เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 530 ตกตะลึง
หัวหน้าแผนกฉินชะงักไป ก่อนเหลือบมองดูแวบหนึ่ง และเอ่ยปากพูด “ขอผมดูหน่อย”
เขารู้ว่าพ่อบ้านฉินคงไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้
ขายาวจึงก้าวฉับๆ เข้าไปดู
ส่วนที่เป็นสัญญามีแค่สามแผ่นเท่านั้น
พ่อบ้านฉินเปิดอ่านจนถึงหน้าสุดท้าย ตรงที่ด้านล่างมี ลายเซ็นและรอยแสตมปตรายาง มันเป็นลายเซ็นชื่อด้วยหมึก สีดํา รวมทั้งลักษณะตราประทับที่เป็นแบบราชการ
ทําให้แยกไม่ค่อยออกว่าเอกสารฉบับนี้มีความสําคัญด้าน ใด
หลังจากนั้นหัวหน้าแผนกฉินก็เอ่ยขึ้นว่า “หรือนี่จะเป็น …”
“คุณรู้จักเหรอ?” ถึงพ่อบ้านฉินจะอายุมากกว่า แต่เขาก็ ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องกระบวนการในโลกโครงการวิศวกรรมมาก
นัก ทว่าพอเห็นท่าทีของหัวหน้าแผนกฉิน เขาก็รู้ได้ทันทีว่า เรื่องนี้คงไม่สามารถจัดการได้ง่ายๆ แน่นอน
หัวหน้าแผนกฉินไม่พูดอะไรต่อ เขาหมุนตัวเดินออกไป ด้านนอก และรีบร้อนเข้าไปนั่งที่โต฿ะคอมพิวเตอรแในห้อง ทํางานของฉินฮั่นชิวทันที มือหนากดเปิดสวิตชแคอมพิวเตอรแ พลันกดเข้าไปที่ลิงกแไฟลแด้านในของอวิ๋นกวงกรุ฿ป
เขาลองกดลิงคแแรกของใครบางคนที่อยู่ด้านบนสุด
ซึ่งฟอรั่มนี้ค่อนข้างถูกปรับแต่งให้มีประสิทธิภาพอย่าง มาก และสามารถพูดได้ว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าซอฟตแแวรแ โซเชียลอย่างเว็บเวยปอเสียอีก
นอกจากนี้พ่อบ้านฉินยังสังเกตเห็นว่าฟอรั่มนี้ได้รับความ สนใจจากผู้เข้าชมถึงสามหมื่นเก้าพันคนอีกด้วย
และเมื่อมองรายละเอียดทางซ้ายมือ พ่อบ้านฉินก็ชะงัก ค้างไป ชื่อดีของผู้ใช้ลิงกแนี้เป็นคําในภาษาอังกฤษแบบง่ายๆ
poppy
“นี่คือคนของอวิ๋นกวงกรุ฿ปงั้นเหรอ?” พ่อบ้านฉินเอ่ย อย่างตกตะลึง
หัวหน้าแผนกฉินส่ายหัวไม่ตอบกลับ ยามกดเข้าเชื่อมต่อ เข้าไปเรื่อยๆ เขาก็พบภาพในเว็บลิงกแหนึ่งภาพ เมื่อกดขยาย ตรวจดูแล้วเปรียบเทียบกับลายเซ็นในเอกสารที่พ่อบ้านฉิน ถืออยู่ พลันต้องทรุดตัวลงไปนั่งบนเก้าอี้อย่างเร็ว
เขากําสัญญาในมือไว้แน่น แววตาสั่นระริก พร้อมเส้น เลือดที่นูนขึ้นเด่นชัดที่หลังมือเพราะการกําหมัด
“ผมจะไปหาคุณหนูฉิน” หัวหน้าแผนกฉินลุกพรวดขึ้น ยืนทันควัน แม้แต่พ่อบ้านฉินก็ห้ามไม่ทัน พลันสาวเท้าตาม อีกฝุายไปหาฉินหร่านด้วยความรวดเร็ว
ทว่าเมื่อเดินมาถึงห้องรับรอง กลับพบว่าฉินหร่านกับฉิน ฮั่นชิวได้ออกไปแล้ว
พ่อบ้านฉินที่รีบร้อนวิ่งตามหัวหน้าแผนกฉินมา ก็รีบเอ่ย ด้วยใจที่ร้อนรน “หัวหน้าแผนกฉิน บอกผมเถอะว่า เอกสาร ที่คุณหนูให้ผมมามันคืออะไรกันแน่?”
เอกสารบ้าอะไรกันที่ทําให้หัวหน้าแผนกฉินคนนิ่งเปลี่ยน ท่าทีเป็นร้อนใจแบบนี้?
“มันคือสิ่งที่อวิ๋นกวงกรุ฿ปคิดไม่ถึงไงล่ะ” หัวหน้าแผนก ฉินหันกลับมาเอ่ยพร้อมนิ้วมือที่สั่นเทา เขาพยายามยับยั้ง ความปั่นปุวนและความร้อนรนในใจอย่างสุดความสามารถ
พลันแววตาก็ประกายแห่งความหวัง “พ่อบ้านฉิน พวกเรา คงไม่ต้องยกเลิกงานแถลงข่าวแล้ว!”
**
ด้านล่างอาคารสํานักงาน ฉินฮั่นชิวเดินลงมาพร้อมฉินห ร่าน
สองพ่อลูกกําลังพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องฉินหลิงอยู่
พนักงานที่เดินขวักไขว่ไปมาต่างพากันทักทายฉินหร่าน และฉินฮั่นชิวอย่างเคารพนับถือ
“คุณหนูใหญ่!”
“นายน้อยสอง!”
นั่นเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าฉินหร่านผ่านการทดสอบตําแหน่ง ผู้สืบทอดของตระกูลครั้งก่อนแล้ว และมีเพียงคนในเท่านั้นที่ รู้ ทว่าพนักงานระดับสูงเหล่านี้ รวมทั้งหัวหน้าแผนกฉินและ คุณชายสี่ล้วนให้ความเคารพในตัวฉินหร่าน แต่ในทาง กลับกัน พวกพนักงานตําแหน่งเล็กๆ ด้านล่าง ก็จะมี ความรู้สึกต่อเธอในรูปแบบที่ต่างออกไป
อีกทั้งตอนนี้ปัญหาของตระกูลเฉิงก็กําลังเป็นที่จับตา มองและพูดถึงในวงกว้าง ซึ่งพนักงานธรรมดาทั่วไปที่ไม่รู้ รายละเอียดของสี่ตระกูลใหญ่กับเรื่องวงใน ก็จะพูดไปต่างๆ นานาได้
และมันจะเป็นการเปิดช่องทางให้ผู้ไม่หวังดีแน่นอน
ทั้งฉินอวี่และหนิงฉิงต่างก็มาพบคุณชายสี่เช่นกัน ทว่าทั้ง สองกลับถูกพนักงานรักษาความปลอดภัยขวางไว้เสียก่อน
“คนนอกรบกวนรอ ส่วนนายน้อยสองกับคุณหนูใหญ่ เชิญทางนี้ครับ”
หนิงฉิงและฉินอวี่โดนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกัน ไว้ด้านนอก พลางมองฉินฮั่นชิวที่กําลังส่งฉินหร่านออกไป นอกประตู เขาสวมสูทสีดําสวยพร้อมท่าทีนิ่งสงบไร้เล่หแ เหลี่ยมต่างจากเมื่อก่อน อีกทั้งยังดูเคร่งขรึมขึ้น ทําให้ยิ่งมอง ยิ่งรู้สึกว่าอีกฝุายดูน่าเกรงขาม
โดยเฉพาะฉินหร่าน…
ครึ่งปีมานี้ หนิงฉิงได้ทราบข่าวต่างๆ ของฉินหร่านผ่าน ทางโทรทัศนแ และนี่เป็นครั้งแรกในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาที่เธอได้ เห็นลูกสาวตัวเองตัวเป็นๆ ซึ่งความรู้สึกที่ได้เจอกันครั้งนี้ต่าง
ออกไปจากเมื่อก่อนอย่างชัดเจน ไม่เพียงแต่ฉินหร่าน หากยัง มีความรู้สึกต่อฉินฮั่นชิวที่ต่างไปจากเดิมอีกด้วย…
“เธอมีดีตรงไหนกัน ก็แค่อาศัยบารมีของตระกูลเฉิงหา ลู่ทางให้ตัวเองเท่านั้นและ” ฉินอวี่ยืนเอ่ยอยู่ด้านข้าง นัยนแตา ของเธอมืดหม่น “คุณชายสี่ก็บอกไว้แล้วว่า ครั้งนี้…พ่อทํา อะไรไม่ได้หรอก แม้แต่งานแถลงข่าวยังจัดไม่ได้เลย ถ้าแม่ อยากไปหาฉินหร่าน แม่ก็ไปเถอะ”
พอเฉิงเจวี้ยนพลาดท่า ฉินฮั่นชิวก็พลอยล้มไปด้วย เธอ อยากจะรู้จริงๆ ว่าฉินหร่านจะแกล้งทําเป็นเก่งไปได้นานแค่ ไหน
เมื่อฉินหร่านและฉินฮั่นชิวเดินออกไปแล้ว เจ้าหน้าที่ รักษาความปลอดภัยก็เปิดทางให้คนอื่นๆ ได้เดินเข้าไปบ้าง ฉินอวี่กัดริมฝีปากตัวเองแน่น เธอจ้องเขม็งไปยังรถหรูสีดําที่ เคลื่อนตัวออกไป พลันรีบจ้ําอ้าวไปหาคุณชายสี่อย่างรวดเร็ว
คุณชายสี่ทอดสายตามองลงไปจากห้องทํางานชั้นยี่สิบ เขาเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ พร้อมฟังลูกน้องรายงาน สถานการณแของฉินฮั่นชิว “พวกนั้นยังจะจัดงานแถลงข่าวต่อ เหรอ?”
ตอนนี้พวกนั้นไม่มีเงินทุนจากธนาคาร และทําให้ โครงการต้องถูกระดับการดําเนินงาน แล้วยังจะจัดงานแถลง ข่าวให้ขายขี้หน้าใครเขาอีกหรือ?
สวี่อวิ๋นเหาที่พึ่งขึ้นมาจากชั้นสิบเก้าก็รีบเอ่ยอย่าง ประจบสอพลอ “คงอยากรนหาที่ตายมั้งครับ”
ทว่าคุณชายสี่ไม่คิดแบบนั้น พ่อบ้านฉินกับหัวหน้าแผนก ฉินไม่ใช่คนไม่มีสมอง เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกดโทรศัพทแหา โอวหยางเวยทันควัน “คุณหนูโอวหยาง คุณแน่ใจแล้วใช่ไหม ว่าตระกูลสวีกับตระกูลเฉิงจะไม่สอดมือเข้ามาวุ่นวายเรื่อง นี้?”
“วางใจเถอะ ฉันคอยเช็กข่าวอยู่ตลอด ตอนนี้ตระกูลเฉิง กําลังเกิดเรื่องวุ่ยวาย ส่วนตระกูลสวีก็ไม่มีทางยื่นมือเข้าไป ช่วยฝุายนั้นแน่นอน” โอวหยางเวยตอบด้วยความมั่นใจ
ได้ยินแบบนั้นคุณชายสี่ก็โล่งใจ เขาถอนหายใจออกมา อย่างโล่งอก หากตระกูลเฉิงและตระกูลสวีไม่สอดมือเข้ามา ยุ่ง เรื่องทุกอย่างก็จะเป็นไปตามแผนที่วางไว้ “คุณหนูโอวห ยาง ผมเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ทางฝั่งฉินฮั่น ชิวสูญเสียพนักงานไปหลายคนแล้ว”
หลังจากวางสาย คุณชายสี่ตระกูลฉินก็ใช้มือค้ําโต฿ะราว กับใช้ความคิด พลันเงยหน้าขึ้นมองลูกน้องคนสนิทที่ยืนอยู่ ตรงหน้า “งานแถลงข่าวของพวกฉินฮั่นชิวจะจัดขึ้นในวันพุธ หน้าใช่ไหม?”
เพียงได้ยินคําถามนั้น ก็รู้ได้ทันทีว่าคุณชายสี่ตระกูลฉิน กําลังคิดอะไรอยู่
เขาจึงเอ่ยว่า “คุณชายสี่ ท่านคิดอยากจัดงานแถลงข่าว ตัดหน้าพวกนั้นใช่ไหมครับ?”
“ถูกต้อง พวกนั้นจะจัดงานที่โรงแรมโหยวซั่งตี้กั๋วสินะ พวกนั้นน่ะ ไม่เห็นโลงศพไม่หลังน้ําตาหรอก งั้นเราก็จัดงาน แถลงข่าวที่ห้องจัดเลี้ยงข้างๆ ไปเลย” คุณชายสี่เอ่ยโดย ปราศจากความลังเล
จากนั้นฉินฮั่นชิวก็จะกลายเป็นตัวตลกสําหรับทุกคนใน สายงานอุตสาหกรรมนี้ไปตลอดชีวิต
ในแวดวงการตลาดก็เปรียบเสมือนสนามรบ ซึ่งคนที่อยู่ ด้านในวงโคจรนี่ก็คือมนุษยแที่มากด้วยความโลภ และตอนนี้ คนส่วนใหญ่ต่างก็คิดแบบเดียวกันกับคุณชายสี่ พวกเขาล้วน ต้องการครอบครองหุ้นที่อยู่ในเหลือมือของฉินฮั่นชิวทั้งนั้น
ด้านนอกประตู
สวี่อวิ๋นเหาเริ่มพากลุ่มคนจํานวนหนึ่งมาเข้าร่วมทีมกับ คุณชายสี่
“หัวหน้าสวี่” หนึ่งในลูกทีมเขากวาดตามองไปรอบๆ ออฟฟิศของคุณชายสี่ตระกูลฉิน พลางเอ่ยอย่างระมัดระวัง “ที่เราลาออกจากทีมของนายน้อยสองมาแบบนี้ เป็น เพราะว่า…”
“เพราะฉันรู้เรื่องของวงในมาไง” สวี่อวิ๋นเหาเอ่ยพลาง เหลือบมองลูกน้องของตัวเอง และลดเสียงลงเบาๆ “นายรู้ ไหมคุณชายสี่ครอบครองโครงการอะไรไว้บ้าง?”
“อะไรเหรอครับ?”
“โครงการความร่วมมือภายในของอวิ๋นกวงกรุ฿ป” สวี่อวิ๋ นเหากระซิบ “คุณเหลิ่งที่อยู่ข้างกายคุณชายสี่คนนั้น เป็น
พนักงานฝุายขายของอวิ๋นกวงกรุ฿ป…” ดังนั้นโครงการของ คุณชายสี่ตระกูลฉินจึงมีทุนและได้รับการสนับสนุนมากกว่า ฝุายฉินฮั่นชิวที่ไม่มีแม้แต่ทุนทรัพยแต่อยอดโครงการ แค่นี้ก็รู้ แน่ชัดแล้วว่าใครคือคนที่ควรร่วมงานด้วยมากกว่ากัน