เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 556 จุดจบ
ความจริงแล้วคดีโอวหยางเวยเป็นเรื่องยากสําหรับผู้กอง ห่าวไปหน่อย
สถานการณแปัจจุบันในเมืองหลวงและในประเทศลําเอียง ไปฝั่งโอวหยางเวย กฎหมายทั้งหมดทั้งมวลไม่ได้ส่งผลกระทบ ต่อโอวหยางเวยเลย
ฉินหร่านกับเฉิงเจวี้ยนใช้เส้นสายมาแล้ว
แต่นโยบายการปกครองยังอยู่
แม้กระทั่งผู้กองห่าวยังจนปัญญา
“หัวหน้าครับ ผมจะไปรวบรวมข้อมูล” ลูกน้องผู้กอง ห่าววางเอกสารลงแล้วมองผู้กองห่าว “ผมจะไปดูคุณเฉิงถู่สัก หน่อย”
เขาพูดจบ ผู้กองห่าวก็ยังไม่ขยับตัว
“หัวหน้า?” ลูกน้องเรียกอีกครั้ง
ผู้กองห่าวเงยหน้ามองลูกน้องโดยพลัน แต่กลับไม่พูด อะไร เขาต่อสายวิดีโอคอลหาฉินหร่าน
ขณะนี้ฉินหร่านได้มายืนอยู่ที่ห้องโถงที่ตั้งศพแล้ว มีคน พลุกพล่านเป็นจํานวนมาก เธอยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคน ตระกูลสวี มองรูปถ่ายขาวดําของท่านสวีที่อยู่ตรงกลางด้วย ท่าสงบนิ่ง
เงียบไปนานกว่าจะรับสายผู้กองห่าว
ในวิดีโอคอล ผู้กองห่าวนึกถึงเอกสารที่ตัวเองเพิ่งอ่าน เมื่อสักครู่นี้ อัตราการเต้นของหัวใจเร็วมาก “คุณหนูฉิน ที่ คุณส่งให้ผมมาเมื่อกี้นี้คือ…หมายจับเรือนจําสถานหนัก?”
“อือ” ฉินหร่านมองแท่นปูายตั้งศพโดยที่ยังไม่ละสายตา ไปไหน
“คุณได้จดหมายทางราชการฉบับนี้มาได้อย่างไร?” ผู้ กองห่าวจบจากโรงเรียนทหาร เขาจึงเข้าใจด้านกฎหมายเป็น อย่างดี เขามั่นใจมากว่าพวกเขาไม่มีการติดต่อกับทางฝั่ง เรือนจําสถานหนักเขตชายแดน
อย่างไรก็ตามการติดต่อระหว่างประเทศก็มีมากขึ้น
บรรดาผู้ต้องขังที่อยู่ในนั้นล้วนเป็นอาชญากรข้ามชาติ
รั้วรอบขอบชิดหนาแน่น ไม่มีน้ํารั่วซึม ยังไม่เคยเกิด เหตุการณแหลบหนีมากกว่า 28 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งมา
“ค่อยคุยรายละเอียดกันอีกที” แววตาฉินหร่านมืดมน และเยือกเย็น “คาดว่ายังมีเวลาอีกมากกว่าคนฝั่งนั้นจะ ติดต่อมา คุณส่งคนติดตามพวกเขาตลอดทั้งกระบวนการสัก สองสามคนก็พอ”
“ผมเข้าใจแล้ว” ผู้กองห่าวพยักหน้า เขานิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะถาม “แล้ว…กองพันเราจะเซ็นสัญญากับพวกเขาได้ ไหม? ปกติจับผู้ลี้ภัยข้ามพรมแดนค่อนข้างยาก”
เมื่อก่อนมีเฉิงเจวี้ยนอยู่ในสถานการณแแบบนี้ ตอนนี้เฉิง เจวี้ยนถอนตัวออกจากกองสืบสวนอาชญากรรมแล้ว ผู้กอง ห่าวยิ่งทําก็ยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่ง่ายเลยที่จะพบเส้นสายในเวลานี้ ผู้กองห่าวจึงไม่ อยากปล่อยไป
“ถึงตอนนั้นฉันจะช่วยถามให้” ฉินหร่านตอบเรียบๆ
“ขอบคุณครับคุณหนูฉิน!” ผู้กองห่าวพูดด้วยความ ตื่นเต้น
ฉินหร่านวางสาย
ในขณะเดียวกัน เฉิงเจวี้ยนที่อยู่ข้างๆ ก็ได้รับข้อความมา หนึ่งฉบับ เขาอ่านเนื้อหาข้อความคร่าวๆ นิ่งไปพักหนึ่งก่อน จะมองไปทางฉินหร่าน
“คุณชายเสี่ยวสวี เสียใจด้วยนะครับ” ไม่ไกลออกไป ผู้คนมาแสดงความเสียใจกันอย่างต่อเนื่อง
หลังจากโศกเศร้าเสียใจในช่วงแรกๆ ไม่กี่วันมานี้สภาพ จิตใจของสวีเหยากวงก็เริ่มมั่นคงขึ้น
ลู่จ้าวอิ่งกับเจียงตงเยี่ยทําความเคารพอาจารยแใหญ่สวี ก่อนจะถอยหลังออกมาหนึ่งก้าว พวกเขาหาฉินหร่านและเฉิง เจวี้ยนในหมู่ผู้คน แต่พอเจอแล้วก็ไม่ได้ไปรบกวนฉินหร่าน
คุณแม่ลู่ก็ไปทําความเคารพอาจารยแใหญ่สวีอย่างเงียบๆ เช่นกัน ไม่กล้ามองตรงไปที่บอดี้การแดชุดดําที่ล้อมรอบบ้าน ตระกูลสวี
“คนพวกนี้เป็นใครในตระกูลสวี?” คุณแม่ลู่ละสายตา พลางกระซิบถามอย่างครุ่นคิด
คนที่คุณแม่ลู่ถามคือลู่จ้าวอิ่ง
มีคนเมืองหลวงจํานวนไม่น้อยที่รู้จักลู่จ้าวอิ่งและฉินห ร่าน
เมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างคุณแม่ลู่กับลู่จ้าวอิ่งในเวลา นี้ก็มองมา
ก่อนหน้านี้ทุกคนต่างก็คิดกันว่าหลังจากที่เฉิงเจวี้ยนตก ต่ํา ชีวิตเขาในภายภาคหน้าคงไม่ยิ่งใหญ่เหมือนที่ผ่านมา อย่างแน่นอน อย่างมากก็มีคนเหยียบย่ํา แต่ใครจะรู้ล่ะว่า ตอนนี้เขายังใช้ชีวิตปกติสุขดี…
สําหรับฉินหร่านกับตระกูลฉิน ไม่เพียงแต่ไม่โดนเชือด แต่คนของฉินฮั่นชิวสามารถกลับมาคว้าอํานาจหลักไปครอง
เหตุการณแของสวีซื่ออิ่งเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน บุคคล ภายในตระกูลสวีหลายคนผันตัวมาเป็นกบฏ
ทว่าพอมาในวันนี้ ทุกคนกลับตกใจกับคนชุดดําที่ยืน เรียงเป็นสองแถว ยากมากที่จะหาคนที่มีออร่าแบบนี้จากจาก สี่ตระกูลหลัก
ช่วงนี้ลู่จ้าวอิ่งไม่ค่อยได้สนใจเรื่องราวในสี่ตระกูลหลัก มากนัก ขาดการติดต่อกับฉินหร่านไปบ้าง
เขาส่ายหน้า ไม่พูดอะไร
แต่เจียงตงเยี่ยที่อยู่ด้านข้างพูดอย่างครุ่นคิด “ไม่เหมือน ลูกน้องคุณชายเจวี้ยน แต่เหมือนคนของเพื่อนคุณหนูฉิน…”
เจียงตงเยี่ยเคยเจอพวกเฉิงสุ่ยมาแล้ว คนของคฤหาสนแ นั่นต่างจากคนกลุ่มนี้มาก
ทันทีที่พูดจบ คนจากตระกูลต่างๆ ที่อยู่ด้านข้างต่างก็ มองหน้ากัน ไม่กล้าพูดอะไรอีก
เวลานี้…
เมืองหลวงช่างน่าสนใจจริงๆ
**
ตระกูลฉิน
ทางด้านคุณชายสี่ตระกูลฉิน
ตอนนี้เขาไม่ใช่ผู้ถือหุ้นอันดับหนึ่งของตระกูลฉินแล้ว ทางท่านสวีเขาก็ไม่ได้ไป ฉินฮั่นชิวเป็นคนไป
ขณะนี้เขาเดินไปเดินมาอยู่ในห้องหนังสือ
เขาเป็นคนมีแผนการล้ําลึก สามารถคาดเดาสถานการณแ ในเมืองหลวงได้บ้างและพอจะเดาเรื่องโอวหยางเวยได้
ความจริงแล้วเขาก็เป็นเหมือนมือข้างหนึ่งของโอวหยาง เวย มีหลายเรื่องที่โอวหยางเวยไม่ได้ปิดบังเขา
“คุณชายสี่ คุณอย่าไปกลัวพวกฉินฮั่นชิวกับฉินหร่าน เลย” กลุ่มลูกน้องที่ยืนอยู่ตรงกลางมองคุณชายสี่ตระกูลฉิน จ้องตาเขม็ง “ยิ่งเวลาแบบนี้ก็ยิ่งต้องแสดงความจริงใจต่อ
คุณหนูโอวหยาง ตอนนี้คุณกําลังหลีกเลี่ยง มันจะเป็นการ มอบโอกาสให้ฉินหร่านกับฉินฮั่นชิวไปเสียเปล่า! ไม่ใช่ง่ายๆ ที่เราจะคว้าชัยชนะกลับมาท่ามกลางสถานการณแชุลมุน วุ่นวายได้ แบบนี้ต่อไปคุณหนูโอวหยางจะไว้วางใจคุณได้ อย่างไร?!”
ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าถ้าไม่มีตระกูลโอวหยาง กิ่งก้านอย่าง คุณชายสี่ตระกูลฉินก็ไม่อาจฉุดตัวทายาทสายตรงลงมาได้
“จริงด้วยครับคุณชายสี่…” ลูกน้องที่เหลือพากันเอ่ย ปาก
พวกเขาต่างก็รู้สถานะของโอวหยางเวยดี หากโยน ตระกูลโอวหยางทิ้งไป สิ่งสําคัญที่สุดในตัวโอวหยางเวยก็คือ อํานาจที่อยู่เบื้องหลังเธอ
และยังมีเส้นสายจาก129
คุณชายสี่ตระกูลฉินปรายตามองกลุ่มลูกน้องแล้วส่าย หน้า
แม้เรื่องที่เกิดขึ้นในตระกูลสวีตอนนี้จะยุ่งยากซับซ้อน แต่เขาก็พอจะเดาได้ว่าเหตุการณแที่เกิดขึ้นในตระกูลสวี… จะต้องเกี่ยวข้องกับโอวหยางเวยอยู่บ้าง
อย่างไรก็ตาม…ให้เขาไปเผชิญหน้ากับฉินหร่านอีกครั้ง เขาก็ไม่กล้าจริงๆ
คุณชายสี่ตระกูลฉินชะงักเท้า “รอไปก่อน”
“ยังจะรออะไรอีกล่ะครับ?” พวกลูกน้องเอ่ยขึ้นมาด้วย ความร้อนใจ “คุณก็ใช่ว่าจะไม่รู้ ว่าคนที่คอยหนุนหลังคุณหนู โอวหยางเป็นใคร คุณดูตระกูลสวีก็รู้จุดจบที่ล่วงเกินเธอแล้ว …”
ขณะนี้มีคนเคาะประตูอยู่ด้านนอก
คุณชายสี่ตระกูลฉินมองไปทางนอกประตู “เข้ามา!”
นอกประตูคือลูกน้องคนสนิทของเขา
“คุณชายสี่” ลูกน้องคนสนิทคุกเข่าทันทีที่เข้ามา เขาพูด ด้วยความตกใจ “คุณหนูโอวหยาง โดนจับเข้าเรือนจําสถาน หนักที่เขตชายแดนแล้วครับ!”