เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 598-3 เป็นขั้นเป็นตอน บทสรุปตอนต้น
ตอนนี้เฉิงมู่ติดตามพวกพี่ชายอย่างไร้ประโยชนแ
เห็นพวกพี่ชายเท่ระเบิด มีความเป็นระเบียบตอนที่ จัดการธุระ ในใจของเฉิงมู่ก็รู้สึกเสียเซลฟ
ถึงอย่างไรเขาก็เก็บซ่อนความผิดหวังไว้ในใจแล้ว ตามหลังเฉิงจิน จัดการคนให้ปิดกั้นทางเข้าออกของเมือง หลวงทั้งหมด
จู่ๆ โทรศัพทแในกระเปาก็ดังขึ้น
จากเฉิงเจวี้ยน
เฉิงเจวี้ยนที่อยู่อีกด้านพูดไม่กี่คํา เฉิงมู่ก็มีพลังกําลังใจ ขึ้นมาทันที เขาหันกลับมองเฉิงจิน “พี่ ฉันช่วยคุณไม่ได้แล้ว”
เฉิงจินกําลังถือโทรศัพทแพูดคุย ได้ยินคํานี้ของเฉิงมู่จึงอด มองไม่ได้ ขมวดคิ้วอย่างไม่คาดคิด “คุณจะไปทําอะไร”
“ฉันจะไปสถาบันวิจัยทางการแพทยแ ช่วยนายท่าน เจวี้ยน” เฉิงมู่ยืดอก ถือโทรศัพทแติดต่อคุณพ่อหลิน
เบื้องหลัง เฉิงหั่วงับบุหรี่ “เขาจะไปช่วยนายท่านที่ สถาบันวิจัยได้เหรอ”
ล้อเล่นสินะ
**
ตีสาม
ถนนมืดของเมืองหลวง
ผู้หญิงที่แบกกล้องถ่ายรูปมีรูปร่างกระฉับกระเฉง เท้า ของเธอเหยียบหลังของชายที่มองเห็นใบหน้าได้ไม่ชัดเจนด้วย รอยยิ้มเกียจคร้าน
กดหูฟังที่หู “นายท่านฉังหนิง จับคนให้คุณแล้ว ให้คน มานําเขากลับไปที่ถนนสายสอง”
“เดี๋ยวนี้” ฉังหนิงยังไม่นอน เขาจัดแจงเสื้อผ้าแล้วรีบ ออกมา
เหอเฉินวางกล้องถ่ายรูปบนหลังของเขา
จากนั้นจึงเงยหน้ามองไปที่ชายชุดดําหลายคนฝั่งตรง ข้าม
เธอยกมือขวาขึ้น กระสุนหลายนัดกระจายอยู่ที่พื้นส่ง เสียงดังหลายครั้ง เหอเฉินล้วงมือข้างหนึ่งในกระเปาเสื้อ “สหายทั้งหลาย อยากปล้นใครสักคนกับฉันไหม นี่คือคนที่ ฉันสนใจมาปีกว่า ถ้าอยากปล้น ไม่ง่ายเลย”
อีกฝุายนําโดยชายที่เหมือนดั่งภูเขาน้ําแข็ง ทรงพลังราว กับปีศาจร้าย
เขาขมวดคิ้วมองไปยังเครื่องสื่อสารที่หูของเหอเฉิน
จากนั้นจึงยกมือหยุดลูกน้อง “คนของ 129 งั้นเหรอ”
เหอเฉินยิ้มอย่างไร้พิษภัย “ใกล้เคียง”
“ไป” ชายคนนั้นมองเธออย่างเฉยเมย สายตาของเขา จับจ้องที่หูของเธอพักหนึ่ง แล้วหันกลับหายไปในความมืด ทันที
ไม่ไกลนัก เท้าที่เหยียบชายร่างใหญ่ของเหอเฉินหนักขึ้น เล็กน้อย เธอหรี่ตามองตามชายที่หายตัวไปอย่างสงสัย เล็กน้อย ในฐานข้อมูลไม่มีข้อมูลของชายผู้นี้เลย
ไม่นานนัก ฉังหนิงรีบมา เขามองกระสุนที่กระจัด กระจายข้างเท้าของเหอเฉินแล้วขมวดคิ้ว “เกิดเรื่องเหรอ”
“คนประหลาดหลายคนน่ะ” เหอเฉินวางเท้าลง ให้คน ยกชายร่างใหญ่ไปแล้วเอื้อมมือไปเกี่ยวกล้องถ่ายรูปด้านข้าง ขึ้นมา “ฉันจับมังกรพิษให้คุณได้แล้ว”
“ดี” ฉังหนิงมองมังกรพิษที่ถูกเหอเฉินจัดการจนดูไม่เป็น ท่าแล้วเงียบไปสักพักจึงพูดขึ้น “หมาปุาเดียวดายเกิดเรื่อง แล้ว”
“อะไร” เหอเฉินที่กําลังจัดการกล้องถ่ายรูปของตัวเอง เงยหน้าขึ้น “มีเฉิงเจวี้ยนกับสมาพันธแใต้ดินอยู่ เธอยังจะมี ปัญหาอยู่เหรอ”
“ไวรัส” ฉังหนิงอธิบายเหอเฉินแล้วพูดอย่างจริงจัง “กฎ อัยการศึกทั่วทั้งเมืองในตอนนี้”
“เธอไม่ระวังตัวเลยเหรอ” เหอเฉินขมวดคิ้ว
ฉังหนิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงส่ายหน้า “ฉันเกรงว่า…ก่อน หน้านี้ไวรัสได้แฝงตัวในร่างกายของเธอเมื่อนานมาแล้ว”
สามารถอธิบายได้เพียงเท่านี้
“มีพวกกู้ซีฉืออยู่ น่าจะไม่เป็นไรหรอก” เรื่องเหล่านี้ ไม่ได้อยู่ในขอบเขตความรู้ของเหอเฉิน
“ดูแล้ว” ฉังหนิงละสายตากลับ
เหอเฉินพยักหน้า เธอวางกล้องถ่ายรูปไว้ที่บ่าอีกครั้ง “มังกรพิษนี่ปลอมตัวเก่งมาก ก่อนหน้านี้เป็นอาชญากรที่ ต้องการจับเป็นอันดับสามของแมทธิว ด้านข้างยังมีคนของ กองกําลังอื่นเฝูาสังเกต ฉันใช้เวลาดักซุ่มอยู่หนึ่งปีจึงสามารถ นําคนไปจับกุมที่เมืองหลวงได้สําเร็จ ทั้งยังมีปีศาจร้ายที่ไม่รู้
ที่มาที่ไปจะแย่งเขาไปจากฉัน คุณต้องตรวจสอบให้ รอบคอบ”
“ได้” ฉังหนิงมองเหอเฉิน ให้คนนํามังกรพิษกลับไป
เหอเฉินโบกมือไปด้านหลัง “ฉันจะไปดูหมาปุาเดียวดาย ตัวน้อยของตระกูลพวกเราสักหน่อย”
ฉังหนิงกลับไปพร้อมลูกน้อง ควบคุมตัวมังกรพิษ
จับมังกรพิษได้ ตัวเขาควรติดต่อฉินหร่าน
แต่ตอนนี้…
ฉังหนิงคิดดูแล้วจึงโทรศัพทแหาเฉิงเจวี้ยน
“เอเ บุคคลผู้ร้ายกาจขนาดนี้ คุณจับเขาทําไมนายท่าน” ธุลีมังกรหาวพลางเดินไปทางสํานักงานของฉังหนิง “แบบนี้ เหอเฉินก็ทําให้มังกรพิษผู้เป็นที่ต้องการจับมาหลายปีของแม ทธิวต้องอกสั่นขวัญแขวนแล้ว”
แต่สามารถจับมังกรพิษที่หลบหนีไปทั่วทุกมุมโลกได้ก็มี เพียงการลงมือของสายลับพันหน้า
คนอื่นทําไม่ได้
“เขาเป็นอาชญากรใหญ่ของ 712 ในเมืองหนิงไห่” ฉัง หนิงเหลือบมองธุลีมังกร
“แค่กๆ” ธุลีมังกรเงยหน้าตกใจ “ถ้าอย่างนั้นใครกันที่ สามารถสร้างความตระหนกให้มังกรพิษได้ หรือจะเป็นลูกพี่ แต่ไม่ใช่สิ ตอนนั้นพวกเราไม่รู้ตัวตนของเธอ”
“คุณยายของหมาปุาเดียวดาย” ฉังหนิงพูดเบา
ธุลีมังกรไม่ใช่ฉังหนิงและเหอเฉิน จึงไม่เข้าใจสถานะทาง ครอบครัวของฉินหร่าน ได้ยินถึงคุณยายของฉินหร่านจึงเบิก ตากว้าง “คุณยายของลูกพี่คือใคร”
ได้ยินดังนั้น ฉังหนิงจึงไม่สนใจธุลีมังกร
เพียงเดินไปหน้าคอมพิวเตอรแเพื่อรวบรวมข้อมูลพลางรอ เฉิงเจวี้ยนมา
ตอนที่เฉิงเจวี้ยนมาถึงก็เกือบจะสี่โมงเย็น
เขานําพามาซึ่งลมหนาว
“ผู้อํานวยการฉัง…” เฉิงเจวี้ยนปฏิบัติต่อพวกฉังหนิง อย่างสุภาพมาก
“เรียกฉันว่าพี่ฉังก็ได้” ฉังหนิงโบกมืออย่างเป็นกันเอง แล้วหยิบข้อมูลให้เขา “ครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องเขิน”
เฉิงเจวี้ยนรับข้อมูลมาดู สายตานิ่งไป “นี่คือ…”
“ข้อมูลคุณยายของเธอที่ฉันตรวจสอบเมื่อปีก่อน ตอน แรกคุณยายของเธอปุวยหนัก คุณก็น่าจะรู้ว่าเป็นเพราะยาถูก นําออกจากเมืองหลวงไปทั้งหมด” ฉังหนิงมองเฉิงเจวี้ยน
“ฉันรู้” เฉิงเจวี้ยนพยักหน้า เพียงแต่ตอนนั้นเขาไม่ได้คิด อะไรมาก
“มาจากอํานาจทั้งสอง” ฉังหนิงชี้ไปที่ข้อมูลข้างบน “วุ่นวายมาก มีคนอยู่รอบๆ นับไม่ถ้วน ช่วงนี้หลังจากธุลี มังกรกลับมากับเหอเฉิน คนของสมาพันธแใต้ดินปรากฏตัว พวกเราจึงตรวจสอบได้แน่ชัด แต่ยังมีบางจุดที่ครุมเครือมาก อยู่”
แม้แต่ 129 ยังต้องใช้เวลาปีกว่าจึงตรวจสอบได้ชัดเจน
เฉิงเจวี้ยนก้มหน้าดูข้อมูลคนด้านใน ในใจครุ่นคิด มากมาย “ศาสตราจารยแอันแห่งห้องปฏิบัติการทาง การแพทยแของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงล่ะ”
ศาสตราจารยแอันท่านนี้รู้จักศาสตราจารยแที่มีชื่อเสียง มากในสาขาวิชาแพทยศาสตรแของมหาวิทยาลัยเมืองหลวง
ไม่เคยสอนเฉิงเจวี้ยน แต่เพราะศาสตราจารยแอันท่านนี้มี แรงผลักดันและน้ําใจอยู่เสมอ เฉิงเจวี้ยนจึงเคยได้ยินชื่อของ เขา
“พวกเราสามารถตรวจสอบได้เพียงเท่านี้ อย่างอื่นต้อง ส่งต่อให้คุณแล้ว ยังมีอีกคนที่เมื่อกี้ฉันสอบสวนไปแล้วรอบ
หนึ่ง ฉันคิดว่ามีแค่คุณเท่านั้นที่สามารถถามอะไรได้อีก” ฉัง หนิงมองเฉิงเจวี้ยน
เฉิงเจวี้ยนเป็นคนแบบไหน เขารู้ตัวเองดี ใหญ่โตกว่า พี่ชายคนโตของทีมหลักกองปราบอาชญากรรม
เฉิงเจวี้ยนหยิบข้อมูลขึ้นมา “ใคร”
“มังกรพิษ” ฉังหนิงพูดอืดอาด
เฉิงเจวี้ยนเงยหน้าทันที
**
หกโมงเช้า เฉิงเจวี้ยนเพิ่งออกมาจาก129
ใกล้เข้าเดือนหน้าเมษายน อุณหภูมิในช่วงเช้าไม่สูงนัก อากาศยังคงหนาวเย็น
ที่ปากของเฉิงเจวี้ยนงับบุหรี่ไว้เพื่อให้สดชื่นขึ้น
เขาไม่ได้กลับไปที่สถาบันวิจัย เพียงหยิบโทรศัพทแขึ้นมา โทรศัพทแหาลู่จ้าวอิ่ง
ตอนนี้จิตใจของลู่จ้าวอิ่งล้วนอยู่ที่ตระกูลลู่ จึงไม่รู้ เรื่องราวทางนี้ของฉินหร่าน
“นายท่านเจวี้ยน?” รับสายเฉิงเจวี้ยน ลู่จ้าวอิ่งงงนิด หน่อย
เฉิงเจวี้ยนหยุดอยู่ข้างทาง ร่างกายสูงโปร่งเด่นชัด เขา พ่นควันออกถามด้วยเสียงเบา “มีเบอรแโทร.ของเว่ยจื่อหัง ไหม”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
ร้านกาแฟข้างมหาวิทยาลัย A
เว่ยจื่อหังถือหนังสือรีบปรี่เข้ามา เขานั่งตรงข้ามเฉิง เจวี้ยนด้วยกิริยาท่าทางสง่างาม “นายน้อยเฉิง เจ฿หร่านเกิด เรื่องแล้วเหรอ”
เฉิงเจวี้ยนผลักชานมแก้วหนึ่งไปทางเว่ยจื่อหังแล้วส่าย หน้าเล็กน้อย “ไม่ใช่ ขอฉันถามอะไรคุณหน่อย”
“ถามมาสิ” เว่ยจื่อหังเกรงใจเฉิงเจวี้ยนอยู่เสมอ
แม้ว่าข่าวลือที่เมืองหลวงของเฉิงเจวี้ยนจะกระจายไปทั่ว แล้วก็ตาม
“เกี่ยวกับเรื่องของเจ฿หร่าน” เฉิงเจวี้ยนถือช้อนคนกาแฟ แล้วพูดราวกับไม่ใส่ใจ
“เรื่องตอนเป็นเด็กถึงตอนนี้ คุณรู้อะไรบ้าง”
“เจ฿หร่านเหรอ” เว่ยจื่อหังมองเฉิงเจวี้ยน เมื่อเอ่ยถึง ฉินหร่าน เขาจึงเงียบไปสักพัก
เฉิงเจวี้ยนก็เงียบรอเช่นกัน
เว่ยจื่อหังคีบบุหรี่ออกมาจากกระเปาเสื้อมาจุดเชื่องช้า ผ่านไปสักพักเขามองเฉิงเจวี้ยน “หมายถึงเรื่องไหนเหรอ”
“เรื่องที่ค่อนข้างน่าแปลก คุณว่ามาได้เลย” เฉิงเจวี้ยน เอนพิงด้านหลัง มืออีกข้างดึงคอเสื้อ พูดเสียงเนือย
ดูท่าทีเหมือนฉินหร่านจะไม่เหมือนในวันธรรมดา
“ตอนเป็นเด็กเธอมักหายไปโดยไม่มีเหตุผล เธอบอกเอง ว่าโดดเรียน…แต่ฉันรู้ว่าเธอน่าจะไปหาใครบางคนที่ แพทยศาสตรแของมหาวิทยาลัยเมืองหลวง” เฉิงเจวี้ยนได้รับ
ความเชื่อใจโดยพื้นฐานจากเว่ยจื่อหังแล้ว เมื่อถามถึงเรื่อง ของฉินหร่าน เว่ยจื่อหังจึงไม่ได้ปิดบัง เอ่ยถึงอีกเรื่องที่คิด ยังไงก็นึกไม่ออก “แต่มีครั้งหนึ่งที่เธอกลับมากลางดึก ตัวเต็ม ไปด้วยเลือด…”
เว่ยจื่อหังพูดอย่างละเอียด
เขาเห็นอย่างชัดเจนว่าตอนที่เขาพูดว่าอีกฝุายเต็มไปด้วย เลือด เส้นเลือดปรากฏขึ้นที่มือของเฉิงเจวี้ยนที่ถือช้อนคัน เล็ก
“พ่อบุญธรรมของเธอล่ะ คุณรู้เรื่องพ่อบุญธรรมของเธอ ไหม” เฉิงเจวี้ยนถามต่อ
“คุณหมายถึงท่านผู้นั้นของอวิ๋นกวงกรุ฿ปเหรอ” เว่ยจื่อหังเอ่ยถึงอวิ๋นกวงกรุ฿ปแล้วขมวดคิ้วคิ้ว ช่วงนี้เรื่อง ของอวิ๋นกวงกรุ฿ปได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง เขาไม่ชอบ ใจในนายท่านหยาง “ไม่รู้ เธอกับคุณย่าเฉินไม่เคยบอก”
เฉิงเจวี้ยนพยักหน้า
ไม่แปลกที่บุคคลอย่างเฉินซูหลานจะรู้จักนายท่านหยาง แต่ถ้ารู้จักพ่อบุญธรรมก็แสดงว่าคนรอบข้างปิดบัง เฉิงเจวี้ยน จึงคิดว่าเกินที่คาดไว้
เขาหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาดื่มหนึ่งอึกแล้วมองเว่ยจื่อหัง ยับยั้งอารมณแที่ใบหน้าไว้ “ขอบคุณ”