เพราะรักสลักใจ - ตอนที่ 801 ความประทับใจแรกผิดผลาด
“ไป เรียกรัชทายาทมาหาเจิ้น!” หลังปลดปล่อยเพลิงโทสะกองใหญ่แล้ว ในที่สุดฝ่าบาทก็ประทับลงบนเก้าอี้มังกรด้วยหน้าตาถมึงทึง ตบโต๊ะรับสั่งเสียงดัง
เหล่าขันทีนางกำนัลตัวสั่นงันงก ถอยออกไปราวกับได้รับการอภัยโทษ มีคนรีบไปแจ้งสารให้กับรัชทายาทอย่างรวดเร็ว
รัชทายาททราบก่อนแล้วว่าเกิดเรื่องในตำหนักโซ่วอัน สีหน้าสายตาดูไม่ดีอย่างยิ่ง ความชิงชังต่อซูเซียงในใจยิ่งล้ำลึก คิดว่าสตรีคนนี้เป็นปีศาจจิ้งจอก คนเดิมทีดีๆกันอยู่ นางกลับมาแทรกกลางให้กลับตาลปัตร บัดนี้ช่างดีเสียนี่กระไร ไก่สุนัขอยู่ไม่สุข[1]แล้ว?!
ในใจด่าทอซูเซียงเป็นหญิงชั่วช้า เป็นปีศาจจิ้งจอก ทว่าบนพระพักตร์กลับมิได้แสดงออกใดๆ เดินเข้าห้องทรงพระอักษร คุกเข่าถวายบังคม “เสด็จพ่อ ท่านเรียกพบลูก?”
ฮ่องเต้สูดหายใจเข้าลึกๆสองเฮือก ยังอดมิได้ที่จะตบโต๊ะลงสองทีแล้วค่อยตรัสว่า “เจ้ากับเซิงเอ๋อร์สนิทสนมกันดี ยามปกติเขาคงเคยพูดเรื่องคนชั้นต่ำผู้นั้นกับเจ้า? เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”
“เสด็จย่าว่าอย่างไรบ้าง?” รัชทายาทไม่ได้รับคำทันที แต่กลับสอบถาม
พอพูดถึงตรงนี้องค์จักรพรรดิก็ยิ่งทรงกริ้ว ถ้วยชาในมือกระแทกพื้นดังเพล้ง “เจิ้นกำลังถามเจ้า พูดตามความจริงก็พอแล้ว!”
รัชทายาทไม่ได้มีความรู้สึกดีอะไรต่อซูเซียง เพราะตอนเขาส่งองครักษ์ลับออกไปคราแรกก็พบเห็นซูเซียงทำร้ายคนพอดี องครักษ์ลับคนนั้นไม่ทันรู้ความเป็นมาของเรื่องอย่างชัดเจนก็กลับมารายงานแล้ว รัชทายาทจึงมีความประทับใจแรกกับซูเซียงไม่ดีนัก จึงรู้สึกว่านางทำอะไรก็ผิดไปหมด
ต่อมาเรื่องทางชายแดนมีการเปลี่ยนแปลง ในจดหมายที่ส่งมากล่าวว่าเป็นซูเซียงเตือนเขาว่าในวังมีไส้ศึก และคนทรยศผู้นั้นยังเกือบถูกซูเซียงทำเป็นมนุษย์สุกร
ยังได้ยินซูย่วนบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสตรีคนนี้มาไม่น้อย ซูย่วนเป็นหญิงสาวแสนดีถึงเพียงนี้ ย่อมไม่พูดปด
รัชทายาทรู้สึกว่าซูเซียงสตรีคนนี้ความคิดจิตใจลึกล้ำ อีกทั้งวีธีการยังโหดเ**้ยม คนตัวเป็นๆทั้งคนนางบอกว่าจะฆ่าก็ฆ่าเลย คนอำมหิตจิตใจยากหยั่งถึงเช่นนี้ จะคู่ควรกับน้องชายของเขาได้อย่างไร!
“นิ่งอยู่ทำอะไร? เจิ้นถามให้เจ้าตอบ!” จักพรพรรดิเห็นรัชทายาทเอาแต่คุกเข่าไม่พูดจาอยู่ตรงนั้น ก็ตำหนิอย่างทนมิได้
“เสด็จย่าพระชนมายุมากแล้ว ง่ายต่อการถูกคนปลุกปั่น เสด็จพ่อต้องตรัสกับเสด็จย่าดีๆ ” รัชทายาทมิได้มีความรู้สึกดีอะไรต่อซูเซียง ทว่าไม่อาจลำเอียงเข้าข้างเสด็จพ่อของตนออกหน้าออกตาเกินไป นี่มิใช่จะทำให้ระหว่างเสด็จพ่อกับเสด็จย่าทะเลาะกันย่ำแย่หรอกหรือ ดังนั้นจึงทำได้เพียงพูดประนีประนอมเช่นนี้
สมคะเน องค์จักรพรรดิฟังบุตรชายตนพูดไปพูดมาแล้วก็ยังเข้าข้างตน เห็นด้วยกับตน ความโกรธในใจจึงสลายลงไปกว่าครึ่ง หลงเหลือความโกรธไว้สายหนึ่ง “หญิงอำมหิตป่าเถื่อนเช่นนั้น อย่าคิดหวังจะได้เข้าประตูสู่ราชวงศ์ของข้า ฮึ!”
สงบสติอารมณ์ได้แล้ว ฮ่องเต้จึงตรัสกับรัชทายาท “พอแล้ว เจ้าลุกขึ้นเถอะ ใช่แล้ว ถามเจ้าเรื่องหนึ่ง เจ้าสนใจหญิงงามที่เข้ามาใหม่คนนั้นหรือไม่ นางคือคุณหนูของจวนฮู่กั๋วกงคนนั้น” ฮ่องเต้นึกถึงเรื่องที่ฮุ่ยเฟยพูดเมื่อคืน จึงเอ่ยปากถาม
สีหน้าของรัชทายาทแดงเรื่อน้อยๆ ก้มหน้าต่ำ ท้ายที่สุดยังพยักหน้าเบาๆ “ซูย่วนเป็นสตรีดีงาม ที่จริงลูกชอบพอนางมากทีเดียว แต่ลูกไม่อยากเอาเปรียบนาง รอให้นางตอบตกลงแล้วค่อยสู่ขอนางเป็นไท่จื่อเฟย[2] ขอเสด็จพ่อทรงพระราชทานอภิเษกสมรส”
“ไท่จื่อเฟย?” จักรพรรดิครุ่นคิดครู่หนึ่ง สุดท้ายจึงพยักหน้าตรัสว่า “ฮู่กั๋วกงเป็นขุนนางเก่าแก่ของราชวงศ์ มารดาของซุย่วนก็เป็นต้าจ่างกงจู่ ฐานะเช่นนี้เป็นไท่จื่อเฟยก็ยังพอเป็นไปได้ ตกลง ตัวเจ้าจัดการเอง อย่างไรตอนนี้เจิ้นก็ลดขั้นนางเป็นหญิงงามเลี้ยงดูเป็นอย่างดีในวังหลวงแล้ว พวกเจ้าตกลงกันได้แล้วก็มาขอราชโองการได้ทุกเมื่อ”
พูดถึงเรื่องนี้ นี่ก็เป็นเชื้อเพลิงให้จักรพรรดิกับพระพันปีทะเลาะเบาะแว้งกัน
ขันทีอาวุโสจัดการส่งซูย่วนเข้าวังเป็นตาอิ้ง พระพันปีพอพระทัยต่อเรื่องนี้อย่างยิ่งยวด ทว่าฮ่องเต้กลับไม่พอพระทัย โดยเฉพาะหลังรู้ว่ารัชทายาทชอบพอซูย่วนแล้ว องค์จักรพรรดิก็มีราชโองการให้ยกเว้นฐานะตาอิ้งของซูย่วนทันที อยู่ในวังหลวงด้วยฐานะคุณหนูสูงศักดิ์ หญิงงามชนชั้นสูง ซ้ำยังพระราชทานเรือนเล็กส่วนตัวให้นาง นี่เป็นการปรนนิบัติ ที่อย่างน้อยต้องเป็นสนมยศผินถึงจะได้รับ
——
[1] ไก่สุนัขอยู่ไม่สุข (鸡犬不宁) หมายถึงสร้างความเดือดร้อนไปทั่วจนแม้กระทั่งไก่กับสุนัขก็ยังอยู่ไม่สงบสุข
[2] ไท่จื่อเฟย (太子妃) ตำแหน่งชายาเอกของรัชทายาท