เพราะรักสลักใจ - ตอนที่ 802 จะเป็นเจ้าบ่าวของจริง
พระพันปีทรงทราบเรื่องนี้ก็ไม่พอพระทัยอย่างยิ่ง รู้สึกว่าจักรพรรดิไม่รู้หนักเบามากเกินไป ทีแรกยังกริ้วอยู่บ้าง แต่พระพันปีคิดๆ ดู ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นสตรีเพียงอยู่ในห้องหับชั้นในคนหนึ่ง ฮ่องเต้คิดจะจัดวางอย่างไรก็จัดวางไป
ดังนั้นพระนางจริงวางเรื่องนี้ทิ้งไว้ คิดว่าใกล้ปีใหม่แล้ว ควรส่งของกำนัลไปให้ซูเซียงทางนั้นสักหน่อย แต่คิดไม่ถึง ของกำนัลไม่ทันได้ออกจากวังฮ่องเต้ก็มาถึงแล้ว
คืนวันส่งท้ายปีเก่า ทั้งครอบครัวนั่งรับประทานอาหารในโถงหลักอย่างชื่นมื่นสุขสันต์
วันนี้จ้าวเซิงไม่เหมือนอย่างเคยเป็นประจำ เปลี่ยนมาสวมชุดคลุมยาวสีแดงเพลิง กอปรกับรอยยิ้มชื่นมื่นสุขสันต์บนใบหน้า ยิ่งทำให้ดูเหมือนเจ้าบ่าวมาก
พูดแล้ว วันนี้จ้าวเซิงก็จะเป็นเจ้าบ่าวจริงๆ ซูเซียงตอบตกลงเขาแล้ว คืนนี้พวกเขาจะปฎิบัติการ นั่นทำให้จ้าวเซิงยินดีปรีดา ทั้งวันเดินไปไหนก็มีแต่ลมพัด
เถียนเฉิงรุ่ยกินพลางถามข้างหูจ้าวชิงเฟิงเงียบๆ “วันนี้เขาเป็นอะไรไป ดูคนทั้งคนกลิ่นอายความสุขเต็มตัว”
จ้าวชิงเฟิงเหลือบมองจ้าวเซิงหนึ่งสายตา ดวงตาหลุบต่ำ พูดเสียงเอื่อยเฉื่อย “ไม่รู้ แต่เห็นท่าทางแบบนั้นของเขาแล้วรำคาญลูกตา รีบกินๆ กินเสร็จเราก็กลับ”
คนสองจึงไม่พูดมากอีก กินของในชามอย่างทุกข์ระทม อาหารวันนี้จัดเตรียมสมบูรณ์พรั่งพร้อม ทว่าพอใส่เข้าปากพวกเขาทั้งสองกลับไร้รสชาติ พอดื่มสุราในจอกอีก ฮึ่ย มารดามันเถอะ สุราวันนี้ใช้น้ำส้มหมักหรือไร?!
กินอาหารมื้อเย็นเสร็จแล้ว ซูเซียงยังวางแผนอยู่ว่าจะเชิญพระพุทธรูปสององค์นี้ออกไปอย่างไรดี อย่างไรคืนนี้นางก็ต้องเข้าหอเป็นเจ้าสาว แต่ไหนเลยจะคิดถึง หลังสองคนนี้กินข้าวเสร็จแล้วก็วางชามตะเกียบจากไปอย่างรวดเร็ว ตอนออกประตูยังหันหน้ามาถลึงตาใส่จ้าวเซิงหลายหน
ซูเซียงค่อนข้างแปลกใจ “วันนี้เจ้าไปทำอะไรพวกเขารึเปล่า?”
บนหน้าจ้าวเซิงประดับรอยยิ้มอบอุ่นเปรมปรี “ข้าจะทำอะไรพวกเขาได้ บางทีพวกเขาอาจจะรู้ว่าในบ้านมีเรื่องมงคล เกรงใจจะอยู่นานก็ได้ ”
ซูเซียงมองท่าทางรีบร้อนอยู่ไม่สุขเช่นนั้นของจ้าวเซิงก็อดไม่ได้ที่ตบเขาหนึ่งฝ่ามือ “คิดอะไรอยู่น่ะ คืนนี้ต้องโส่วซุ่ย[1]ก่อน”
จ้าวเซิงลูบๆ หัว กะพริบตาปริบๆ สองครั้ง หันร่างเดินเข้าไปไม่รู้ว่าพูดอะไรกับสามีภรรยาสกุลหวัง ตอนออกมาอีกรอบบนหน้าก็ยิ้มสว่างไสวอย่างหาใดเปรียบ ฟันขาวสะอาดบนล่างสองแถวล้วนเปล่งแสงเป็นประกายวิบวับภายใต้แสงจันทร์
“ภรรยา ท่านพ่อกับท่านแม่บอกว่าคืนนี้ให้เราเข้านอนเร็วได้ไม่ต้องโส่วซุ่ย”
ซูเซียงชำเลืองมองเข้าไปในห้องโถงอย่างสงสัย “ท่านพ่อท่านแม่พูดเช่นนี้จริงหรือ?”
รอยยิ้มบนหน้าจ้าวเซิงไม่จางลง ช้อนร่างอุ้มซูเซียง พุ่งเข้าห้องนอนชั้นสองของพวกเขา
ซูเซียงถูกเขาอุ้มกะทันหันก็ตกใจร้องว๊ายหนึ่งเสียง ต่อมารีบปิดปาก รู้เรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปบนหน้าก็แดงแปร๊ด
ในห้อง
“นี่! เจ้าอย่ารีบร้อนลุกลนได้ไหมเล่า ถอดเสื้อผ้าช้าๆ กระชากขาดแล้วมันเย็บซ่อมยาก…เจ้าเบาหน่อย…” ซูเซียงดุเสียงค่อยใส่คนบนร่างที่บ้าความรุนแรงฉีกกระชากเสื้อผ้า
“ไม่เป็นไรๆ ข้าสามีมีเงิน พรุ่งนี้จะซื้อเสื้อผ้าให้เจ้าเอง ซื้อให้เยอะๆ เลย” จ้าวเซิงพูดพลางเล่นลวดลายกับซูเซียง
ซูเซียงรักชุดนี้ แต่ต่อมาก็สะบัดหน้า ช่างเถอะๆ มาถึงตรงนี้แล้ว ใครยังจะมาสนใจเสื้อผ้าชุดหนึ่งเล่า?!
ม่านภูษาด้ายแดง ห้วงวสันต์ราตรี ย่อมสุขีเปรมปรีดิ์หาใดเปรียบ
ผู้เฒ่าหวังนำทุกคนโต้รุ่งข้ามปี บนใบหน้าแขวนประดับรอยยิ้มสดใส ยังสั่งการเป็นพิเศษให้ชุ่ยหลิ่วไปพับซองแดงใหญ่ๆ มาหลายซอง ไม่ว่าจะเป็นบ่าวรับใช้ในบ้านก่อนหน้าหรือเป็นผู้ที่พระพันปีพระราชทานมาก็ล้วนได้รับของขวัญกันถ้วนหน้า
คนอื่นๆ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจู่ๆ สองสามีภรรยาสกุลหวังจึงดีถึงเพียงนี้ แต่ชุ่ยหลิ่วกลับทราบดี นับตั้งแต่ฮูหยินบ้านนางแต่งกับองค์ชายก็ยังไม่เคยร่วมเรียงเคียงหอ เวลาหนึ่งปีกว่ามานี้สามีภรรยาสกุลหวังยังค่อนข้างกังวลกลุ้มใจ แม้ลูกเขยกับลูกสาวแต่งงานกันแล้ว สุดท้ายก็ยังไม่เห็นร่วมหอ กลัวว่าลูกเขยยังถือเรื่องอดีตของลูกสาวอยู่กระมัง
บัดนี้ดีแล้ว เห็นท่าทางรีบร้อนอยู่ไม่สุขเช่นนั้นของลูกเขย คาดว่าเมฆลมทั้งหมดคงเคลื่อนผ่านไป ต่อไปนี้คงใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแล้ว
——
[1] โส่วซุ่ย (守岁) คือประเพณีโต้รุ่งคืนวันสิ้นปี ไม่นอนข้ามปี เพื่อต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง เชื่อกันว่าการทำเช่นนี้จะทำให้พ่อแม่มีอายุยืนยาว