เพราะรักสลักใจ - ตอนที่ 803 ใครบางคนหลงเสน่ห์ความงาม
ศักราชใหม่ บรรยากาศใหม่ ไม่แน่ว่าเวลานี้ในปีหน้า ในมือพวกเขาอาจได้อุ้มหลานตัวตุ้ยนุ้ยสักคนแล้ว จะไม่มีความสุขได้อย่างไร!
เช้าวันแรกของปีใหม่ซูเซียงลุกจากเตียงไม่ไหว คลุมผ้าห่มแกล้งตายอยู่บนเตียง
นางเองก็อยากลุกขึ้นมา แต่ทั้งร่างกายปวดเมื่อยไร้เรี่ยวแรง ยืนขึ้นมาขาก็สั่นทันที อย่างไรออกไปก็ไม่มีหน้าไปพบคน เป็นนกกระจอกเทศไปเลยแล้วกัน หลบได้สักหนึ่งวินาทีก็ถือว่าได้หลบ
“ภรรยา ข้าสามีไปคารวะยกน้ำชาให้ท่านพ่อท่านแม่ก่อน เจ้านอนต่อสักพัก เดี๋ยวข้าจะยกข้าวกลับมาให้เจ้า” จ้าวเซิงกลับไม่ได้มีทีท่าเหนื่อยล้าแม้แต่น้อย ดูเหมือนยิ่งกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวา ชุดคลุมยาวสีฟ้าครามตัวนั้นสวมลงบนร่างเขาดูราวกับไผ่งามร้อยปี ดึงดูดสายตาคนเป็นพิเศษ
ซูเซียงตอบเสียง “อื้อ” เบาๆ เหมือนลูกแมวน้อย หลังจ้าวเซิงไปแล้วนางกลับดึงผ้าห่มลงมา ฮึดฮัดไปทางประตูสองเสียง “ผู้ชายน่าตาย รู้จักจะใช้ความงามมายั่วยวนข้า!”
วันห้าค่ำเดือนหนึ่ง เหลาสุราสองร้านใหญ่ในเมืองหลวงส่งข่าวมาสอบถามว่าเวลาอันใกล้นี้สามารถเข้าเมืองหลวงเข้าเฝ้าพระพันปีและเต๋อฮุ่ยกงจู่ได้หรือไม่
หากซูเซียงต้องการกลับเมืองหลวงเช่นนั้นพวกเขาก็สะดวกรอ หากช่วงนี้ซูเซียงไม่แผนกลับเมืองหลวง เช่นนั้นพวกเขาจะส่งคนมาหารือเรื่องธุระสัญญา
ซูเซียงส่งจดหมายไปให้เหลาสุราในเมืองหลวงและจวนเต๋อฮุ่ยกงจู่แยกกัน บอกว่าวันที่สิบจะออกเดินทางไปเมืองหลวง
“ท่านพี่ สองวันนี้ทำไมเจ้าดูนิ่งๆ เหม่อๆ ?” ซูเซียงโคลงเคลงบุรุษที่นั่งเหม่ออยู่ข้างๆ พูดอย่างไม่พอใจ
เคยได้ยินมาว่า ถ้าผู้ชายหลอกผู้หญิงขึ้นเตียงได้แล้วก็จะไม่เห็นคุณค่า คิดว่าจ้าวเซิงคงไม่เป็นแบบนี้หรอกนะ?
จ้าวเซิงหันหน้ามา บนหน้าประดับรอยยิ้มอ่อนโยน ลูบดวงหน้าเล็กของนาง พูดเอ็ด “ดูสิหน้าเจ้าเย็นหมดแล้ว รีบเข้าไปนอนในผ้าห่ม”
ซูเซียงเห็นยิ้มอบอุ่นเอ็นดูบนหน้าเขาเจือความเศร้าเล็กน้อย ก็รู้ว่าตัวเองคิดมากเกินไป จึงถามขึ้นว่า “เจ้าคงกังวลใจเรื่องหลังเข้าเมืองหลวง?”
จ้าวเซิงทอดถอนใจ รู้ว่าในที่สุดก็ไม่อาจซ่อนภรรยาผู้ฉลาดของตนพ้น จำต้องรับ “อืม” หนึ่งเสียง
“มีบางอย่างยังไม่ได้บอกเจ้า เรื่องแต่งงานของเรา เสด็จพ่อกับเสด็จพี่รัชทายาทไม่ใคร่เห็นด้วยนัก ดังนั้นเข้าเมืองหลวงครานี้เกรงว่ายุ่งยากอยู่บ้าง”
ซูเซียงพอจะเดาสถานการณ์แบบนี้ได้ตั้งแต่แรกจึงไม่ได้แปลกใจมากนัก ตอบ “อืม” หนึ่งเสียง “ไม่เป็นไร เราแค่เข้าวัง เข้าเฝ้าถวายบังคมเสด็จย่าก็ได้ ไม่รั้งอยู่นาน”
จ้าวเซิงฝืนยิ้มเฝื่อน หลังซูเซียงหลับแล้วเขาจึงส่งหลงฉีกลับเมืองหลวงไปเตรียมการ เข้าเมืองหลวงครานี้สำคัญไม่ใช่เล่น หากเตรียมตัวไม่ดี กลัวว่าความเป็นไปได้ที่จะไปแล้วไม่หวนกลับก็ใช่ว่าจะไม่มี
เบื้องหน้าที่สว่างเสด็จพ่อไม่อาจกระทำอันใดได้ อย่างไรก็ต้องเกรงเต๋อฮุ่ยกงจู่ทางนั้น แต่ไม่อาจหลีกเลี่ยงคนบางพวกที่เอาใจเข้าข้างเสด็จพ่อและเสด็จพี่รัชทายาท แอบออกกลอุบายทำอะไรลับหลัง
ถึงเวลาเป็นไปได้มากว่าเสด็จพ่ออาจบอกว่าเขาไม่รู้เรื่องอะไร แล้วสังหารคนออกอุบายพวกนั้นทิ้งทั้งหมด แต่ตอนนั้นซูเซียงก็ไม่อยู่แล้ว มาวัวหายล้อมคอกทีหลังแล้วจะมีความหมายอะไร?
ขณะที่จ้าวเซิงกำลังคิดเช่นนี้อยู่นั้น ในวังหลวงจู่ๆ ก็มีราชโองการลงมา ซึ่งเป็นพระราชเสาวนีย์ของพระพันปี ตรัสว่าเต๋อฮุ่ยกงจู่อยากประพาสจิงโจว อาจประทับค้างแรมที่จวนจวิ้นจู่ของซูเซียงสักสองสามวัน จากนั้นยังตรัสว่าเส้นทางยาวไกล ในบ้านมีผู้อาวุโสและเด็กต้องดูแล จึงประทานอนุญาตให้ซูเซียงไม่ต้องรีบเข้าเมืองหลวงตอบแทนพระคุณ
ได้รับพระราชเสาวนีย์ของพระพันปี จ้าวเซิงก็ผ่อนลมหายใจยาวเหยียด บนหน้าแขวนรอยยิ้มจริงใจ “ภรรยา เราไม่ต้องเข้าเมืองหลวงแล้ว ดีจริงๆ”
ซูเซียงดุเขาทางสายตาอย่างไม่สบอารมณ์ “นั่นเป็นบ้านของเจ้าเอง ไยพูดเหมือนกับเป็นถ้ำเสือรังมังกร?”
จ้าวเซิงกลั้นลมหายใจอยู่ในใจ ก็มิใช่ถ้ำเสือรังมังกรหรอกหรือ? ซูเซียงเข้าเมืองหลวงตอนนี้ หากเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา แล้วเขาจะทำเช่นไร?
ขณะเดียวกันกับที่มีพระราชเสาวนีย์ลงมา พระพันปียังส่งสารลับฉบับหนึ่งมาให้จ้าวเซิง บอกว่าความลับทางการทหารในพัดอาจรั่วไหล องครักษ์ลับทางพระนางแอบสืบทราบว่าอยู่ภายใต้ชื่อของต้าจ่างกงจู่และฮู่กั๋วกง แต่น่าเสียดายยังไม่มีหลักฐานครบถ้วนพอ ให้ทางจ้าวเซิงร่วมช่วยสืบสวนด้วย และในยามปกติต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น