เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 578 เจ๊หร่าน : อ่อ ฉันเพิ่งส่งเธอเข้า เรือนจําสถานหนักเมื่อสองวันก่อน
- Home
- เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ
- ตอนที่ 578 เจ๊หร่าน : อ่อ ฉันเพิ่งส่งเธอเข้า เรือนจําสถานหนักเมื่อสองวันก่อน
เวลาสามทุ่ม
ฉินหร่านมาถึงสนามบิน
หนิงเวยกับมู่หนานเดินขนาบข้างเธอ
เฉิงมู่ลากกระเปาเดินทาง
ฉินหร่านมองไปที่ทางออก เห็นแค่เฉิงสุ่ย เธอชะงักเท้า เล็กน้อย
“น้า นี่คือเฉิงสุ่ย น้าเรียกเฉิงสุ่ยก็ได้” ฉินหร่านแนะนําห นิงเวย
หนิงเวยรีบเอ่ยทัก “คุณเฉิง สวัสดีค่ะ”
“คุณหนูฉิน คุณนายหนิง ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ เรียก ผมเฉิงสุ่ยก็พอ” เฉิงสุ่ยทักทายฉินหร่านอย่างสุขุม เข้าไปรับ กระเปาเดินทางจากเฉิงมู่มาใบหนึ่งก่อนจะอธิบายกับฉินห ร่านด้วยน้ําเสียงนุ่มนวล “คุณชายเจวี้ยนมีธุระไปรัฐFครับ”
ส่วนเรื่องอะไรนั้น เฉิงสุ่ยไม่ได้บอก
ฉินหร่านเหลือบมองเฉิงสุ่ย เอามือกอดอกพลางหรี่ตา “รัฐF?”
“ธุรกิจน่ะครับ” เฉิงสุ่ยยิ้มเบาๆ
“งั้นสิ” ฉินหร่านเชื่อไปพลางๆ
“เฉิงสุ่ย คุณพาพวกน้าฉันกลับไปก่อน ฉันจะไป สถาบันวิจัยสักหน่อย” ฉินหร่านคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พูดขึ้นมาอีก ประโยค
อวิ๋นกวงกรุ฿ปก่อความเคลื่อนไหว ตระกูลฉินมีลู่จือสิง และคนอื่นๆ ประคองอยู่ ไม่เพียงแต่ไม่ได้รับความเสียหาย อย่างหนัก ในทางกลับกันยังเจริญรุ่งเรืองยิ่งกว่าเดิม
แต่ทางสถาบันวิจัยไม่มีใครช่วย
ฉินหร่านจึงกังวลกับสถานการณแของสถาบันวิจัย
ในมือพวกเขามีแผนงานBที่ร่วมมือกับรัฐM หลายคนใน สถาบันวิจัยต่างก็จ้องตาเป็นมัน
เฉิงสุ่ยยื่นมือสวมแว่นตากรอบทอง จากนั้นก็มองไปทาง เฉิงมู่ “เฉิงมู่ นายพาพวกคุณนายหนิงกลับไปก่อน ฉันจะไป สถาบันวิจัยกับคุณหนูฉิน”
ก่อนเฉิงเจวี้ยนจะไป เขาได้กําชับเฉิงสุ่ยให้ตามติดฉินห ร่านอย่างใกล้ชิด
“ดึกขนาดนี้แล้วยังไปสถาบันวิจัยอีกเหรอ?” หนิงเวยม องฉินหร่าน “สามทุ่มกว่าแล้วนะ”
“ไม่เป็นไร คนในห้องปฏิบัติการแทบทุกคนก็พักอยู่ที่นั่น กันหมด” ฉินหร่านเอื้อมมือหยิบผ้าปิดจมูกออกมาสวมให้
ตัวเอง “วันนี้ไม่สะดวก อีกสองวันจะพาน้าไปดู ห้องปฏิบัติการ”
ฉินหร่านพูดมาขนาดนี้ หนิงเวยจึงไม่ได้เกลี้ยกล่อมต่อ ได้แต่หลุบตาลง
ตั้งแต่มาถึงเมืองหลวง หนิงเวยก็เงียบมากและยังพูด น้อย ไม่รู้ว่ากําลังคิดอะไรอยู่
ฉินหร่านรู้ว่าสภาพจิตใจหนิงเวยอยู่ในภาวะสับสน เธอ หันไปหามู่หนานอีกด้าน “เฉิงจินกําลังจัดการข้อมูลการย้าย โรงเรียนของนาย เดี๋ยวกลับไปจะให้เฉิงมู่พานายไปหาเฉิง จิน”
หลังจากกําชับเรื่องทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ฉินหร่านก็แยก ทางกับพวกหนิงเวย
สนามบินเมืองหลวงใหญ่ไปหน่อย ใช้เวลาไปพักใหญ่กว่า ฉินหร่านจะออกเดินทาง
เฉิงสุ่ยเป็นคนขับรถ
แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว แต่คนในสนามบินก็ยัง เยอะ เฉิงสุ่ยกําลังต่อคิวออกไป
ฉินหร่านนั่งอยู่ด้านหลัง เธอไม่ได้ทําอะไร แค่หยิบ โทรศัพทแออกมาและเปลี่ยนซิมการแดอีกใบ
พอเปิดอนุญาตสิทธิ์เข้าใช้ซิมการแดใบนี้ ก็มีข้อความส่ง มานับไม่ถ้วน
ฉินหร่านอ่านข้อความพวกนี้อยู่นานกว่าจะกดตอบกลับ ข้อความหนึ่งในนั้น
เพิ่งตอบกลับได้ไม่นาน ซิมการแดอีกใบก็ส่งเสียงดังขึ้นมา
เป็นเบอรแของฉังหนิง
ฉินหร่านมองๆ ดูก็กดรับสายอย่างส่งๆ วางโทรศัพทแไว้ ข้างหู “หาฉัน?”
ดื่มเหล้า?
ฉินหร่านหรี่ตา
“เปล่าเสียหน่อย” สายตาฉังหนิงเคร่งขรึมเล็กน้อย “วันนี้เมืองหลวงมีผู้มีอํานาจเพิ่มมาอีกคนนึงแล้ว ประวัติ ความเป็นมาค่อนข้างยิ่งใหญ่ ตอนนี้เธออยู่ไหน?”
“คนของอวิ๋นกวง?” ฉินหร่านเอนหลังพิงเบาะ ขนตา ยาวพับลง น้ําเสียงฟังดูสบายๆ
ไม่ตอบ แต่ถามกลับ
“เธอรู้ด้วย?” ฉังหนิงแปลกใจเล็กน้อย “ในเมื่อเธอรู้แล้ว ฉันก็ไม่จําเป็นต้องเตือนอะไรมาก ต้องการกําลังคนของเราก็ บอกมาได้เลย”
“วางใจได้” ฉินหร่านมองไฟริมถนนที่กะพริบอยู่ด้าน นอก
ทั้งสองคุยกันเสร็จก็วางสาย
พอออกจากสนามบินแล้ว รถที่อยู่ด้านนอกก็น้อยลงไป มาก
ไร้สิ่งกีดขวางตลอดเส้นทาง
เวลา 10.05 น. รถมาจอดอยู่ที่หน้าประตูสถาบันวิจัย
เวลานี้ ตึกอาคารของสถาบันวิจัยส่วนใหญ่ปิดกัน หมดแล้ว ลานจอดรถก็เงียบสนิท มีเพียงไฟดวงใหญ่ที่สว่าง โดดเด่น มองไปไม่เจอคน
เงียบเกินควร
เฉิงสุ่ยลงจากรถก่อน เขามีความตื่นตัวเป็นอย่างมาก
เฉิงสุ่ยกวาดสายตามองไปรอบๆ ลานจอดรถ หรี่ตาลง ขณะที่หยิบโทรศัพทแออกจากกระเปาก็คุยกับฉินหร่านที่อยู่ใน รถไปด้วย “คุณหนูฉิน เหมือนจะมีอะไรแปลกๆ”
ระหว่างที่พูด ฉินหร่านก็ลงจากรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เธอปิดประตูรถเสียงดัง “ปัง” พร้อมกับพูดว่า “ไม่ต้อง ห่วง จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นตอนนี้”
พูดจบ มือข้างหนึ่งก็สอดเข้าไปในกระเปา เดินไปที่ ห้องปฏิบัติการด้วยท่าทางเนิบนาบ
เฉิงสุ่ยวิ่งเหยาะๆ ตามฉินหร่านขึ้นไปพลางปรายตามอง ไปด้านหลัง เขาไม่รู้สึกถึงใครเลยจริงๆ แต่ยังแจ้งให้ลูกน้อง พาคนมาสถาบันวิจัย
ฉินหร่านหยุดอยู่ที่ล่างตึก มองไปยังห้อง301ที่กําลังเปิด ไฟอยู่
หนานฮุ่ยเหยากับพวกนักวิจัยเลี่ยวน่าจะยังอยู่ที่นั่น เธอ สาวเท้าเดินเข้าไป
ไม่รอลิฟตแ แต่เดินตรงไปยังชั้นสาม
ห้อง301ค่อนข้างครึกครื้น นอกจากพวกนักวิจัยเลี่ยวห้า คนแล้วยังมีนักวิจัยขั้นหนึ่งอีกสองคน
นักวิจัยเซิ่งกับนักวิจัยหลู่
และยังมีนักศึกษาของนักวิจัยทั้งสองท่าน
ขณะนี้ทั้งสองกําลังสังเกตแท่นทดลองที่ฉินหร่านกับ นักวิจัยเลี่ยวเป็นคนวางแผน ติดตามเนื้อหาทดลองพร้อมกับ สั่งหนานฮุ่ยเหยา “เอาโวลตแมิเตอรแมาทางซ้าย”
“เทน้ําอุ่นใส่แก้ว”
“เยี่ยหมิงเฉียว นายลองอธิบายให้ฉันฟังซิว่าขั้นตอนนี้ หมายความว่าอะไร?”
“……”
ห้องปฏิบัติการ301เป็นห้องปฏิบัติการในสถาบันวิจัยที่ ฉินหร่านประจําอยู่ นักวิจัยเลี่ยว หนานฮุ่ยเหยา ฉู่หัง หรือ พวกรุ่นพี่เยี่ยคนอื่นๆ ล้วนเป็นคนที่ฉินหร่านต้องการบ่มเพาะ
ฉินหร่านหยุดอยู่ที่หน้าประตู หรี่ตาลง
“รุ่นน้องฉินหร่าน เธอมาพอดีเลย” ผู้หญิงเพียงคนเดียว ที่อยู่บนแท่นทดลองเงยหน้าขึ้นมองมาทางฉินหร่าน “ช่วยฉัน พิมพแเอกสารฉบับนี้หน่อย”
เธอโยนแฟลชไดรฟไปข้างๆ ฉินหร่าน
นั่นคือจั่วชิวหรงที่ไม่ได้เจอกันมานาน
“แกรก”——
แฟลชไดรฟหล่นลงพื้น
จั่วชิวหรงขมวดคิ้ว ใช้คําพูดที่แฝงไปด้วยคําเย้ยหยัน “ฉินหร่าน เธอหมายความว่ายังไง?”
สีหน้าฉินหร่านเย็นเฉียบจนถึงขีดสุด เธอยังไม่พูดอะไร รุ่นพี่เยี่ยที่กําลังรินน้ํารีบเดินมาหยิบแฟลชไดรฟ “ฉันช่วยเธอ พิมพแเอง”
จั่วชิวหรงชําเลืองมองพวกเขาอย่างเคืองตา
ขณะที่พูด รุ่นพี่เยี่ยก็ยื่นมือมาตบไหล่ฉินหร่านเพื่อบอก ให้เธอใจเย็นๆ
เพราะรุ่นพี่เยี่ย ฉินหร่านจึงระงับอารมณแไว้
รุ่นพี่เยี่ยพิมพแเอกสารเสร็จก็เดินมาทางฉินหร่าน “คุยกัน หน่อย”
ฉู่หังกับหนานฮุ่ยเหยาก็ตามมาด้วย
“นักวิจัยเลี่ยวล่ะ?” ฉินหร่านสํารวจมองห้องปฏิบัติการ พูดอย่างใจเย็น
“หลังจากมีเรื่องอวิ๋นกวงกรุ฿ป ตระกูลโอวหยางก็ได้หุ้น ของสถาบันวิจัยไปครึ่งหนึ่ง มีนักวิจัยหลายคนที่ต้องการ แผนงานB พวกเขาจึงวางแผนครอบครองมันมานานแล้ว… นักวิจัยเลี่ยวมีเนื้อหาสําคัญอยู่ในมือ ตอนนี้อยู่ที่ตึกของ ผู้อํานวยการฟัง” รุ่นพี่เยี่ยตอบ
“ตระกูลโอวหยาง?” ฉินหร่านพยักหน้า “ฉันเข้าใจ แล้ว”
“รุ่นน้อง” รุ่นพี่เยี่ยเห็นเธอมีท่าทีแบบนี้ก็รู้แล้วว่าเธอดึง ดัน “เธออย่าทําอะไรบุ่มบ่ามเลย ฉู่หังบอกว่าตระกูลโอวห ยางมีภูมิหลังที่แกร่งมาก เบื้องหลังเป็นคนของถนนมืด…”
ฉู่หังเป็นทายาทตระกูลเก่าแก่ เป็นธรรมดาที่เขาจะรู้ว่า 129อยู่เบื้องหลังโอวหยางเวย
หนานฮุ่ยเหยาพยักหน้าแรงๆ เธอเดินตามมา “หร่านห ร่าน แผนงานBหลีกทางได้ก็หลีกเถอะ ไม่เป็นไรหรอก”
“พวกเราย้ายเทคโนโลยีหลักตามที่นักวิจัยเลี่ยวสั่ง เรียบร้อยแล้ว เธออย่าผลีผลามเลย พวกเราค่อยเป็นค่อยไป
แล้วค่อยลองคิดหาวิธีดีกว่า โอวหยางเวยเป็นใครเธอก็น่าจะรู้ ดีกว่าฉัน” ฉู่หังก็เดินมาข้างหน้า
เสียงพูดของพวกเขาค่อนข้างเบา แต่จั่วชิวหรงที่อยู่ใกล้ๆ ได้ยินแล้ว
เธอเหลือบมองฉินหร่านด้วยสายตาเยาะเย้ย ในใจรู้สึก ผ่อนคลาย สบายอารมณแ
รอยยิ้มตรงมุมปากเย็นชาเล็กน้อย หาวิธี? พวกเธอจะหา วิธีอะไรได้?
หน้าประตู ฉินหร่านนิ่งไป!
เธอหันหน้ามาหัวเราะ “ฉันคิดว่าพวกเธอน่าจะยังไม่รู้ ฉันเพิ่งส่งโอวหยางเวยไปเรือนจําสถานหนักเมื่อสองวันก่อน”