เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 582 อาจิ่ว ฉันยังมีชีวิตอยู
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ศาสตราจารยแฉีคาดไม่ถึง
ฟังเจิ้นปั๋วนั้นเป็นใครเขารู้ดี เบื้องหลังยังมีกองกําลัง ลึกลับซ่อนอยู่
ตอนนั้นหนิงเอ่อรแกับตระกูลฉินต่างก็ไม่มีวิธีจัดการ ฟังเจิ้นปั๋ว แล้วฉินหร่านตอนนี้?
สถานการณแตอนนี้เกินความคาดหมายศาสตราจารยแฉีไป เล็กน้อย
“ตอนนี้สถาบันวิจัยมีแค่นักวิจัยทั้งห้าคน รวมผมด้วยคน หนึ่ง มีสามคนที่อยู่ข้างหร่านหร่าน ส่วนรองผู้อํานวยการเว่ย เฟิงเขาชัดเจนมาตลอดว่าไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้” นัก วิจัยเลี่ยวพูดช้าลง ใบหน้าจริงจังแฝงไปด้วยรอยยิ้มจางๆ “แต่ตราบใดที่ท่านเว่ยไม่อยู่ข้างฟังเจิ้นปั๋ว พวกเราก็ไม่ จําเป็นต้องกลัว”
เว่ยเฟิงอายุมากที่สุดในสถาบันวิจัย เป็นนักวิจัยอาวุโสที่ มีความสามารถและประสบการณแมากที่สุด ลูกศิษยแลูกหาเต็ม บ้านเต็มเมือง สุ่มจับคนระดับผู้บริหารในวงการฟิสิกสแมาสัก คน มีความเป็นไปได้กว่าห้าสิบเปอรแเซ็นตแที่อาจจะเป็น ผู้ใต้บังคับบัญชาที่เคยผ่านมือเขามาแล้วหรือเคยทํางานให้ เขา
เขาเป็นรองผู้อํานวยการที่มีคุณธรรมและบารมีสูงส่ง แต่ แค่ว่าไม่ค่อยชอบยุ่งเรื่องอื่น อุทิศชีวิตอยู่ในห้องปฏิบัติการ เท่านั้น
ช่วงเวลานี้คนส่วนใหญ่ในสถาบันวิจัยเริ่มเลือกฝุายกัน แล้ว แต่เขายังทําวิจัยอยู่ต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม เป็นแบบนี้ก็ดี อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้อยู่ฝุาย ฟังเจิ้นปั๋ว
หากเว่ยเฟิงเลือกไปอยู่ฝุายฟังเจิ้นปั๋วจริงๆ เส้นทางพวก เขาก็คงลําบากเหลือคณา
“กลัวก็แต่ว่าฟังเจิ้นปั๋วจะเล่นลูกไม้สกปรก” ศาสตราจารยแฉีรู้สึกตัว “การจะต่อกรกับเขา ไม่ว่ายังไงพวก เราก็อย่าได้ชะล่าใจ”
“ผมเข้าใจแล้ว” นักวิจัยเลี่ยวผงกหัว
**
ระหกระเหินจากอวิ๋นเฉิงมาเมืองหลวงทั้งวันแล้วยังต้อง เคลียรแธุระอีกมากมาย
พอฉินหร่านกลับมาที่วิลล่าก็เป็นเวลาเกือบตีหนึ่งแล้ว
ทั้งวิลล่าเงียบสงัด ไฟดวงใหญ่ที่ชั้นหนึ่งยังคงเปิดอยู่ พอ ได้ยินเสียง เฉิงมู่ก็เดินออกประตูมาทันที หนิงเวยกับมู่หนาน ก็ไม่ได้ขึ้นไปพักผ่อนข้างบน แต่รอเธออยู่ข้างล่าง
ไม่รู้ว่าหนิงเวยกําลังทําอะไรอยู่ ส่วนมู่หนานกําลังถือ คอมพิวเตอรแแปลภาษา
ฉินหร่านวางเสื้อคลุมไว้บนหิ้งด้านซ้ายแล้วมองหนิงเวย “น้า ทําไมพวกน้ายังไม่นอน?”
“ก็ไปนอนมาแล้ว” ตั้งแต่หนิงเวยมาถึงเมืองหลวง เธอก็ ดูใจลอยตลอดเวลา จะทําอะไรก็ดูระมัดระวังตัว
ดึกขนาดนี้แล้วฉินหร่านยังออกไปข้างนอก เธอจึงเป็น ห่วงเป็นธรรมดา
ตอนนี้ฉินหร่านกลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว เธอจึงลุกจาก โซฟา ก้มหน้าแล้วเม้มปาก “หร่านหร่าน เข้านอนเร็วๆ ละ”
พอพูดจบ เธอก็กําชับฉินหร่านอีกไม่กี่ประโยคก่อนจะ ขึ้นไปข้างบน
ฉินหร่านยืนนิ่งพลางมองหนิงเวยที่ขึ้นไปข้างบน
จากนั้นก็นั่งตรงข้ามมู่หนาน
“ผมดูบ้านเรียบร้อยแล้ว” มู่หนานเงยหน้าขึ้น นิ้วยัง เคาะแปูนพิมพแ ดวงตาดําขลับดูล้ําลึก “อยู่ติดกับโรงเรียน มัธยม”
ฉินหร่านผงกหัวเล็กน้อย “ดี มีอะไรให้ช่วยก็บอก”
“ไม่มีแล้ว” มู่หนานพิมพแตัวสุดท้ายและดูว่าแปลผิด หรือไม่ จากนั้นก็ส่งเอกสารการแปลที่แปลเสร็จให้นายจ้าง “พรุ่งนี้ทําเรื่องเสร็จผมอยากไปเยี่ยมพี่ใหญ่ซ่งเสียหน่อย”
“พี่ใหญ่ซ่ง?” ฉินหร่านรับแก้วนมที่เฉิงมู่ยื่นมาให้ ก้ม หน้าดื่ม “พี่ใหญ่ซ่งไปแลกเปลี่ยนห้องปฏิบัติการที่ประเทศH กับอาจารยแของเขาหนึ่งสัปดาหแ อีกสองวันกว่าจะกลับมาได้”
คนระดับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสถาบันวิจัยใช่ว่าจะปลีก ตัวออกมาได้
แต่นักวิจัยส่วนใหญ่ต่างก็หมกมุ่นอยู่กับการทดลองและ โครงการอยู่แล้ว
“ผมเข้าใจแล้ว” มู่หนานส่งอีเมลเสร็จแล้ว เมื่อไม่เห็นว่า มีข้อผิดพลาดใดๆ ก็ปิดคอมพิวเตอรแ
เขาเอื้อมมือค่อยๆ พับคอมพิวเตอรแ
ขนตาหลุบลงอยู่นานสักพักกว่าจะปิดคอมพิวเตอรแ เรียบร้อย เขาลุกขึ้นพลางมองฉินหร่าน หยิบเอาของใน กระเปาออกมาแล้วยื่นให้ฉินหร่านโดยตรง “นี่คือของที่ยาย ทิ้งไว้ให้ผม”
ฉินหร่านมองดูมัน ในมือมู่หนานมีปูายสีดําซึ่งไม่รู้ว่าเป็น วัตถุอะไร บนนั้นมีคําว่า “หนิง” เป็นตัวจางๆ
เป็นของจากตา
เธอไม่ได้รับมา แค่เลิกคิ้วแล้วปิดมือมู่หนาน “ให้นาย แล้วก็เก็บไว้ดีๆ”
หลังจากพูดเสร็จก็ถือแก้วนมข้างหนึ่งและถือโทรศัพทแไว้ อีกข้างหนึ่ง เหมือนกําลังส่งข้อความ
ชั้นล่าง มู่หนานมองแผ่นหลังฉินหร่าน เม้มปากบาง “แม่ ผมไล่มู่หยิงไปแล้ว เธอจะได้เงินสามหมื่นหยวนจนกว่าจะเป็น ผู้ใหญ่”
“เข้าใจแล้ว” ฉินหร่านถือโทรศัพทแพลางโบกมือไปข้าง หลังอย่างส่งๆ
ถ้าไม่ใช่เพราะมู่หนานพูดเรื่องนี้ขึ้นมากะทันหัน เธอก็ เกือบจะลืมคนคนนี้ไปแล้ว
“น้องมู่หนาน” เฉิงมู่ที่อยู่ข้างๆ หาว เขาง่วงเล็กน้อย “พรุ่งนี้เฉิงจินจะพานายไปโรงเรียนมัธยม การทดสอบเข้า โรงเรียนค่อนข้างเข้มงวด นายเตรียมตัวดีๆ ล่ะ”
“ขอบคุณครับ” มู่หนานผงกหัวให้เฉิงมู่
เฉิงมู่โบกไม้โบกมือและนึกอะไรขึ้นได้ “ส่วนเรื่องย้าย โรงพยาบาลพ่อนายก็เดินเรื่องเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้ย้ายไป โรงพยาบาลแห่งที่หนึ่งได้เลย”
มู่หนานพยักหน้า
เมื่อคํานวณค่าใช้จ่ายทั้งหมดในใจ แววตาก็มุ่งมั่นขึ้น
เขาบอกลาเฉิงมู่เฉิงสุ่ยแล้วขึ้นไปข้างบน
ด้านหลัง เฉิงสุ่ยมองไปที่แผ่นหลังของมู่หนาน อดหยิบ บุหรี่มาคีบไว้ไม่ได้ “มู่หนานนี่คมในฝัก”
“คนในครอบครัวคุณหนูฉินแปลกกันทุกคน” เฉิงมู่ไม่ ค่อยสนใจ “เขาเก่งกว่าคุณหนูฉินไหม?”
“ไม่ ต่างกันนิดหน่อย” เฉิงสุ่ยนึกถึงปูายไม้สีดําที่เขาเพิ่ง เห็นเมื่อสักครู่พลางหัวเราะ “ครอบครัวนี้ไม่เลว”
ตอนที่เขาจัดหาบ้านให้หนิงเวย แน่นอนว่าต้องสืบข้อมูล พวกเขาด้วย
และรู้ว่าพ่อของมู่หนานนอนเป็นมนุษยแผัก
“มู่หนานเหมือนคุณหนูฉิน…” เฉิงมู่คิดได้ครู่หนึ่งก็พูดว่า “ไม่เหมือนพ่อเขาสักนิด”
“นายอย่าเป็นเหมือนนายท่านล่ะ ช่วงนี้สนใจแต่รูปร่าง หน้าตาคนอื่น” เฉิงสุ่ยเหลือบมองเฉิงมู่
เฉิงมู่ละสายตาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่คุยกับเฉิงสุ่ยอีก
**
ห้องฉินหร่านชั้นบน
หลังจากเธออาบน้ําเสร็จแล้วออกมาก็เป็นเวลาตีหนึ่ง ครึ่งพอดี
เธอเดินไปที่ริมหน้าต่างพลางเช็ดผมไปด้วย เปิดประตู หน้าต่าง
ผ่านเดือนมีนาคมไปแล้ว เมืองหลวงจึงไม่ได้หนาวมาก
ฉินหร่านยืนอยู่ริมหน้าต่างอยู่นาน มือยังกดผม
สายตาเยือกเย็นมองวิลล่าที่เงียบสงัด
ผ่านไปได้พักใหญ่
เธอก็ยื่นมือหยิบโทรศัพทแออกมา เปิดซิมการแดสํารองที่มี รายชื่อผู้ติดต่อแค่สามคน เธอกดไปที่หมายเลข “1” ที่ระบุ หมายเหตุไว้
(อาจิ่ว ฉันยังมีชีวิตอยู่จริงๆ ด้วย)