เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 567 การสนับสนุน
เฉิงเจวี้ยนก็เงยหน้ามองไปทางฉินหร่านเช่นกัน แววตา กระจ่างใส
ทางด้านเฉิงเวินหรูและคนอื่นๆ ก็มองไปทางฉินหร่าน รอฟังคําตอบจากเธอ
“เมื่อก่อนเคยช่วยเขาไว้ครั้งนึง ซ่อนไอดีเขาน่ะ” ฉินห ร่านหรี่ตา พูดด้วยน้ําเสียงครุมเครือ “ฉันขอขึ้นไปข้างบน ก่อน พิธีพรุ่งนี้ยังมีขั้นตอนที่ต้องไปจัดการ”
“อ้อ” เฉิงมู่พยักหน้า “ที่แท้จระเข้ยักษแก็เล่น อินเทอรแเน็ตเป็น”
หยางเฟยเขายังพอเข้าใจได้ แต่จระเข้ยักษแ…
ลูกพี่ของเขาก็เล่นอินเทอรแเน็ตเป็นใช่ไหมนะ…
คนอื่นในห้องโถงไม่พูดอะไรต่อ ทั้งห้องเงียบสนิท
แม้แต่เฉิงเจวี้ยนก็เหมือนกําลังคิดอะไรอยู่
หลังจากนั้นไม่นาน เฉิงเวินหรูก็โพล่งออกมาว่า “มิน่าล่ะ คราวที่แล้วจระเข้ยักษแถึงรับภารกิจฉัน หร่านหร่านเป็นคน จัดการด้วยนี่น่า?”
เธอก็แปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทําไมหนึ่งในห้าทหารเสือ ของ129อย่างจระเข้ยักษแถึงรับภารกิจเธอ…
แต่อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นถึงจระเข้ยักษแ จระเข้ยักษแแห่ง 129 เฉิงเวินหรูรู้สึกว่าทุกอย่างผ่านไปเร็วไปหน่อย
เฉิงเจวี้ยนและพวกเฉิงถู่ก็ถือว่าแล้วไป แต่ฉินหร่านรู้จัก จระเข้ยักษแได้อย่างไร…
ฉินหร่านสร้างความประหลาดใจให้เฉิงเวินหรูมากไปเมื่อ เทียบกับโอวหยางเวยที่คนในเมืองหลวงรู้จักกันหมด…ถ้า เปลี่ยนเป็นโอวหยางเวย เรื่องนี้คงมีคนรู้มานานแล้วมั้ง
**
วันต่อมา
วันนี้เป็นวันพิธีสืบทอดตําแหน่งสถาบันวิจัยของฉินหร่าน
เธอตื่นตั้งแต่เช้าตรู่
เมื่อคืนเฉิงเวินหรูไม่ได้กลับเพราะจําได้ว่าวันนี้เป็นวันพิธี ของฉินหร่าน
“คุณหนูฉิน ถ้าคุณเชิญจระเข้ยักษแมา…” บนโต฿ะอาหาร เช้า เฉิงมู่กินขนมปังไปหนึ่งคํา “ผมรับรองได้ว่าคนพวกนั้น ของสถาบันวิจัยคงไม่กล้าพูดแม้แต่คําเดียว”
“เว่อรแไปแล้ว” เฉิงเจวี้ยนดื่มน้ํา พูดเรียบๆ “จระเข้ยักษแ เขาไม่เหมาะจะมาร่วมงาน”
ถ้าเขาปรากฏตัวอย่างเปิดเผยจริงๆ กลัวก็แต่ว่าเมือง หลวงคงระเบิด
สถานะของจระเข้ยักษแเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ปกปิด ร่องรอยไว้อย่างดีมาโดยตลอด การปรากฏตัวในงานแบบนี้จึง ไม่มีความหมายอะไร
“เอาเถอะ” เฉิงมู่พยักหน้าอย่างนึกเสียดาย เขามองไป ทางฉินหร่าน “คุณหนูฉิน คุณสนิทกับจระเข้ยักษแซะขนาดนี้ เขาเคยพูดถึงเรื่องภายใน129หรือเปล่า หมาปุาเดียวดายนั่น เป็นผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่ ลูกพี่ในกลุ่มนั้นแต่ละวันเขาทํา อะไรบ้าง…”
“ดื่มเหล้า” จู่ๆ ฉินหร่านก็พูดขึ้นมา
เฉิงมู่ “…?”
“ฉันคิดว่าพวกเขาน่าจะดื่มเหล้ากันทุกวัน” ฉินหร่าน ตอบไปอีกรอบ
หลังจากทานอาหารเสร็จ พวกเขาก็มาถึงสถาบันวิจัย
วันนี้สถาบันวิจัยเปิดอย่างเต็มรูปแบบ
พอฉินหร่านมาถึง พ่อบ้านสวีกับสวีเหยากวงก็มาถึงกัน ตั้งแต่เช้าแล้ว
พิธีการจัดที่หอประชุมใหญ่
“คุณหนูฉิน นี่คือตารางเวลาครับ” พ่อบ้านสวีทักทาย เฉิงเจวี้ยนและคนอื่นๆ ก่อนจะส่งตารางเวลาฉบับหนึ่งให้ ฉินหร่าน
ฉินหร่านอ่านดู พิธีการจะเริ่มเวลาเก้าโมง ในช่วงเวลา นั้นเธอต้องรับตราประทับจากฟังเจิ้นปั๋ว
หลังจากท่านสวีจากไป ตราประทับของสถาบันวิจัยได้ ถูกส่งมอบให้ฟังเจิ้นปั๋วเป็นผู้จัดการ
เมื่อเห็นฉินหร่านก้มหน้าดูตาราง พ่อบ้านสวีก็บอกว่า “คุณหนูฉิน พิธีรับตําแหน่งวันนี้สถานการณแไม่ค่อยสงบ พวก เราตระกูลสวี…ถ้าคุณจะถอนตัว พวกเราก็เข้าใจ”
ฉินหร่านตอบ “อืม” อย่างสุขุม
ผู้อาวุโสตระกูลสวีก็พูดอย่างจริงจังเช่นกัน “นายท่าน จากไปแล้ว ไม่มีใครช่วยระงับสถานการณแ พอถึงเวลาจะต้อง เกิดเหตุไม่คาดฝันอีกมากมาย ผู้บริหารของสถาบันวิจัยส่วน
ใหญ่เป็นพวกดูทิศทางลม แต่พวกเราตระกูลสวีจะสนับสนุน คุณเท่านั้น”
ช่วงนี้ตระกูลสวีเกิดเรื่องวุ่นวายมากมาย กําลังช่วงท้าย ไม่แข็งแกร่งดังเดิม การรักษาตําแหน่งผู้ดูแลให้ฉินหร่านนั้น…
ก็เป็นไปได้ยาก
“ไม่ต้องห่วง” ฉินหร่านยื่นมือตบไหล่ผู้อาวุโสท่านนั้น
พูดอย่างไม่ใส่ใจ
พ่อบ้านสวีพยักหน้า ไม่อยากจะยอมรับว่าท่านสวีมี วิสัยทัศนแ “จริงสิครับ คุณหนูฉิน แขกที่คุณพูดถึง พวกเขา มาถึงหรือยัง? พนักงานต้อนรับยังไม่ได้ทําการต้อนรับเลย”
ฉินหร่านดูเวลาในโทรศัพทแมือถือ “ไม่ต้องสนใจพวกเขา พวกเขาก็แค่มาดูเรื่องสนุกๆ”
นายท่านหยางไม่มีทางมาเร็วขนาดนี้แน่ๆ
“ครับ” พ่อบ้านสวีพยักหน้า “ผมจะกําชับคนอื่นเสีย หน่อย”
พิธีรับตําแหน่งกําลังจะเริ่มขึ้น
พิธีรับตําแหน่งวันนี้มีคนมาจํานวนไม่น้อย
ผู้บริหารระดับสูงของสถาบันวิจัยและผู้บริหารของทาง ตระกูลสวีต่างก็มาถึงกันหมดแล้ว หลายวันมานี้เกิดเรื่องราว มากมายในเมืองหลวง จู่ๆ ตระกูลเนี่ยและอีกสองสามตระกูล ก็โผล่ออกมา เลือกข้างเลือกฝุายกันอย่างเห็นได้ชัด
เวลาเก้านาฬิกา เริ่มพิธีรับตําแหน่ง
พ่อบ้านสวียืนอยู่หน้าเวที พูดในงานได้ไม่กี่ประโยคก็ กล่าวเรียนเชิญฉินหร่านกับฟังเจิ้นปั๋วออกมา
“ขอเรียนเชิญผู้อํานวยการสถาบันวิจัยมอบตราประทับ ให้คุณฉินด้วยครับ” พ่อบ้านสวีถอยมาด้านข้าง
มือฉินหร่านห้อยอยู่ข้างลําตัว เธอเหลือบมองฟังเจิ้นปั๋ว ที่สวมชุดตัวยาว ขนตายาวพับลง ยังถือว่ากล่าวอย่างสุภาพ “ผู้อํานวยการฟัง”
ฟังเจิ้นปั๋วเมินฉินหร่าน เสียงของเขายังแหบเล็กน้อยเช่น เคย มือไม่ได้ถือตราประทับ
เพียงแค่มองไปทางพ่อบ้านสวี “พ่อบ้านสวี นักศึกษา ฉินหร่านยังเด็กเกินไปที่จะดํารงตําแหน่งนี้ ผมกับผู้บริหาร สถาบันวิจัยแต่ละท่านตัดสินใจแล้วว่าจะให้ผมทําหน้าที่นี้ แทน”
พ่อบ้านสวีหน้าถอดสี เดิมทีเขายังนึกว่าฟังเจิ้นปั๋วจะไม่ กระทําการอย่างเปิดเผย นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะตรงไปตรงมา แบบนี้!
ตอนที่ท่านสวีและนายท่านเฉิงยังมีชีวิตอยู่หรือตอนที่เฉิง เจวี้ยนยังเป็นคุณชายสามตระกูลเฉิง ฟังเจิ้นปั๋วยังมีความยํา เกรงอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เขาไม่แม้แต่จะเสแสร้งเลยด้วยซ้ํา
“น้องสาม” เฉิงเวินหรูนั่งที่นั่งแถวแรกในหอประชุมใหญ่ ขมวดคิ้วมองเฉิงเจวี้ยนแล้วพูดว่า “คนที่ฉันให้นายเชิญมา นายเชิญหรือยัง?”
เฉิงเจวี้ยนแค่มองไปทางฉินหร่าน “อืม”
เฉิงเวินหรูพยักหน้า หน้าเคร่งขรึม “แต่ก็ยังไม่พอ เห็น ได้ชัดว่าฟังเจิ้นปั๋วไม่กลัว นี่มันรังแกหร่านหร่านชัดๆ ”
เฉิงเจวี้ยนเคาะนิ้วบนพนักวางแขนเก้าอี้ด้วยสีหน้าไร้ อารมณแ ดวงตามืดมนขั้นสุด
บนเวทีหลัก สีหน้าพ่อบ้านสวีก็ไม่ค่อยดีนัก เขาข่ม อารมณแโทสะ “ผู้อํานวยการฟัง อย่างงั้นคุณคิดว่าเมื่อไหร่ถึง จะเหมาะสม?”
“รอจนกว่านักศึกษาฉินหร่านจะเป็นนักวิจัยวิจัยขั้นหนึ่ง ผมจะมอบตราประทับให้เธอแน่นอน” ฟังเจิ้นปั๋ววางตัวตาม กาลเทศะ “คุณดูสถานการณแตระกูลสวีสิ อีกอย่างนักศึกษา ฉินหร่านก็ไม่สามารถจัดการสถาบันวิจัยได้ดี คุณว่าเธอจะคุม ใครได้?”
ประโยคนี้ทําเอาพ่อบ้านสวีและคนตระกูลสวี รวมถึง กลุ่มของเฉิงเวินหรูโมโหจนเลือดขึ้นหน้า
นักวิจัยขั้นหนึ่งจะต้องเป็นคนที่มีประวัติโชกโชน ซึ่งใช่ว่า จะได้มาง่ายๆ ในเวลาเพียงไม่กี่ปี หลังจากผ่านช่วงเวลานั้น ไป ใครจะรู้ว่าสถาบันวิจัยจะตกเป็นของใคร?
ฟังเจิ้นปั๋วมองฉินหร่านแล้วยิ้ม “ไม่เชื่อเธอก็ลองไปถาม ผู้บริหารในสังกัดสถาบันวิจัยดูสิ? นี่คือรายชื่อที่พวกเขาร่วม ลงนามเอง”
เขายื่นมือหยิบกองเอกสารออกมาจากกระเปา
กางออก
ล่างเวที ผู้แทนแต่ละตระกูลไม่ได้แปลกใจกับเรื่องที่ เกิดขึ้นเลย
ปัจจุบันตระกูลสวีกับตระกูลเฉิงไม่ได้แข็งแกร่งเหมือน เมื่อก่อน โดยหลักแล้วฉินหร่านมีตระกูลฉินคอยสนับสนุนอยู่ เบื้องหลังเพียงตระกูลเดียว จึงไม่น่าแปลกใจที่ฟังเจิ้นปั๋วจะ สร้างปัญหา
พ่อบ้านสวีเม้มปาก เขามองขึ้นไปบนเวที เหลือบมอง ผู้บริหารระดับสูงของสถาบันวิจัยที่นั่งแถวสอง พวกเขาต่างก็ ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบตากับพ่อบ้านสวี
ฉินหร่านยืนอยู่ข้างฟังเจิ้นปั๋ว เธอหยิบกระดาษในมือ ฟังเจิ้นปั๋วมาอ่าน จากนั้นก็ฉีกออกเป็นสองซีกอย่างส่งๆ
หรี่ตาลง การกระทําหยิ่งผยองจนเป็นนิสัย
ฟังเจิ้นปั๋วเงยหน้าขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เธอกล้าดี ยังไง ? !”
ฉินหร่านมองไปทางฟังเจิ้นปั๋ว คล้ายจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “คุณคงไม่คิดว่าอาจารยแใหญ่สวีตายแล้วฉันจะยอมอ่อนข้อให้ คุณหรอกนะ?”
“เปล่า ฉันคิดว่าเธอคงไม่อยากอยู่สถาบันวิจัยอีกต่อไป แล้ว” ฟังเจิ้นปั๋วหัวเราะ
ทว่าในเวลานี้มีเสียงต่ําทรงพลังลอยมาจากหน้าประตู ใหญ่ “คึกคักกันน่าดู”