินหนีก็ หยุดชะงักไปทันที
ร่างสูงเงยหน้าขึ้นขมวดคิ้วมองเฉิงเวินหรูอยู่พักใหญ่ ก่อนเอ่ย “มีเรื่องอะไรจะพูด ก็ขึ้นไปคุยกันบนห้องทํางาน”
**
อีกด้านหนึ่ง
เฉิงมู่ค่อยๆ ขับรถไปยังสํานักงานใหญ่ของตระกูลฉิน
วันนี้เป็นวันเสารแ ฉินหลิงเดินทางไปรัฐ M ตั้งแต่เมื่อวาน แล้ว ส่วนฉินฮั่นชิวช่วงนี้ก็กําลังยุ่งวุ่นวายกับปัญหาล่าสุดอยู่ ดังนั้นถึงจะเป็นวันเสารแ เขาก็ยังต้องไปทํางานที่สํานักงาน ใหญ่อยู่ดี
เมื่อฉินหร่านเดินทางมาถึง เธอก็เห็นว่าพ่อบ้านฉินกําลัง คุยโทรศัพทแกับใครบางคนอยู่
“ท่านประธานหลี่ครับ ผมว่าโครงการร่วมลงทุนในครั้งนี้ …” เขานั่งอยู่ในห้องทํางานพร้อมเอ่ยถึงเรื่องการร่วมลงทุนที่ ยืดเยื้อ
ซึ่งเมื่อก่อนนักลงทุนในโครงการเหล่านี้ล้วนเคยพูดจาไว้ ดิบดี
“ต้องขอโทษจริงๆ นะ หัวหน้าฉิน แต่ความจริงแล้ว ตอนนี้บริษัทเราเองก็หมุนเงินทุนไม่ทันเหมือนกัน…” เสียงขอ โทษของประธานหลี่ดังออกมาจากปลายสาย
พ่อบ้านฉินกดวางสายทันที วันนี้เขาถูกคนพวกนั้น ปฏิเสธเป็นครั้งที่สามแล้ว
เขารู้ดีแก่ใจว่าการพึ่งพาบริษัทอื่นเรื่องเงินทุนนั้นแทบ เป็นไปไม่ได้ แต่จะให้เพิกเฉยต่อสถานการณแของตระกูลฉิน ในตอนนี้ก็ไม่ได้
ทว่าชีวิตของนักธุรกิจก็เป็นแบบนี้แหละ ทุกอย่างขึ้นอยู่ กับกําไรและผลประโยชนแทั้งนั้น
แผนการพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องยนตแของฉินฮั่นชิวใน ครั้งนี้ยิ่งใหญ่อลังการเกินไป
“คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่?” เมื่อหัวหน้าฉินเห็นฉินหร่านก็ ลุกลี้ลุกลนรีบเก็บซ่อนโทรศัพทแมือถือทันที “เชิญนั่งก่อนนะ ครับ เดี๋ยวผมไปหานายน้อยสองสักครู่”
ฉินหร่านยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากแย้ง พนักงานที่อยู่ด้าน นอกก็วิ่งพรวดพราดเข้ามาเสียก่อน พร้อมเอ่ยอย่างรีบร้อน “หัวหน้าฉิน พวกแผนกวิศวกรรมแจ้งขอลาออกจากทีมเรา แล้วครับ!”
พลันขายาวๆ ของหัวหน้าฉินก็ชะงักไป เขาหยุดเดินแล้ว ก้มหน้าลงพร้อมสีหน้ามืดมนและไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
เขาพอจะได้ยินข่าวคราวมาบ้าง จึงไม่ได้แปลกใจกับเรื่อง ที่เกิดขึ้นมากนัก
ชายหนุ่มยกเท้า เตรียมตัวเดินออกไปหาฉินฮั่นชิว
ทว่าฉินหร่านที่อยู่ด้านหลังกลับเรียกเขาไว้เสียก่อน “หัวหน้าฉิน คนที่ควรจะออก ออกไปกันหมดหรือยังคะ?”
หัวหน้าฉินหันกลับมามองเธอ เขาไม่รู้ว่าเธอต้องการจะ สื่ออะไร
ฉินหร่านหัวเราะหึเบาๆ พลางเอ่ยพึมพํา “ฉันก็อยากจะ รู้เหมือนกันว่า หากเครื่องยนตแสี่มิติถูกผลิตออกมาแล้ว มันจะ สร้างผลลัพธแแบบไหน?”
ร่างบางเหลือบมองหัวหน้าฉินแวบหนึ่ง ก่อนจะยื่น เอกสารให้อีกฝุาย
ฉินหร่านไม่ได้ทําการวิจัยศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับ เครื่องยนตแมาสองปีแล้ว แต่วันนี้เธอหยิบยกมันขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อลองถกเถียงหารือกับหัวหน้าพ่อบ้านที่แสนฉลาดคนนี้ว่า เครื่องจักรสี่มิติตัวนี้จะสร้างกระแสตอบรับออกมาในทิศทาง ใด