เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 531 ใครกันแน่ที่ขายหน้า
ย่านถิงหลาน
ณ ห้องทํางานของเฉิงเจวี้ยน
เฉิงเวินหรูมองไปยังเฉิงเจวี้ยนพร้อมประกายบางอย่าง ทอแสงในตา และความสงสัยทั้งหมดที่มีก่อนหน้านี้ก็หายไป เช่นกัน “น้องสาม นายรู้อยู่แล้วสินะ”
“อืม ก็แค่ไม่พูดเท่านั้น” เฉิงเจวี้ยนชี้ไปที่เก้าอี้ฝั่งตรง ข้าม ท่าทีและสีหน้าของเขาดูสงบนิ่ง ทว่ามีเพียงแววตาที่ดู เข้มและเย็นชา “นั่งสิ”
แม้ว่าเรื่องนี้จะถูกเฉิงเหราฮั่นเปิดโปงความจริงต่อ สาธารณชน แต่ก็ไม่ได้ทําให้สองพี่น้องกระอักกระอ่วนใส่กัน เลย
“ยังไม่พร้อมจะกลับไปเหรอ?” เฉิงเวินหรูเม้มปากแน่น
ช่วงนี้เธอมีปากเสียงกับเฉิงเหราฮั่นอยู่บ่อยครั้ง ทําให้ เหนื่อยทั้งกายและใจ
“ดูสถานการณแก่อนละกัน” เฉิงเจวี้ยนตอบพลางเปิด คอมพิวเตอรแ แล้วกดเข้าไปที่ไฟลแเอกสาร “การคัดเลือกผู้นํา ตระกูลครั้งต่อไปจะเริ่มเมื่อไหร่?”
นี่คือคําถามที่เฉิงเวินหรูไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย ความจริงแล้วเธอไม่ต้องการพูดเรื่องนี้กับเฉิงเจวี้ยนด้วยซ้ํา เพราะกลัวว่ามันจะกระทบจิตใจของเฉิงเจวี้ยน ทว่าคราวนี้ น้องชายกลับหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูดด้วยตนเอง หญิงสาว ชะงักไปนิด พลางเอ่ย “ประมาณอีกครึ่งเดือน”
“ก็ดี” เฉิงเจวี้ยนพยักหน้ารับและไม่ได้พูดอะไรอีก
จากนั้นประตูห้องทํางานก็ถูกเปิดออกจากด้านนอก เฉิงสุ่ยเดินถือเอกสารเข้ามาอย่างเร็ว “นี่เป็นข้อมูลที่เฉิงถู่ส่ง มาให้ นักลงทุนฝั่งนั้น…”
เมื่อเฉิงสุ่ยเห็นเฉิงเวินหรู เขาก็พูดเสียงเบาลงราวกับ พยายามปกปิด “คุณลองอ่านดูนะ แค่เฉิงถู่ได้ยินเรื่องพวกนี้ ก็แทบอยากกลับประเทศเลยละ”
เฉิงเจวี้ยนหยิบเอกสารขึ้นมา ตาคมเพ่งมองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเงยหน้าขึ้น “สํานึกกันบ้างแล้วสินะ ทุกคนเริ่มอยาก กลับมาแล้วใช่ไหม?”
เฉิงสุ่ยนึกถึงเรื่องที่เฉิงถู่ร่วมมือกับพวกนักลงทุนหน้าเงิน พวกนั้น พลันกระแอมไอออกมา และไม่กล้าตอบโต้สัก ประโยค
“เฉิงจินถูกพวกคนในแผนกวิศวกรรมทางดินน้ําอากาศ ทั้งสามแผนกโหวตออกแล้วใช่ไหม” เฉิงเจวี้ยนลุกขึ้นยืนด้วย ท่าทางนิ่งเงียบ “งั้นก็บอกเขายื่นใบลาออกให้เรียบร้อย แล้ว กลับไปขายเสื้อผ้าซะ”
เฉิงสุ่ยถึงกับช็อคค้างและประหลาดใจ เมื่อได้ยินคําว่า “ขายเสื้อผ้า”
ผ่านไปหลายวินาทีเขาถึงเรียกสติกลับมาได้ คําว่าซื้อ เสื้อผ้าของเฉิงเจวี้ยนมันหมายความว่าอย่างไรกันนะ…
แต่ไหนแต่ไรเฉิงเจวี้ยนและพวกเกี่ยวข้องอย่างไรกับการ เสื้อผ้ากันนะ…
น้ําเสียงของคนทั้งสองฟังดูสงบนิ่ง ไม่ได้แสดงออกถึง ความใจร้อนหรือฉุนเฉียว และนั่นทําให้เฉิงเวินหรูอุ่นใจและ ไม่กระอักกระอ่วนมากนัก
เฉิงเวินหรูเดินลงมาด้านล่างอย่างครุ่นคิด
ความจริงแล้วหลายปีมานี้ เธอรับรู้เรื่องราวของเฉิง เจวี้ยนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทว่าสิ่งที่ทําให้เธอประหลาดใจ ที่สุดนั้นคงเป็นเรื่องการเงินของเขาที่ดูเหมือนเข้าตาจน แต่ก็ ยังมีเหลือกินเหลือใช้อีกมากโข พอคิดแบบนั้นเธอก็ถอน หายใจด้วยความโล่งอก
สถานการณแคงไม่ได้ย่ําแย่หรือซับซ้อนอย่างที่เธอคิด
เมื่อเดินผ่านเฉิงจินและเฉิงหั่วที่กําลังยืนมองกระถาง ดอกไม้ของเฉิงมู่อยู่ เธอก็คิดอะไรบางอย่าง พลันหันไปมอง เฉิงจิน “เฉิงจิน ตอนนี้นาย…เปลี่ยนมาขายเสื้อผ้าแล้ว เหรอ?”
เฉิงจิน “…ใช่”
แต่เขาไม่ได้เปลี่ยนอาชีพหรอกนะ เขาขายเสื้อผ้ามาแต่ ไหนแต่ไรแล้วต่างหาก
เฉิงเวินหรู “…ก็ดี”
เธออ้าปากพะงาบราวต้องการพูดอะไรต่ออีก แต่สุดท้าย ก็เลือกที่จะเงียบไป
เฉิงเจวี้ยนจึงเดินไปส่งเฉิงเวินหรูที่ด้านล่าง
หลังจากรอให้ทั้งสองคนเดินไปแล้ว เฉิงจิน เฉิงสุ่ย และเฉิงหั่วสามคนก็เดินไปหาเฉิงมู่
ในบรรดาเฉิงจิน เฉิงมู่ เฉิงสุ่ย เฉิงหั่ว และเฉิงถู่ทั้งห้าคน นอกจากเฉิงมู่แล้วอีกสี่คนที่เหลือก็ไม่ค่อยมีใครกลับไปเยี่ยม เยือนตระกูลเฉิง แถมยังไม่ได้รู้สึกผูกพันกับทางตระกูลต้น กําเนิดมากเท่าไหร่ และตอนนี้เฉิงมู่กําลังนําเสนอดอกไม้สาย พันธุแใหม่ของเขาให้กับพี่น้องทั้งสี่ของเขาอย่างภาคภูมิใจ
“เห็นหรือยังว่าดอกไม้หน้าหนาวสายพันธุแใหม่ที่ผม คิดค้นขึ้นมา สามารถทนความหนาวเย็นได้นานกว่าสายพันธุแ เก่าของคนสวนคนก่อนตั้งหนึ่งเดือนเชียวนะ” เฉิงมู่เอ่ยพร้อม เชิดหน้าขึ้นด้วยความโอ้อวด
สามพี่น้องเฉิงจิน เฉิงสุ่ยและเฉิงหั่วเหลือบมองกระถาง ดอกไม้ที่โดนเจ้านายของมันขี้โม้ราวกับคนบ้ายอไม่หยุด พลัน เลือกที่จะเงียบปากไม่พูดไม่จาครู่หนึ่ง
ถึงอยากจะพูดออกไปแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ต้องกลืนเก็บ มันไว้
เฉิงสุ่ยถอนหายใจเฮือกใหญ่และตบไหล่เฉิงมู่เบาๆ
จนแล้วจนรอด พี่น้องที่แสนดีก็กลายเป็นคนสวนไปแล้ว สินะ
**
หลายวันต่อมา
วันงานแถลงข่าวโครงการของฉินฮั่นชิว
ฉินหร่านรีบตื่นแต่เช้าแล้วลุกมานั่งทานอาหารเช้าที่โต฿ะ ให้เรียบร้อย
เฉิงหั่วที่นั่งถัดออกไปเริ่มคุยกับเธอทั้งๆ ที่ยังเคี้ยวขนม ปังอยู่ในปาก “คุณหนูฉิน ระบบรักษาความปลอดภัยที่เฉิงถู่ สร้างขึ้นเมื่อวานไม่มีข้อผิดพลาดหรือช่องโหวใช่ไหม?”
“ไม่มีระบบความปลอดภัยไหนที่ทํางานได้แม่นยําร้อย เปอรแเซ็นตแหรอก แต่ว่า…” ร่างบางเอ่ยพลางเงยหน้ามองอีก คน “อย่างน้อยพวกคุณต้องหาเลขไอพีประจําเครื่องของพวก นั้นไว้แกะรอยติดตามในภายหลัง”
เช่นเดียวกับการโจมตีระบบรักษาความปลอดภัยของ ต่างประเทศ เธอยังต้องการโฮสตแลิงกแเพื่อเชื่อมต่อ และหาก ไร้ซึ่งพอรแตในการอินเตอรแเฟซหรือเคลื่อนย้าย เธอก็จะไม่ สามารถเจาะเข้าไปในทรัพยแสินทางปัญญาของอีกฝุายได้
“ได้เลย” เฉิงหั่วตอบ “ไว้ผมจะลองใช้ไวรัสเจาะเข้า เครื่องพวกเขาดู”
ขณะที่ทั้งสองคนกําลังพูดคุยกันอยู่ เฉิงสุ่ยและเฉิงจินก็ เดินตามหลังเฉิงเจวี้ยนออกมาจากห้องทํางาน เฉิงสุ่ยยังพูด อะไรบางกับเฉิงจินต่อ ทว่าฉินหร่านไม่ได้ใส่ใจ เธอเล็มไล่ชิม ฟองนมในแก้วพลางมองไปยังเฉิงเจวี้ยน แล้วใช้มือเท้าแขน กับโต฿ะพร้อมยันปลายคางไว้ “วันนี้เป็นวันแถลงข่าวเรื่อง โครงการของพ่อฉัน”
ครั้งที่เฉินซูหลานเสียชีวิตกะทันหัน ตัวฉินหร่านเองก็ สับสนทําอะไรไม่ถูก ซึ่งเฉิงเจวี้ยนเป็นคนจัดการเรื่องตาราง
งานและการเดินทางให้เธอเกือบทั้งหมด จนเธอสามารถ “จัดการ” ทุกอย่างได้ทุกที่
เฉิงเจวี้ยนนั่งลงข้างๆ ฉินหร่านในตําแหน่งเก้าอี้ที่พวก เขาจงใจเว้นว่างไว้ให้ พลันเอ่ยตอบแบบไม่ต้องคิดให้มาก ความว่า “เข้าใจแล้ว”
เมื่อทั้งคู่ทานข้าวเช้าเสร็จก็ออกเดินทางทันที
ฉินหร่านสวมเสื้อคลุมกันลมและสวมหมวกแบบมิดชิด จนแทบมองไม่เห็นใบหน้า
ส่วนเฉิงเจวี้ยนนั้นสวมเพียงเสื้อคลุมสีดําตัวใหญ่และไม่ สวมหมวก ทําให้เขียนรูปร่างผ่ายผอมของเขาได้ชัดกว่าเดิม หลายวันมานี้เขาผอมลงกว่าเมื่อก่อนหลายเท่า ราวกับทั้งร่าง สามารถปลิวไปตามลมได้อย่างไรอย่างนั้น
ฉินหร่านหมุนตัวหันมองชายหนุ่มครู่หนึ่ง พร้อมคิดอะไร บางอย่างขึ้นได้ จากนั้นมือบางก็หยิบแมสสีดําออกมาจาก กระเปาแล้วสวมมันให้เขา
ซึ่งเป็นแมสแบบเดียวกับที่เธอซื้อพร้อมฉินซิวเฉิน มันมีสี ดําและลวดลายไม่ค่อยสวย แถมยังใหญ่เสียจนปิดบังกรอบ หน้าหล่อ จนเหลือเพียงดวงตาเย็นชาหนึ่งคู่ที่โผล่พ้นให้เห็น
ฉินหร่านหัวเราะเบาๆ “ไปกันเถอะ”
วันนี้มีเพียงฉินหร่านและเฉิงเจวี้ยนที่ออกไปด้วยกัน ส่วน เฉิงมู่ก็ไม่ได้ตามออกไปด้วย
ไม่นานนัก ทั้งสองคนก็เดินทางมาถึงโรงแรมที่เป็น สถานที่จัดงานแถลงข่าว
ฉินหร่านไม่ชอบสถานที่ที่คนหนาแน่น และเธอมักจะ หงุดหงิดง่าย หากวันนี้ไม่ใช่เพราะตั้งใจพาเฉิงเจวี้ยนออกมา เธอก็ไม่รู้ตัวเองจะมาที่นี่หรือเปล่า
ก่อนหน้านี้เธอถามเรื่องสถานที่จัดงานกับฉินฮั่นชิวไว้ แล้ว
นั่นก็คือห้องรับรองจัดเลี้ยงห้องที่สองของโรงแรม
ซึ่งตามทางเดินจะมีปูายชี้บอกตลอดแนว
เฉิงเจวี้ยนจับมือเรียวไว้แน่น จากนั้นทั้งคู่ก็เดินไปยังห้อง รับรองจัดเลี้ยงห้องที่สองด้วยกัน พลันตาคมก็เหลือบไปเห็น ห้องรับรองจัดเลี้ยงห้องแรกที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ด้านในนั้นก็มีจอ ขนาดใหญ่สําหรับเตรียมจัดการแถลงข่าวเช่นกัน อีกทั้ง ตอนนี้พวกนักข่าวหลายคนก็เดินเข้าไปในห้องรับรองฝั่งนั้น แล้วด้วย
งานแถลงข่าวใกล้เริ่มขึ้นแล้ว ทว่าพอมองไปทางฝั่งของ ฉินฮั่นชิว กลับมีเพียงคนไม่กี่คนเท่านั้น และพอเห็นแบบนั้น ฉินหร่านก็ขมวดคิ้วทันที
ไม่นานพนักงานทางฝั่งฉินฮั่นชิวที่พอจะรู้ทันสถานการณแ ก็เดินออกมาต้อนรับร่างบางให้เข้าไปด้านใน
ครั้นเมื่อเห็นฉินหร่านมองไปยังห้องรับรองฝั่งตรงข้าม พนักงานคนนั้นก็เผยยิ้มฝืดเคืองออกมา “คุณชายสี่จัดงาน แถลงข่าวของตัวเองเหมือนกัน แถมยังเลือกวันจัดงานวัน เดียวกับเราด้วย นักข่าวส่วนใหญ่จึงโดนเขาดึงไปทางนั้นหมด …”
ด้านห้องรับรองฝั่งตรงข้าม
ฉินอวี่นั่งอยู่เก้าอี้แถวหน้าของงาน ขณะนี้งานแถลงข่าว ได้เริ่มขึ้นแล้ว เธอหมุนตัวกลับไปมองด้านหลัง ก่อนจะเห็น ฉินหร่านยืนอยู่ตรงนั้น พลันเหยียดยิ้มออกมา “แม่คะ เรา ลองเดินไปดูฝั่งพ่อกันเถอะค่ะ”