เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 571 เห็นแกตัว
เหอเฉินและฉังหนิงเหลือบไปเห็นซิมการแดในมือฉินห ร่าน เงียบไปพักหนึ่ง
“ท่านเทพ เธอไม่รู้หรอกว่าฉันวิ่งเต้นไปตั้งกี่ที่เพื่อซิม การแดใบนี้ โชคดีที่ดาวนําโชคของฉันที่มอริเชียสยังเห็นแก่ หน้าอยู่บ้าง”
ฉินหร่านยัดซิมการแดใส่ในกระเปาเหมือนไม่มีอะไร เกิดขึ้น เธอเอนหลังพิงโต฿ะ นั่งไขว้ขาและหันไปอย่างส่งๆ ตา
ขาวเห็นเส้นเลือดฝอยชัดเจน น้ําเสียงแฝงไปด้วยความชั่วร้าย อย่างบอกไม่ถูก “ขอบใจ คราวหน้ามีอะไรก็บอกมาได้เลย”
“ไม่หรอกน่า แต่ซิมการแดของเธอเท่ไปหน่อย ฉันคิดว่า ฉันตรวจสอบมาได้บ้างแล้ว” ธุลีมังกรโบกไม้โบกมือ
ฉังหนิงที่อยู่ข้างๆ ส่งน้ําให้เขา พูดขัดจังหวะ “ธุลีมังกร ดื่มน้ํา”
“อ้อ” ธุลีมังกรจิบน้ําไปหนึ่งอึกและมองฉินหร่านต่อ “มันเป็นซิมการแดของรัฐM เธอทําอะไรอยู่ในรัฐM? ฉันคิดมา ได้ตั้งนานแล้วว่าเธอออกจะร้ายกาจเสียขนาดนี้คงไม่ลุยเดี่ยว แน่ๆ ได้ยินว่าตอนนี้ก็ไปเรียนฟิสิกสแอีกแล้วนี่”
ฉินหร่านยืนตัว เอามือแหย่หู “ฉันกลับอวิ๋นเฉิงพรุ่งนี้”
“กลับอวิ๋นเฉิง?” ฉังหนิงคาดไม่ถึงว่าฉินหร่านจะกลับไป ในช่วงเวลาวิกฤติแบบนี้ เขานึกว่าฉินหร่านคงไม่ไปไหนอีก
ฉินหร่านหรี่ตา “รับน้าฉันน่ะ”
ฉินหลิงอยู่กับถังจวินที่นั่นและสถานที่ยังอยู่ในรัฐM เธอ จึงไม่กังวล แต่คนที่เธอกังวลก็คือหนิงเวยกับมู่หนาน โดยเฉพาะคนเหล่านั้นที่ข่มขู่ไปถึงบ้านหนิงเวยที่อวิ๋นเฉิง
หนิงเวยไม่เคยบอกใครว่าเธอกําลังทําอะไรอยู่ นี่คงเป็น ข้อบกพร่องของคนตระกูลหนิง แม้แต่หนิงเอ่อรแยังทิ้งปริศนา ให้เธอจนกระทั่งเขาจากไป
“ท่านเทพ ช่วงนี้ฉันไม่มีภารกิจอะไร ถ้าเธอจะกลับอวิ๋น เฉิง ฉันจะไปเที่ยวกับเธอด้วย…” ธุลีมังกรอ้าปาก
“ไม่ต้อง ขอบใจ” ฉินหร่านสอดมือข้างหนึ่งในกระเปา เงยหน้าขึ้นหน่อยๆ ทั้งตัวดูเท่และเข้าถึงยากเล็กน้อย “มี เรื่องด่วนก็ติดต่อมาหาฉัน”
“ระวังตัวด้วย” เหอเฉินพิงโซฟา บนหน้ามีรอยยิ้มจางๆ “ทางเธอมีปัญหาอะไรก็เรียกฉันได้เลย ช่วงนี้ฉันเตร็ดเตร่ไป ทั่วทุกที่”
“ตกลง” ฉินหร่านเปิดประตูห้องทํางานออกไป พอได้ ยินคําพูดของทั้งสอง ก็ไม่ได้หันไป แค่โบกมือส่งไปทางด้าน หลัง
“เธอไปทั้งอย่างนี้เนี่ยนะ” ธุลีมังกรนั่งลง ดื่มน้ําไปหนึ่ง อึก “ลูกพี่ฉังหนิง นายว่าถ้าฉันไปกับหมาปุาเดียวดาย ฉันจะ ได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเธอ ได้ปกปูองเธอ ไม่แน่ว่า วีรบุรุษช่วยหญิงงาม…”
“ลูกพี่ฉังหนิง” เหอเฉินวางแก้วลงแล้วลุกขึ้น “ฉันขอตัว กลับไปวิ่งหาข่าวก่อนนะ”
“อืม” ฉังหนิงโบกมือให้เธอ
เหอเฉินหยิบเสื้อโค้ตที่อยู่อีกด้านแล้วเดินตรงออกไป
“เอ฿ะ ไม่สิ” ธุลีมังกรมองไปทางที่เหอเฉินจากไป “พวก เราห้าคนจะดื่มเหล้าด้วยกันไม่ใช่เหรอ?”
“ถ้านายไปบอกคนนอกว่านายคือธุลีมังกร จะมีคนเชื่อ ไหมเนี่ย?” ฉังหนิงมองเขาด้วยใบหน้าซับซ้อน
**
หลังจากฉินหร่านออกจากสํานักงานใหญ่129 ก็ไม่ได้ กลับไปวิลล่า แต่กลับไปที่บ้านตระกูลสวี
บอกคนตระกูลสวีว่าเธอจะไม่อยู่อีกสองสามวัน
แต่กลับคาดไม่ถึงว่าพอมาถึงบ้านตระกูลสวี เธอก็เจออา รองสวีแล้ว
อารองสวีเจอฉินหร่านก็นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะโค้งตัวให้ ฉินหร่าน “คุณหนูฉิน ครั้งนี้ตระกูลสวีต้องขอบคุณคุณมาก จริงๆ ครับ”
ฉินหร่านส่ายหน้า เธอเลี่ยงการคํานับจากอารองสวี
“ธุรกิจที่รัฐMจัดการเสร็จหรือยัง?” ฉินหร่านไม่ค่อย สนใจเรื่องธุรกิจ สิ่งที่เธอให้ตระกูลสวีได้มีเพียงผลการวิจัย ของสถาบันวิจัยเท่านั้น
“ไม่เลวเลยครับ” อารองสวีรินชาให้ฉินหร่านและสวีเห ยากวง ยิ้มเล็กน้อย “โชคดีที่มีคุณหนูฉิน ไม่อย่างนั้นพวกเรา คงเจรจาไม่ราบรื่นขนาดนี้”
“ใช่ครับ” พ่อบ้านสวีก็พยักหน้า “ตอนนี้ตระกูลสวีถือว่า มั่นคงแล้ว”
“นั่นก็ดีแล้ว” ฉินหร่านจิบชาและบอกลาคนตระกูลสวี ก่อนจะหันไปทางชิงหลินที่ยืนอยู่หน้าประตู “คุยกันหน่อย”
ชิงหลินออกไปพร้อมกับฉินหร่าน
พ่อบ้านสวีไปส่งพวกเขา
หลังจากที่เธอไปแล้ว อารองสวีก็มองแผ่นหลังเธอกับชิง หลิน “นั่นใคร?”
“คุณชิงหลิน” สวีเหยากวงวางถ้วยชาลง ชําเลืองมองอา รองสวี “ถ้าไม่มีเขา พวกเราตระกูลสวีคงไม่มั่นคงแบบนี้”
อารองสวีไม่ได้พูดอะไร เขาแค่นิ่งไปสักพัก “คุณชาย เสี่ยวสวี คุณรู้สึกไหมว่า…นับวันสถานะตระกูลสวีก็ยิ่งลดลง เรื่อยๆ แม้แต่พ่อบ้านสวีก็ฟังแค่คุณหนูฉิน ชิงหลินคนนี้ก็ฟัง แค่คุณหนูฉิน ได้รับความเคารพจากตระกูลสวีมากขนาดนี้ เธอจะมีความเห็นแก่ตัว…”
“อย่าพูดไร้สาระ” สวีเหยากวงลุกขึ้นทันที เขาขมวดคิ้ว เหลือบมองอารองสวี “ไม่ว่าคุณไปฟังใครเขาพูดอะไรมา ลืม มันไปซะ แล้วอย่าให้มีครั้งต่อไป ไม่อย่างนั้นผมจะใช้อํานาจ ตระกูลไล่คุณออกจากตระกูล”
สวีเหยากวงเป็นคนเย็นชา รังสีในตัวไม่ด้อยไปกว่าคนอื่น เขาวางถ้วยชาลงอย่างหนักมือ
อารองสวีก้มหน้า “ครับ”
**
ฉินหร่านกลับอวิ๋นเฉิงในวันรุ่งขึ้น
เฉิงมู่ยังคงทําหน้าที่ติดตามเธอ
เฉิงเจวี้ยนไปส่งเธอขึ้นเครื่องบิน
เขายืนอยู่หน้าประตูขึ้นเครื่องโดยไม่ขยับเขยื้อนจนกว่า ไฟลแบินนั้นจะออก
“นายท่าน” เฉิงสุ่ยยืนอยู่ข้างเฉิงเจวี้ยน “พวกเรา กลับกันได้แล้วครับ”
เมื่อไม่เห็นเงาเครื่องบินแล้ว เฉิงเจวี้ยนก็ละสายตาและ หมุนตัวออกไป ความอบอุ่นเดียวบนใบหน้าจางลง “มีคน ตามไปหรือยัง”
“เรื่องนี้ เฉิงถู่กับเฉิงจินน่าจะไปถึงอวิ๋นเฉิงแล้วครับ” เฉิงสุ่ยพูดเสร็จก็อ้าปากอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ยัง ไม่ได้พูดออกไป
เฉิงเจวี้ยนพยักหน้า “งั้นก็ดี”
ในเวลาเดียวกัน
สํานักงานใหญ่อวิ๋นกวงกรุ฿ป
ลู่จือสิงกําลังนั่งพิมพแโค้ดและพูดคุยแลกเปลี่ยนกับอาไห่ เกี่ยวกับนโยบายความร่วมมือในลําดับต่อไปอยู่ที่ห้องทํางาน
ทิศทางส่วนใหญ่ฉินหร่านเขียนไว้แล้ว
ด้านนอกมีคนเคาะประตู ไม่รอให้ตอบรับก็เดินตรงเข้า มา
ลู่จือสิงดันแว่นตา เขาเป็นคนรักความสงบ หรี่ตามองไป ด้านนอกด้วยความประหลาดใจ
นอกประตูใหญ่เป็นนายท่านหยาง เขาลุกขึ้นและกล่าว ด้วยความเคารพ “ท่านหยาง ท่านมาได้ยังไงครับ?”
น้ําเสียงแฝงไปด้วยความแปลกใจ
ฉินหร่านกับลู่จือสิงแทบจะเป็นผู้นําทีมฝุายไอทีของอวิ๋ นกวงกรุ฿ป นายท่านหยางและหยางซูเยี่ยนเข้ามายุ่งไม่ได้เลย
เดิมทีอาไห่นั่งอยู่ตรงข้ามลู่จือสิง พอได้ยินลู่จือสิงพูดก็ รีบลุกขึ้นทันที เขามองไปด้านหลังและพูดด้วยความเคารพยิ่ง กว่า “ท่านหยาง?”
น้ําเสียงแฝงไปด้วยความยําเกรงเล็กน้อย นี่คือเจ้านาย ใหญ่แห่งอวิ๋นกวงกรุ฿ป ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตที่เขาเข้าพบไม่ได้ ง่ายๆ
“พวกคุณกําลังพูดถึงเสิรแชเอนจินสี่มิติกันอยู่หรือเปล่า?” นายท่านหยางวางมือไว้ด้านหลังและยังคงยิ้มแย้มแจ่มใส
“ครับ” ลู่จือสิงมีลางสังหรณแแม่น พอได้ยินน้ําเสียงนาย ท่านหยางก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ บางอย่าง
“งั้นไม่ต้องยุ่งแล้ว” นายท่านหยางมองอาไห่อย่างถ่อม ตน “อวิ๋นกวงกรุ฿ปจะเป็นฝุายยุติสัญญาเอง”