เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 568 นั่นคือลูกสาวบุญธรรมของผม
เสียงนั้นลอยขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ทุกคนมองไปทางประตูใหญ่
สามคนบริเวณหน้าประตูค่อยๆ เดินมาทางนี้ ตรงกลางมี ผู้ชายสวมเสื้อนอกสีเทาอยู่คนหนึ่ง อายุราวๆ หกสิบ ผม ทรงสกินเฮด สีขาวซีดเล็กน้อย ดวงตาคู่นั้นเผยให้เห็นถึง ความเยือกเย็น
ซ้ายมือของเขาคือผู้ชายรูปร่างผอมสูง อายุยังน้อย อยู่ใน เสื้อสเวตเตอรแสีขาวสะอาดสะอ้าน บนศีรษะยังมีหมวกสีดํา ติดกระดุม ก้มหน้าหน่อยๆ
พอเข้าประตูมา เขาก็เปิดหมวกไปข้างหลัง มองตรงไป ข้างหน้า
ส่วนคนที่ยืนอยู่ทางขวามือเป็นชายวัยกลางคน หน้าตา เย็นชา บางทีอาจเป็นเพราะคนเล่นโทรศัพทแกันเยอะ คิ้วและ ดวงตาเฉียบคมจึงขมวดด้วยความหงุดหงิด
“คุณลู่?” ตัวแทนตระกูลฉินมองแวบเดียวก็จําได้ว่าคนที่ อยู่ทางขวาคือลู่จือสิง เขารีบลุกขึ้นทันที
ในฐานะที่ลู่จือสิงเป็นหนึ่งในผู้ผลิตคนสําคัญของอวิ๋นกวง กรุ฿ป จึงเป็นที่รู้จักทั้งในและนอกวงการกันอย่างกว้างขวาง แม้ว่ารูปถ่ายและวิดีโอสัมภาษณแของเขาจะมีไม่มาก แต่การ ที่อวิ๋นกวงกรุ฿ปประจําการอยู่ในเมืองหลวง ก็มีกองกําลังไม่ น้อยที่ตั้งใจรวบตัวลู่จือสิงโดยเฉพาะ
แม้ประธานหรือผู้นําตระกูลเหล่านี้จะจําไม่ได้ แต่เลขา ผู้ช่วยที่อยู่ข้างกายก็ยังจําได้
“คุณลู่ คุณก็มาด้วยเหรอครับ” อวิ๋นกวงกรุ฿ปกุมอํานาจ สองสายทั้งด้านไอทีและธุรกิจโรงแรมในภาคพื้นเอเชีย คน
ส่วนใหญ่ที่รู้จักลู่จือสิงก็ทยอยมาทักทายเขาก่อนจะมองไป ทางชายสูงวัยที่อยู่ข้างลู่จือสิง “ท่านนี้คือ…”
“นายท่านหยาง” ลู่จือสิงไม่ได้พูดมาก เขาแค่หันหน้าไป แนะนําหนึ่งประโยค
ทันทีที่พูดออกไป คนที่รายล้อมอยู่ข้างๆ ก็เปลี่ยนสีหน้า พวกเขารีบกล่าวทักทาย “ไม่คิดเลยว่าจะเป็นนายท่านห ยาง”
ผู้ก่อตั้งอวิ๋นกวงกรุ฿ปก็แซ่หยางไม่ใช่หรือ?
แต่นั่นก็เป็นเพียงข่าวลือ เพราะคนที่อยู่เบื้องหลัง ตระกูลหยางอาศัยอยู่ต่างประเทศมาโดยตลอด เป็นดั่งเทพ มังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง
ใครจะคิดว่าเขาจะปรากฏตัวในสถานที่แบบนี้
อย่างไรก็ตามก็ไม่เป็นอุปสรรคสําหรับตระกูลน้อยใหญ่ ในเมืองหลวงที่ให้การสนับสนุนเขา
เมื่อเทียบกับเรื่องตระกูลสวีและสถาบันวิจัยแล้ว การที่ นายท่านหยางปรากฏตัวในเมืองหลวงนี่สิถึงจะเรียกว่าข่าว ใหญ่อย่างแท้จริง
อวิ๋นกวงกรุ฿ปครอบครองสองอุตสาหกรรมในห้ายักษแ ใหญ่ ทั่วทั้งวงการไอทีจะต้องสั่นสะเทือนเลือนลั่น
แม้แต่เฉิงเวินหรูยังพักเรื่องฟังเจิ้นปั๋วไว้ชั่วคราว เธอมอง ไปทางนายท่านหยาง ขมวดคิ้วแน่น “อวิ๋นกวงกรุ฿ป นี่มัน หมายความว่ายังไงกันแน่…แม้กระทั่งนายท่านหยางยังกลับ ประเทศ?”
“น่าสงสัยจริงๆ” เฉิงสุ่ยใคร่ครวญพลางมองไปทางเฉิง เจวี้ยน “นายท่าน คุณหนูฉินเคยพูดถึงเรื่องนี้บ้างไหม?”
เขารู้ว่าฉินหร่านเป็นบุคคลภายในอวิ๋นกวงกรุ฿ป
เฉิงเจวี้ยนที่เอามือไพล่หลังส่ายหน้าอยู่ด้านหลัง จากนั้น ก็หันตัวมองไปทางฉินหร่าน
งานพิธีรับตําแหน่งจําต้องหยุดไว้ชั่วคราว
พอพ่อบ้านสวีเห็นฟังเจิ้นปั๋วลงไปหานายท่านหยาง เขาก็ ชะงักแล้วมองฉินหร่าน “คุณหนูฉิน นายท่านหยางท่านนี้ น่าจะเป็นคนของบริษัทอวิ่นกวง ถึงพวกเราจะไม่ได้คบค้า สมาคมกับวงการไอที แต่ก็เห็นได้ชัดว่าฟังเจิ้นปั๋วคิดจะเข้าหา เขา ผมก็จะไปต้อนรับเข้าเสียหน่อย”
อันที่จริง วันนี้ในสถานที่นี้ ตระกูลสวีถึงจะเรียกว่า เจ้าภาพ
ฉินหร่านก็ตามพ่อบ้านสวีลงมาด้วย
แต่เธอไม่ได้เดินไปพบนายท่านหยางกับพ่อบ้านสวี เธอ แค่เดินไปทางเฉิงเจวี้ยน
“ฟังเจิ้นปั๋วนี่” เฉิงเจวี้ยนขยับเข้าใกล้ฉินหร่าน พูดเบาๆ ประมาณว่าได้ยินกันแค่สองคน “ให้ฉันช่วยเธอแก้ปัญหา ไหม?”
มีลมหายใจที่เด่นชัดอยู่ริมหู อารมณแหงุดหงิดและความ ดื้อรั้นที่อยู่ในใจหายไปเล็กน้อย เธอส่ายหน้า “ไม่ต้อง แต่ ว่า…ฟังเจิ้นปั๋วมีคนหนุนหลัง”
ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่กล้าทําโดยไร้ความละอายแบบนี้
เฉิงเจวี้ยนรอเธอพูดด้วยความอดทน เมื่อได้ยินดังนั้นเขา ก็ผงกหัว พูดเรียบๆ “มีแน่ เรื่องนี้เธอไม่ต้องสนใจ”
ฟังดูเหมือนจะรู้ว่าใครคือที่อยู่เบื้องหลัง
ฉินหร่านพยักหน้าส่งๆ “อ้อ”
เธอขานตอบโดยไม่ได้ข้องใจแต่อย่างใด และไม่ถามว่า ทําไม
เฉิงเจวี้ยนก็ไม่อธิบายต่อ แค่ยื่นมือไปกุมมือขวาเธอแน่น พูดเพียงสามคําด้วยท่าทางจริงจัง “วางใจได้”
“หร่านหร่าน ผู้อํานวยการฟังนั่นเข้าหาอวิ๋นกวงกรุ฿ป ฉัน ไม่สบายใจเลย” เฉิงเวินหรูละสายตาที่มองนายท่านหยาง ทางนั้น เธอยื่นมือตบไหล่ฉินหร่าน พูดอย่างหนักแน่น “ฉัน เคยร่วมมือกับคุณลู่มาก่อน ฉันจะพาเธอไปพบเขา!”
“ไม่ละ” ฉินหร่านเห็นฟังเจิ้นปั๋วถือแก้วไวนแเดินไปหา นายท่านหยาง หรี่ตาลงเล็กน้อย
เธอลุกจากเก้าอี้พร้อมกับหยิบแก้วไวนแให้เฉิงเวินหรูที่ โต฿ะยาว “พี่เฉิง คุณดื่มก่อน”
ฉินหร่านเตรียมจะไปหาสถานที่ที่ไม่มีคนเพื่อคุยกับนาย ท่านหยางตามลําพัง
แม้เธอจะเป็นลูกสาวบุญธรรมในนามของนายท่านหยาง แต่ทว่า…
เธอไม่ได้สนิทกับนายท่านหยางมากขนาดนั้น
**
ไม่ไกลออกไป
ขณะที่ฟังเจิ้นปั๋วถือแก้วไวนแ คนจากสถาบันวิจัยกลุ่ม หนึ่งก็เดินไปหาฟังเจิ้นปั๋ว
“ผู้อํานวยการฟัง ผมว่าพ่อบ้านสวีก็จะไปหานายท่านห ยางเหมือนกัน” ผู้ช่วยของฟังเจิ้นปั๋วกระซิบบอก
“ไม่มีประโยชนแ” ฟังเจิ้นปั๋วพูดเรียบๆ “แต่ไหนแต่ไรมา ตระกูลสวีไม่เคยคบค้าสมาคมกับอวิ๋นกวงกรุ฿ป ไม่ต้องสนใจ พวกเขา พวกเราไปทักทายนายท่านหยางกันสักหน่อยดีกว่า”
ผู้ช่วยฟังเจิ้นปั๋วรวมถึงคนอื่นๆ ในสถาบันวิจัยต่างก็พยัก หน้าเมื่อได้ยินดังนั้น
กลุ่มของพวกเขาเดินไปหานายท่านหยาง
ซึ่งจะเห็นได้ว่าทั้งสองคุยกันอย่างออกรสออกชาติ
ถัดออกไป พ่อบ้านสวีที่อยากจะเข้าไปต้อนรับนายท่านห ยางก็หน้าเข้มขึ้น
“พ่อบ้านสวี นี่…” ผู้อาวุโสที่อยู่ข้างพ่อบ้านสวีเห็นฉินห ร่านกับเฉิงเวินหรูเดินมาก็พูดพึมพํา “นายท่านหยางท่านนี้ สนใจฟังเจิ้นปั๋วได้ยังไง…ด้วยสถานการณแตอนนี้ วันนี้พิธีรับ ตําแหน่งของคุณหนูฉินอาจจะไม่ค่อยราบรื่นเท่าที่ควร…”
“คุณคือผู้อํานวยการสถาบันวิจัยฟิสิกสแแห่งเมืองหลวง? ผมเพิ่งศึกษามาจากสถาบันวิจัยแห่งรัฐMเมื่อไม่กี่วันก่อน รู้มา ว่าช่วงนี้สถาบันวิจัยแห่งเมืองหลวงของพวกคุณโดดเด่นเป็น อย่างมาก” นายท่านหยางมองผู้อํานวยการฟังพร้อมกับยิ้ม อย่างละมุนละม่อม
ฟังเจิ้นปั๋วเองก็คิดไม่ถึงว่านายท่านหยางจะคุยกับตัวเอง ในท่ามกลางคนมากมายแบบนี้
เขารีบโน้มตัวลง ประหลาดใจอย่างไม่คาดฝัน “ใช่แล้ว ครับ ไม่คิดว่าท่านหยางจะให้ความสนใจวงการฟิสิกสแด้วย”
“ลูกสาวบุญธรรมของผมหนีไปเรียนฟิสิกสแ เป็นธรรมดา ที่คนเป็นพ่ออย่างผมจึงต้องดูให้มากหน่อย” ขณะที่พูด นาย ท่านหยางก็มองผ่านไปยังกลุ่มคน ยิ้มและโบกมือ “มานี่เร็ว ไปหลบอยู่ในกลุ่มคนทําไมกัน”