เพราะรักสลักใจ - ตอนที่ 805 ข่มกลั้นความทุกข์ขมน้อยใจไว้นานปี
“เพคะ ท่านแม่ ท่านแม่เดินทางมาเหน็ดเหนื่อย เชิญเข้าด้านเถิด” ก่อนองค์หญิงเต๋อฮุ่ยมาถึงในใจซูเซียงกังวลไม่เป็นสุขอยู่ตลอดเวลา ด้วยกลัวว่าถ้าเห็นมารดาบุญธรรมท่านนี้เหมือนองค์หญิงหรงโซ่วที่เขียนบรรยายไว้ในหนังสือผู้นั้น นางคงร้องไห้ไปต่อไม่ถูก
บัดนี้พบเจอสตรีโอบอ้อมอารีเช่นนี้ หินก้อนใหญ่ในใจนางในที่สุดก็ร่วงลงพื้นได้
ขณะที่ทางนี้กำลังคิดอยู่นั้น องค์หญิงเต๋อฮุ่ยเห็นสามีภรรยาสกุลหวังที่ยืนอยู่ด้านข้าง ก็แย้มยิ้มเข้าไปทักทาย “พี่ใหญ่หวัง พี่สะใภ้หวัง”
ก่อนสามีภรรยาสกุลหวังจะรู้ว่าจ้าวเซิงเป็นองค์ชาย รู้จักขุนนางใหญ่ที่สุดแค่หลีจ่าง[1]ประจำท้องที่ บัดนี้องค์หญิงผู้สูงศักดิ์กล่าวทักทายพวกเขา ทั้งร่างกายก็สั่นๆ อยู่บ้าง ตื่นเต้นจนไม่รู้ว่าควรรับคำอย่างไรดี
สุดท้ายเป็นผู้เฒ่าหวังผลักหวังต้าเหนียงเล็กน้อย หวังต้าเหนียงจึงค่อยเปิดปากพูดตะกุกตะกัก “หม่อมฉัน หม่อมฉันหญิงชาวบ้านคารวะพระองค์หญิง”
องค์หญิงเต๋อฮุ่ยประคองหวังต้าเหนียง “พี่สะใภ้หวังมิต้องเกรงใจ หลายปีนี้ดีที่ได้พวกท่านดูแลเซียงเอ๋อร์ บัดนี้เรามีลูกสาวคนเดียวกันนับเป็นคนสนิทชิดเชื้อ ต่อไปมิต้องมากพิธีพวกนั้น”
“เพคะๆ เช่นนั้นเชิญองค์หญิงด้านใน เชิญด้านใน” แม้องค์หญิงเต๋อฮุ่ยจะกล่าวเช่นนี้ แต่สามีภรรยากสกุลหวังผู้ซื่อสัตย์ขี้กลัวยังคงรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ
เข้าจวนพักเรียบร้อยดีแล้วชิงสือก็อุ้มกระพรวนน้อยเข้ามา
ตอนนี้กระพรวนน้อยอายุเจ็ดขวบกว่าแล้ว ขาวผ่องเป็นยองใย ดวงตาโตทั้งคู่ใสแป๋วดำขลับ ดูน่ารักน่าเอ็นดูอย่างยิ่ง
วินาทีที่องค์หญิงเต๋อฮุ่ยเห็นกระพรวนน้อยนั้นมือไม้ก็ไม่รู้ว่าควรจับตรงไหนดี ในพระเนตรพลันเต็มปริ่มด้วยน้ำตา
ครานั้นตอนลูกสาวเข้าลอบสังหารในค่ายศัตรูอายุก็รุ่นราวคราวนี้ พอเห็นกระพรวนน้อย องค์หญิงเต๋อฮุ่ยก็คิดถึงลูกสาวผู้จากไปเร็วคนนั้น เขื่อนน้ำตากั้นไม่ไหวไหลพรั่งพรู
สามีภรรยาสกุลหวังและคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างๆ กังวลใจอยู่ไม่สุข ไม่รู้ว่าองค์หญิงที่ยังดีๆ อยู่เมื่อครู่ เหตุไฉนพอเห็นเด็กน้อยจึงร้องไห้ขึ้นมา?
หวังต้าเหนียงถึงขั้นคิดว่า หรือองค์หญิงเต๋อฮุ่ยไม่ชอบกระพรวนน้อย กำลังคิดจะบอกให้ซูเซียงรีบอุ้มกระพรวนน้อยออกไป อย่ากระตุ้นให้องค์หญิงไม่พอพระทัย
ทว่าในตอนนี้เอง องค์หญิงเต๋อฮุ่ยรับกระพรวนเข้ามาอุ้มในอ้อมแขนแล้วหอมแก้มนาง เอ่ยเสียงสะอื้น “นี่คือหลานสาวคนโตของข้าสินะ หน้าตาน่ารักจริงเชียว ”
ก่อนหน้าซูเซียงเคยพูดคุยเรื่องเหล่านี้กับกระพรวนน้อยแล้ว นางเองก็เป็นเด็กรู้ความอย่างยิ่ง รวมถึงอยู่กับชิงสือเป็นการส่วนตัวก็ไม่รู้ว่าเขาอบรมนางมากน้อยเพียงใดแล้ว
เวลานี้กระพรวนกลับมิได้กลัวคนแปลกหน้าแม้แต่น้อย แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าผ้าไหมสะอาดในมือของตนซับน้ำตาให้องค์หญิงเต๋อฮุ่ยเบาๆ”ท่านยายไม่ร้อง กระพรวนน้อยกับพี่ชายแล้วก็ท่านแม่จะอยู่กับท่านย่าตลอดไป”
องค์หญิงเต๋อฮุ่ยไหนเลยจะคาดคิดว่ากระพรวนน้อยจะพูดคำเช่นนี้ออกมา กำแพงชั้นสุดท้ายในใจถล่มลงในที่สุด กอดกระพรวนในอ้อมอกร่ำไห้สะอื้นไม่เป็นภาษา
สามีภรรยาสกุลหวังและคนอื่นๆ กังวลใจเหลือประมาณ ส่งสายตาให้ซูเซียงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซูเซียงกลับยิ้มๆ ส่ายหน้าให้พวกเขา “ท่านพ่อท่านแม่ พวกท่านไปพักผ่อนก่อนเถิด มารดาเดินทางมาไกลเกรงว่าคงเหนื่อยแล้ว ใช่แล้ว ส่งคนไปสำนักศึกษารับก้อนแป้งน้อยกลับมาด้วย”
“นี่…” หวังต้าเหนียงเห็นองค์หญิงเต๋อฮุ่ยร้องไห้จนมีสภาพเช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี สุดท้ายจึงถูกผู้เฒ่าหวังลากออกไป
กระพรวนน้อยถูกองค์หญิงเต๋อฮุ่ยกอดร่ำไห้อยู่สักพักใหญ่ แต่บนหน้านางกลับไม่ได้มีความรำคาญแม้แต่น้อย ถือผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยเช็ดบนหน้าองค์หญิงเต๋อฮุ่ยเบาๆ ต่อเนื่อง คอยพูดปลอบด้วยคำน่าฟัง
ในตอนที่องค์หญิงเต๋อฮุ่ยร้องไห้อย่างรุนแรง นางยังยื่นปากเล็กจุ๊บลงบนพระพักตร์ของพระนาง “ท่านยายไม่ร้องนะ พี่ชิงสือบอกว่าท่านยายเสียลูกสาวไปก่อนวัย ตอนนี้ท่านแม่ข้าเป็นลูกสาวให้ท่าน ท่านแม่จะกตัญญูต่อท่าน กระพรวนน้อยกับพี่ชายก็จะเป็นเด็กดีเชื่อฟัง จะกตัญญูต่อท่านเช่นกัน”
หลังองค์หญิงเต๋อฮุ่ยสูญเสียพระสวามีและลูกสาวตัวน้อย นับตั้งแต่นั้นมาก็ไม่กล้าหลั่งน้ำตาแม้แต่หยดเดียว เพราะพระสวามีและธิดาของนางเป็นผู้มีความดีความชอบต่อบ้านเมือง ได้รับการแต่งตั้งสูงสุด ได้รับพระราชทานของกำนัลมากที่สุด นางจะร้องไห้ไม่ได้ หากนางร้อง นั้นก็หมายถึงนางไม่ยินยอม
——
[1] หลีจ่าง (里长) คือหัวหน้าประจำหน่วยปกครองท้องถิ่นหลี่ โดยในสมัยราชวงศ์หมิงกำหนดให้หนึ่งหลี่ (里) มี 110 ครัวเรือน