เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 581 ตบหน้าตัวเองเพราะคําพูดที่เพิ่งพูด ออกมา
“ฉันจะไม่ไปจากเมืองหลวง” ฉินหร่านเงยหน้าขึ้น เธอ พูดอย่างตรงไปตรงมา
ถ้าอาจารยแใหญ่สวียังมีชีวิตอยู่ ฉินหร่านก็คงไม่ต้องมายุ่ง เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มาก
แต่อาจารยแใหญ่สวีได้จากไปแล้ว
เขาสู้จนตัวตายเพื่อทิ้งสถาบันวิจัยและตระกูลสวีไว้ให้ เธอ
ดังนั้นเธอจะต้องดูแลมัน
ส่วนฟังเจิ้นปั๋ว เธอก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าอีกฝุายจะ เก่งกาจเหนือมนุษยแสักแค่ไหน
ฉินหร่านก้มหน้าด้วยแววตาเย็นยะเยือก
นักวิจัยเลี่ยวมองฉินหร่านสักพัก เขาไม่แปลกใจกับ คําตอบของเธอเลย ได้แต่พยักหน้า “ตกลง ศาสตราจารยแทั้ง ห้าท่าน เลี่ยวเกาอั๋งขอเชิญพวกคุณกลับมา! ตอนนี้ใน
สถาบันวิจัยมีแค่ผมคนเดียวที่ยืนข้างหร่านหร่าน ผมหวังว่า พวกคุณจะกลับมาเพื่อช่วยเธอ!”
ครั้งนี้เขาไม่อยากเห็นภาพความอ้างว้างอีกต่อไป
ฉินหร่านมองเลี่ยวเกาอั๋ง กระชับแก้วในมือแน่น เธออ้า ปากยังไม่ได้พูดอะไร
ศาสตราจารยแฉีเพียงมองมาที่ฉินหร่าน “ยังไงฉันก็ต้อง ปกปูองลูกหลานท่านหนิงอยู่แล้ว แต่ว่า…” ศาสตราจารยแฉี ยิ้มอย่างขมขื่น “ตอนนี้ฉันคงช่วยอะไรไม่ได้มาก ฉันออกจาก สถาบันวิจัยมานานแล้ว”
ฉินหร่านลุกขึ้นยืน โค้งคํานับไปทางศาสตราจารยแทั้งห้า ท่าน ขอบตาแดงเล็กน้อย
บีบนิ้วแน่น
เลี่ยวเกาอั๋งรู้ดีว่าทั้งห้าท่านที่เป็นมือขวาของหนิงเอ่อรแไม่ มีทางบ่ายเบี่ยงไปได้ หลังจากแก้ปัญหาเสร็จ เขาก็มองไปทาง กลุ่มของหนานฮุ่ยเหยาที่ยืนอยู่อีกด้าน “พวกเธอคงรู้ สถานการณแปัจจุบันของสถาบันวิจัยแล้ว คนส่วนใหญ่ยืนอยู่ ข้างฟังเจิ้นปั๋ว หนานฮุ่ยเหยา ฉู่หัง…ถ้าพวกเธอสี่คนจะไป ฉัน ขอตัดสินใจแทนหร่านหร่าน จะไม่มีทางโทษพวกเธอ เด็ดขาด”
พวกฉู่หังและคนอื่นๆ ได้เห็นสถานการณแตอนนี้แล้ว
สิงไคเอามือสอดกระเปากางเกง เงยหน้าขึ้น “นัก วิจัยเลี่ยว คุณล้อเล่นอะไรกัน ผมจะไปได้ยังไง”
ไม่มีฉินหร่าน จะมีเขาที่ไหนกัน?
ฉู่หังกับหนานฮุ่ยเหยานั่งลงอย่างสบายอารมณแ คนหนุ่ม สาวมักจะมีความเพียรและความเย่อหยิ่งในแบบฉบับคนหนุ่ม สาว “นักวิจัยเลี่ยว คุณต่อเถอะ”
เมื่อได้ยินพวกเขาพูดดังนั้น นักวิจัยเลี่ยวก็รู้สึกซาบซึ้งใจ ขึ้นมาเล็กน้อย
เขาหัวเราะ นัยนแตาเปื้อนยิ้ม ต่อจากนั้นก็พูดด้วยท่าที เคร่งขรึม “ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว พวกเราจะต้องยึดมั่น ฟังเจิ้นปั๋วพูดถูก เมื่อเดินเส้นทางนี้ ก็จะไม่มีเจ้าหน้าที่ ระดับสูงของสถาบันวิจัยอยู่ข้างพวกเรา พวกเราเป็นแค่หัว เดียวกระเทียมลีบ ยากที่จะประคับประคอง”
พวกฉู่หังหนานฮุ่ยเหยาพยักหน้าอย่างจริงจัง
ศาสตราจารยแฉีก็พูดด้วยความเคร่งเครียด “กลุ่มเด็ก วัยรุ่นอย่างพวกเธอ เฮ้อ…มีฟังเจิ้นปั๋วอยู่ พวกเราก็เหมือนมี ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย”
ขณะที่พวกเขากําลังพูดคุยกัน ก็มีคนเคาะประตูจากด้าน นอก
เวลานี้ยังจะมีใครอีก?
“ฉันไปเปิดประตูเอง” เดิมทีหนานฮุ่ยเหยายืนอยู่หลัง โซฟาฉินหร่าน
พอได้ยินเสียง เธอจึงเดินไปเปิดประตูเป็นคนแรก
ด้านนอก เป็นนักวิจัยเซิ่งกับนักวิจัยหลู่สองท่าน
ช่วงสองวันมานี้ทั้งสองเอาแต่ชี้นิ้วสั่งอยู่ใน ห้องปฏิบัติการ หนานฮุ่ยเหยามีความทรงจําฝังลึก เธอถอย ไปหนึ่งก้าว ผงะเล็กน้อย “นักวิจัยเซิ่ง? นักวิจัยหลู่? เชิญค่ะ”
เธอเบี่ยงตัวหลีกทางให้นักวิจัยทั้งสองท่านเข้าไปข้างใน
เสียงหนานฮุ่ยเหยาไม่ได้เบามาก นักวิจัยเลี่ยว นักวิจัยฉี และคนอื่นๆ ที่อยู่ในห้องพักรับรองได้ยินกันหมด
นักวิจัยเลี่ยวทําหน้าขรึม
เขาลุกขึ้นทันที บังอยู่ตรงหน้าฉินหร่านและมองนักวิจัย ทั้งสองท่าน “นักวิจัยเซิ่ง นักวิจัยหลู่ พวกคุณยังมีปัญหาอะไร กับงานวิจัย?”
ฉู่หัง สิงไค และรุ่นพี่เยี่ยก็มองไปด้านหลังราวกับกําลัง เผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ
“ไม่ใช่แน่นอน นักวิจัยเลี่ยว พวกเรามาหาคุณหนูฉิน ต่างหาก” นักวิจัยหลู่พูดพลางหัวเราะ น้ําเสียงสุภาพมาก ไม่
พบอารมณแคุกคามคนแม้แต่น้อย “นักวิจัยเลี่ยว คุณกับ คุณหนูฉินต้องยกโทษให้พวกเราที่เสียมารยาทในช่วงไม่กี่วัน มานี้ด้วยนะครับ พวกคุณก็รู้นี่ว่าทั้งหมดเป็นเพราะ ผู้อํานวยการฟังเป็นคนยุยง พวกเราอยู่ข้างคุณหนูฉิน แน่นอน”
ขณะที่พูด นักวิจัยหลู่ยังหยิบกล่องของขวัญที่ผู้ช่วย เตรียมไว้ให้ด้วยความฉุกละหุกออกมาให้ฉินหร่าน “นี่เป็น ของขวัญขอโทษสําหรับคุณหนูฉินและนักวิจัยเลี่ยว ได้โปรด ยกโทษให้พวกเราด้วย”
นักวิจัยหลู่พูดตอนต้น นักวิจัยเซิ่งก็ไม่ยอมน้อยหน้า เขา หยิบเอากล่องของขวัญที่เตรียมไว้ออกมายื่นให้ “คุณหนูฉิน ยังมีของผมด้วย ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปผมเซิ่งขุยจะติดตามคุณ”
ฉินหร่านมองทั้งสองและยังไม่รีบตอบ
ที่สถาบันวิจัยตอนนี้เธอมีแค่กลุ่มของรุ่นพี่เยี่ยที่อยู่ใกล้ มือ พวกเขาจะเป็นกําลังสําคัญของเธอในอนาคต ตอนนี้เธอ ยังไม่เติบโตพอ จึงมีแค่นักวิจัยเลี่ยวเพียงคนเดียวที่สามารถ จัดการสถานการณแโดยรวมได้ ส่วนศาสตราจารยแทั้งห้าท่านก็ ยังต้องใช้เวลา ได้แต่ให้ความช่วยเหลืออย่างลับๆ
นักวิจัยเซิ่งนักวิจัยหลู่สองคนนี้นิสัยพื้นๆ แต่…
ฉินหร่านก็เข้าใจความเป็นมนุษยแดี ถึงอย่างไรเสียเธอก็ ไม่มีเรื่องบาดหมางกับสองคนนี้มาก่อน
เฉิงสุ่ยที่อยู่ข้างๆ ฉินหร่านเหลือบมองฉินหร่าน เขา น่าจะรู้ความคิดฉินหร่านแล้ว
เขายื่นมือรับของขวัญจากทั้งสองท่านและยิ้มเพื่อช่วย ฉินหร่านจัดการ “นักวิจัยทั้งสองท่านเกรงใจเกินไปแล้ว ต่อไปก็เป็นครอบครัวเดียวกัน”
การจัดการเรื่องประเภทนี้เขาทําได้ดีกว่าเฉิงมู่แน่นอน
เมื่อเห็นเฉิงสุ่ยรับของขวัญไป นักวิจัยหลู่กับนักวิจัยเซิ่งก็ ถอนหายใจด้วยความโล่งอก พูดกับเฉิงสุ่ยไม่กี่คําก่อนจะจาก ไป
หลังจากที่พวกเขาไปแล้ว
ศาสตราจารยแห้าท่านที่อยู่ในห้องพักรับรองก็เงียบลง
เฉิงสุ่ยแกะของขวัญสบายอารมณแ “เพชรดิบเม็ดใหญ่นี่? คุณหนูฉิน ของขวัญใหญ่แบบนี้ สองคนนั้นคงตั้งใจจริงๆ
สายตาไม่เลวเลยทีเดียว มิน่าล่ะถึงได้นั่งตําแหน่งนี้อย่างทุก วันนี้ได้”
คิดไม่ถึงว่าจะกล้าเลือกเด็กวัยรุ่นอย่างฉินหร่าน เฉิงสุ่ ยนึกชื่นชมพวกเขาจริงๆ
ทันทีที่พูดออกไป ในห้องพักรับรองก็เงียบไปกันใหญ่
นักวิจัยเลี่ยวประหลาดใจเล็กน้อย มองฉินหร่านอย่างไม่ อยากจะเชื่อ
หน้าฉินหร่านยังคงเรียบเฉย เธอเพียงหันข้างยื่นมือไป หยิบเพชรดิบที่อยู่ในกล่องออกมาดู มือแตะคางพร้อมกับ ออกความเห็น “สีพื้นๆ”
ไม่สวยเท่าของกู้ซีฉือ
เฉิงสุ่ยพยักหน้าและตอบกลับไปเรียบๆ “พื้นๆ จริงๆ ด้วย”
“มีพวกนักวิจัยเซิ่งอยู่ พวกคุณจะได้ไม่กดดันเกินไป” ฉินหร่านมองนักวิจัยเลี่ยวและกลุ่มของศาสตราจารยแฉี “ศาสตราจารยแฉี พวกคุณทําวิจัยเงียบๆ ก็พอแล้ว อย่างอื่น ให้เป็นหน้าที่ฉัน”
“งั้นอวิ๋นกวงกรุ฿ป…”
ฉินหร่านเอามือไพล่หลัง พูดอย่างเฉยชา “ฉันจะไป จัดการเอง”
นักวิจัยหลู่กับนักวิจัยเซิ่งในคืนนี้อยู่นอกเหนือความ คาดหมายฉินหร่าน แต่นี่ถือว่าเป็นเรื่องดีสําหรับเธอ
“ศาสตราจารยแฉี ฉันขอตัวไปเคลียรแธุระก่อนนะคะ ไว้มา พบพวกคุณวันพรุ่งนี้” เธอโค้งคํานับศาสตราจารยแทั้งห้าก่อน จะออกไปพร้อมกับเฉิงสุ่ย
หลังจากที่ทั้งสองออกไป ห้องพักรับรองก็ยังคงเงียบสงัด
ศาสตราจารยแฉียังถือถ้วยชาอยู่ในมือ ศาสตราจารยแทั้ง ห้าต่างก็คิดไม่ถึง “สองคนนั้น…เป็นใคร?”
“นักวิจัยของสถาบันวิจัยครับ แล้วก็เป็นผู้ดูแลด้วย” ฉู่ หังตอบด้วยความเคารพ
“อ้อ” ศาสตราจารยแฉีตอบรับ จากนั้นก็ตอบสนอง ภายในสองนาที “เดี๋ยว ใครนะ?”
สิงไคเป็นคนซื่อๆ เขาเกาหัวและมองไปทางนักวิจัยเลี่ยว “นักวิจัยเลี่ยว ไหนพวกคุณบอกว่าพวกเราหัวเดียวกระเทียม ลีบไง? แล้วนักวิจัยเซิ่งกับนักวิจัยหลู่นั่นหมายความว่ายังไง?”
นักวิจัยเลี่ยวที่ตบหน้าตัวเองเพราะคําพูดที่เพิ่งพูด ออกมา “…”
ฉันจะไปรู้ที่ไหนกันเล่า ? ?