เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 536 คุณเรียกเธอว่าเทพ P
“แขกของคุณหนูมาเร็วขนาดนี้เลยเหรอครับ?” พ่อบ้าน ฉินตรงดิ่งไปเปิดประตู
ทว่าคนที่มากลับไม่ใช่อาจารยแของฉินหลิง แต่กลับเป็น พวกสวี่อวิ๋นเหา
พ่อบ้านฉินกับหัวหน้าแผนกฉินมีความทรงจําที่ไม่ค่อยดี ต่อสวี่อวิ๋นเหา ทั้งสองฝังใจถึงขั้นยังจดจําท่าทีบีบบังคับไม่ ยอมคนของพวกเขาเมื่อหลายวันก่อนได้เป็นอย่างดี
“นายน้อยสอง หัวหน้าแผนกฉิน พวกเรามาวันนี้เพื่อส่ง มอบงานครับ” สวี่อวิ๋นเหาแสดงกิริยานอบน้อมถ่อมตัวมาก
พอมองดูแล้วช่างขบขัน หลายวันก่อนพวกเขายังทําตัว หยิ่งยโสอยู่เลย แม้แต่งานก็ทําท่าทีไม่ยอมส่งมอบให้ แต่วันนี้ กลับเสนอตัวมาเพื่อส่งมอบงานด้วยตัวเองเสียอย่างนั้น
หัวหน้าแผนกฉินพยักหน้าสีหน้าเรียบเฉย ไม่แสดง อาการแสดงใดๆ เป็นพิเศษ
ทางด้านสวี่อวิ๋นเหาเองก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย เขาทําเพียงโค้งคํานับอย่างนอบน้อม “ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะ กลับไปทําเรื่องส่งมอบงานให้จบ” พูดจบก็จะพาคนสองคน ออกจากประตูไปทันที
ระหว่างนั้นที่ด้านนอกก็มีอีกคนเดินสวนเข้ามา ภายใต้ แว่นตากรอบสีทองและสีหน้าแววตาลุ่มลึก ซ่อนแววตาไม่ พอใจเอาไว้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะคนเยอะมากเกินไปจน น่าหงุดหงิด
ฉินหร่านที่กําลังพูดคุยกับเฉิงเจวี้ยนและฉินฮั่นชิว ก็รู้สึก ได้ว่าคนที่รอคอยได้มาถึงแล้ว เธอจึงลุกขึ้นยืนและพูดว่า “เขามาแล้ว”
ท่านนี้คืออาจารยแสอนออนไลนแของฉินหลิง ฝุายพ่อบ้าน ฉินและฉินฮั่นชิวก็เคารพนับถือเขามากเป็นพิเศษ จึงได้ลุกขึ้น เพื่อแสดงการต้อนรับเช่นกัน
“คุณ…” ฉินฮั่นชิวก้าวไปข้างหน้าสองก้าว ส่วนพ่อบ้าน ฉินก็รีบขอตัวออกไปเพื่อชงน้ําชา
ฉินฮั่นชิวจะกล่าวทักทายด้วยคําว่า “สวัสดี” แต่ก็ติดอยู่ ที่ลําคอและไม่ได้เปล่งเสียงออกมาได้ พลันกลับตื่นเต้นดีใจ จนพูดออกมาว่า “น้องรอง?”
“พี่ชาย” ฉินฮั่นชิวเรียกด้วยน้ําเสียงอึกอักจนลู่จือสิง สังเกตเห็นและพอจะเข้าใจเรื่องราว
หากแต่ก็ไม่ได้แสดงอาการออกมา ถึงใบหน้าของเขาจะ ยังคงเรียบเฉย แต่ก็พอดูออกว่าอีกฝุายอารมณแดีไม่น้อย
“นายน้อยสอง” เมื่อเห็นว่าเป็นการพบปะระหว่างญาติ สนิท หัวหน้าแผนกฉินและหุ้นส่วนทั้งสองคนก็ไม่อยากอยู่ รบกวนต่อ จึงได้ลุกขึ้นยืน พร้อมกล่าวลา “พวกเราขอลา ก่อนแล้วกัน” หลังจากพูดจบ หลายคนในนั้นก็พร้อมใจกัน มองมาทางลู่จือสิง และได้เริ่มทักทายกันตามประสา
“คุณ…” หัวหน้าแผนกฉินคิดในใจว่าฉินฮั่นชิวมี ลูกพี่ลูกน้องเพิ่มขึ้นมาอีกคนตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่พอหันกลับไป มองลู่จือสิง ทั้งร่างกลับรู้สึกเกร็งไปหมด
หุ้นส่วนที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหลังของเขาเริ่มมองหน้ากันโดย ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
แม้แต่ฉินฮั่นชิวก็ยังหันมาทางหัวหน้าแผนกฉิน พร้อม เอ่ย “หัวหน้าแผนกฉิน?”
“คุณ…” ในใจหัวหน้าแผนกฉินรู้สึกสับสนวุ่นวาย เขา เริ่มมองไปที่ลู่จือสิง แล้วพูดจาไม่ได้ศัพทแ จนเวลาล่วงเลยไป
และกว่าจะตั้งสติได้ก็กล่าวออกไปอย่างตะกุกตะกัก “คุณ… คุณลู่?!”
ทว่าลู่จือสิงมีนิสัยรักสันโดษ ไม่ชอบให้สัมภาษณแ
อวิ๋นกวงกรุ฿ปตั้งอยู่บนชั้นยี่สิบแปด ไม่มีพนักงานคนไหน สามารถเข้าไปข้างในได้ และคนที่รู้จักรูปร่างหน้าตาของลู่จื อสิงก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
แต่เขากลับโด่งดังมากในวงการไอที
แม้คนอื่นๆ ยังไม่ค่อยคุ้นเคย แต่หัวหน้าแผนกฉินที่เป็น คนมีชื่อเสียงระดับแถวหน้าของวงการ จะไม่รู้จักกันได้ อย่างไร?
“สวัสดีครับ…” ลู่จือสิงหยุดชะงักไปชั่วขณะ แล้วก็ยื่นมา จับมือตอบอย่างสุภาพ “ผมคือลู่จือสิง รอบนี้ผมจะมาคุย ปัญหาเรื่องการเชื่อมต่อของหุ่นยนตแเสมือนจริงในรูปแบบสี่ มิติครับ”
หัวหน้าแผนกฉินก็ได้เช็ดถูมือตัวเองจนสะอาดก่อนจะยื่น ออกมาจับมือกับลู่จือสิง พร้อมความรู้สึกทําตัวไม่ถูก “คุณลู่ คุณ… คุณจะเข้าร่วมด้วยไหม”
เดิมทีผู้ถือหุ้นสองคนคิดว่าเขาเป็นเพื่อนของฉินหร่าน แต่พอได้ฟังบทสนทนาของพวกหัวหน้าแผนกฉินแล้ว ก็ได้แต่ หันมามองหน้ากันด้วยความแปลกใจ
คนนี้ก็คือวิศวกรผู้มีชื่อเสียงของอวิ๋นกวงกรุ฿ปอย่างนั้น หรือ?
คือลู่จือสิงที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วโลกคนนั้นใช่ไหม?
อย่าว่าแต่หุ้นส่วนสองคนรู้สึกแปลกประหลาดใจ แม้แต่ คนที่ยืนอยู่หน้าประตูที่กําลังจะเดินออกไปอย่างสวี่อวิ๋นเหาก็ รู้สึกแปลกใจจนไม่รู้จะทําตัวอย่างไรเช่นกัน และได้แต่ หยุดชะงักไปชั่วขณะ พลันเหลือบมองมาทางลู่จือสิง
แต่เดี๋ยวก่อน…
เมื่อครู่ฉินฮั่นชิวยังเรียกเขาว่าน้องด้วย?
สวี่อวิ๋นเหารู้สึกสับสนในใจ ช่วงนี้ในเมืองหลวงมีข่าวลือ เกิดขึ้นมากมาย บ้างก็ปล่อยข่าวว่าเฉิงเจวี้ยนล้มละลายแล้ว ส่วนฉินหร่านผู้ที่จะสืบทอดตําแหน่งสถาบันวิจัยก็จะไปต่อไม่ ไหวเหมือนกัน…
แต่ด้วยสถานการณแที่สับสนวุ่นวายของเมืองหลวงใน ขณะนี้ อย่าว่าแต่ตระกูลฉิน แม้แต่ตระกูลเฉิงและตระกูลสวีก็ ไม่กล้าพูดอย่างเต็มปากว่าสนิทสนมกับอวิ๋นกวงกรุ฿ปหรอก
ทว่าหากมี poppy กับลู่จือสิงอยู่ และสัญญาของการ ร่วมมือของโปรเจ็กตแนี้เริ่มต้นขึ้น ก็เท่ากับว่าได้ปูพื้นฐานให้ สถานะทางสังคมในวงการไอทีให้ตระกูลฉินมั่นคงไม่สั่นคลอน แล้ว
อย่าว่าแต่โอวหยางเวยคนเดียวเลย แต่ทั้งตระกูลโอวห ยางก็ไม่สามารถทําอะไรตระกูลฉินได้เช่นกัน
โอวหยางเวยในตอนนี้ก็แค่ขายฝันให้กับคุณชายสี่ตระกูล ฉินเท่านั้น แต่ไม่เคยมีงานที่จับต้องได้เป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง
หลังจากครั้งนี้ จํานวนวิศวกรระดับหัวกะทิก็จะเข้าร่วม ทีมฉินฮั่นชิวมากขึ้นเรื่อยๆ …
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ทั่วร่างกายของสวี่อวิ๋นเหาก็แข็งทื่อจน ไม่อาจควบคุมได้ และการที่ตระกูลฉินจะฟื้นคืนความยิ่งใหญ่ เหมือนเมื่อยี่สิบปีก่อนนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย!
เขาเดินออกจากประตูออฟฟิศไปอย่างสับสน แต่จู่ๆ ก็ หยุดนิ่งตรงโถงทางเดิน เขานั่งยองลงแล้วยกมือขึ้นปิดหน้า
ตัวเองอย่างราวไร้สติ ในใจเหมือนโดนมีดที่คมกริบกรีดแทง อยู่ตลอดเวลา
ในขณะที่คนอื่นกําลังรู้สึกตกตะลึง แต่ฉินฮั่นชิวไม่ได้คิด เยอะขนาดนั้น เขาแค่รู้สึกดีใจ “ที่แท้ก็คือคุณนั่นเอง มิน่าล่ะ หร่านหร่านจึงยอมเซ็นสัญญาร่วมงานกันจนสําเร็จ….”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทั้งพ่อบ้านฉินและหัวหน้าแผนกฉินต่าง ก็เข้าใจในทันที
ก่อนหน้าพวกเขาก็ได้แต่คิดว่าฉินหร่านจะมี ความสามารถที่ยิ่งใหญ่ ขนาดที่สามารถดึง poppy มา ร่วมงานได้
ที่แท้ก็เป็นเพราะลู่จือสิงนี่เอง…
อย่างนั้นตอนนี้ก็สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดได้ แล้ว
ฉินหร่านไม่ได้เข้าร่วมวงสนทนา เธอแค่เอียงคอมองมาที่ เฉิงเจวี้ยนพลางเอ่ยถาม “พวกเรากลับกันได้หรือยัง?”
เฉิงเจวี้ยนพยักหน้าอนุญาต
ฉินหร่านจึงยืนขึ้นจากที่นั่งแล้วมองไปที่ผู้คนในออฟฟิศ “พวกคุณคุยกันต่อนะ ฉันขอตัวกลับก่อนค่ะ”
“ลูกไปเถอะ” ฉินฮั่นชิวยกมือขึ้นโบกไปมา
หัวหน้าแผนกฉินและผู้ถือหุ้นก็ได้บอกลาฉินหร่านด้วย หลังจากนั้นก็รีบเบนความสนใจมาที่ลู่จือสิงต่อ “คุณลู่ เทพP จะปรากฏตัวจริงไหมครับ…?”
มีคําถามมากมาย
แต่ลู่จือสิงไม่ได้ตอบ
ทว่ากลับมองตามหลังของฉินหร่านที่เดินจากไป เมื่อเห็น ว่าเธอจะเดินออกจากออฟฟิศไปจริงๆ ก็ได้หยุดชะงักไป ชั่วขณะ แล้วพูดว่า “เธอจะไปทั้งแบบนี้จริง ๆ เหรอ?”
หัวหน้าแผนกฉินกับผู้ถือหุ้นสองคนได้แต่มองหน้ากันไป มาด้วยความมึนงง เชิงไม่เข้าใจความหมายในคําพูดของลู่จื อสิง
ลู่จือสิงยกมือขึ้นขยับแว่นตาที่สวมอยู่อย่างช้าๆ เขามอง ไปทางหัวหน้าแผนกฉิน แล้วพูดว่า “คุณเรียกเธอว่าเป็นเทพ Pเหรอ? งั้นก็โอเค” ลู่จือสิงมองกลับไปที่ฉินหร่านอีกครั้ง
“เธอเป็นคนเริ่มเรื่องทั้งหมด แล้วตอนนี้จะปัดความ รับผิดชอบอย่างนั้นเหรอ?”