เพราะรักสลักใจ - ตอนที่ 806 เจ้ากับจวิ้นหม่าต้องเร่งมือหน่อยแล้ว
ความรู้สึกขมขื่นเช่นนี้ฝังซ่อนไว้ในใจนานหลายปี มีเพียงยามตื่นจากห้วงฝันกลางดึกที่สามารถแอบหลั่งน้ำตาสองหยดภายใต้ผ้าห่มคลุม ทว่าก็รีบเช็ดออกอย่างรวดเร็ว ด้วยกลัวว่าคนรับใช้ข้างกายจะสังเกตเห็นเข้า
บัดนี้นางเข้ามาในจวนของซูเซียงแล้ว ไม่ต้องระแวดระวังอีกต่อไปแล้ว กอดเด็กน้อยร่ำไห้มืดฟ้ามัวดิน
ตอนเงยหน้าขึ้นอีกครั้งหลังจากร้องไห้ ทันใดนั้นพลันค้นพบว่าโลกใบนี้ยังคงสวยงามถึงเพียงนั้น ตอนนี้นางมีลูกสาว ทั้งยังมีหลานสาวและหลานชาย แต่ละคนล้วนเป็นเด็กดี น่ารักเชื่อฟัง
ขณะที่องค์หญิงเต๋อฮุ่ยระงับเสียงร้องสะอื้นได้ ก้อนแป้งน้อยก็ถูกรับกลับมาแล้ว คนตัวเล็กยืนอยู่ข้างซูเซียงค่อนข้างทำตัวไม่ถูก เอ่ยถามเสียงต่ำ “ท่านแม่ เหตุใดท่านยายกอดน้องสาวแล้วร้องไห้?”
ซูเซียงไม่มีความตั้งใจจะปิดบัง เด็กอายุเจ็ดแปดขวบควรจะรับรู้เรื่องต่างๆ บ้างแล้ว ดังนั้นจึงยอบกายลงกระซิบข้างหูก้อนแป้งน้อยสองสามประโยค
ก้อนแป้งน้อยพยักหน้า แสดงออกว่าเข้าใจแล้ว มองตาจ้าวเซิงแล้วเรียกเบาๆ”ท่านพ่อ”
จ้าวเซิงเองก็พยักหน้าให้เขา ก้อนแป้งน้อยจึงค่อยย่างเท้าเล็กสั้นของเขาไปทางองค์หญิงเต๋อฮุ่ย
“หลานคารวะท่านยาย”
ก้อนแป้งน้อยคุกเข่าบนพื้นโขกศีรษะคำนับอย่างเคารพนบนอบ ดูแล้วฉลาดรู้ประสามาก
เสียงร่ำไห้ขององค์หญิงเต๋อฮุ่ยแหบแห้งแล้ว แต่ครั้นเห็นก้อนแป้งน้อยเข้าใจความรู้มารยาทเช่นนี้ในใจก็มีความสุขเหลือคณา นี่เป็นหลานชายของนาง เป็นเด็กดีขนาดนี้
รีบยื่นมือข้างหนึ่งออกไปดึงก้อนแป้งน้อยให้ลุกขึ้นจากพื้น พร้อมโอบเข้ามาในอ้อมแขน สายตามองไปทางซูเซียงกับจ้าวเซิงที่ยืนคล้องแขนกันตรงด้านข้าง ในที่สุดก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ
แต่ตระกูลทางพระสวามีนางนั้นอย่างไรก็เป็นแม่ทัพทางชายแดน กุมอำนาจสำคัญ ดังนั้นองค์หญิงเต๋อฮุ่ยจึงไม่อาจจากเมืองหลวงได้เป็นเวลานาน พำนักในจวนซูเซียงเป็นการชั่วคราวเพียงห้าหกวันก็เตรียมตัวกลับไปอย่างอาลัยอาวรณ์
ซูเซียงเองก็ตัดใจจากมารดาบุญธรรมผู้ใจดีอ้วนกลมท่านนี้ไม่ได้เช่นกัน คนเดินออกนอกประตูหลักแล้วนางยังรั้งไว้พูดคุยอีกหลายคำ ให้คนห่อข้าวของมอบให้องค์หญิงเต๋อฮุ่ยจำนวนมาก
สิ่งของเหล่านี้มิใช่ของล้ำค่าอะไร ทว่าทั้งหมดล้วนเป็นของที่ซูเซียงทำและเลือกสรรด้วยตัวเอง เหมือนจะเป็นถุงเครื่องปรุงปลาหม้อไฟ แล้วก็ยังมีเห็ดป่าตากแห้ง ซูเซียงล้วนบรรทุกใส่รถม้าให้องค์หญิงเต๋อฮุ่ยอยู่นานครึ่งปี จากนั้นก็เป็นขนมสมุนไพรหลากชนิด และสูตรอาหารที่องค์หญิงเต๋อฮุ่ยทรงโปรดอีกสิบกว่าชนิดก็ล้วนเขียนอย่างละเอียดมอบให้นางไปพร้อมกัน
“ท่านแม่เดินทางกลับโปรดระมัดระวัง ดูแลตัวเองดีๆ รอมีเวลาว่างแล้วข้าจะเข้าเมืองหลวงไปเยี่ยมท่าน” ซูเซียงรั้งมือขององค์หญิงเต๋อฮุ่ยอย่างอาวรณ์
องค์หญิงเต๋อฮุ่ยกลับยิ้มสลด เข้าเมืองหลวงน่ะหรือ ดูจากพระประสงค์ของจักรพรรดิตอนนี้ พูดง่ายแต่ทำยาก
แต่นางใจไม่แข็งพอจะทำให้ซูเซียงเสียใจ ฝืนยิ้มกล่าว “ดี เช่นนั้นแม่จะรอเจ้าอยู่ที่เมืองหลวง เจ้ารีบมาเร็วๆ ล่ะ”
ตอนองค์หญิงขึ้นประทับบนรถม้ายังกระซิบข้างหูซูเซียงหนึ่งประโยค “เจ้ากับจวิ้นหม่า[1]ก็เร่งมือเข้าหน่อย แม่ยังรออุ้มหลานอยู่”
ซูเซียงได้ยินแล้วหน้าแดงขึ้นทันใด กระมิดกระเมี้ยน สุดท้ายก็พยักหน้ารับคำ “เจ้าค่ะ ท่านแม่”
องค์หญิงเต๋อฮุ่ยถึงค่อยกลับไปด้วยความปลื้มปริ่ม นางยังเลิกม่านทอดพระเนตรไปทางด้านหลังครั้งแล้วครั้งเล่า เห็นซูเซียงยังยืนมองนางอยู่ตรงนั้น พระทัยปวดแปลบ น้ำตาไหลหยดลงมาอีกครา
เหตุเพราะซูเซียงไม่เข้าเมืองหลวง เหลาสุราในเมืองหลวงจึงส่งผู้จัดการสองคนเข้ามาหารือเรื่องความร่วมมือทางการค้ากับซูเซียง ซูเซียงจึงให้พวกเขาส่งพ่อครัวใหญ่มาโดยตรง นางสอนเองกับมือ จากนั้นค่อยให้กลับไป
ตัวสัญญาเองก็ตกลงกันค่อนข้างราบรื่น ซูเซียงออกวิชา ทางเหลาสุราในเมืองหลวงออกแรงงานกับวัตุดิบ กำไรที่ได้ทั้งหมดแบ่งกันห้าต่อห้า สำหรับเรื่องที่ซูเซียงทางนี้ขายอาหารแบบเดียวกันพวกเขาก็ไม่ติดใจ อย่างไรก็มิได้มีผลกระทบต่อพวกเขา
ช่วงเวลากว่าครึ่งปีก็ผ่านพ้นไปเช่นนี้ โรงเตี๊ยมของซูเซียงทางนี้ก็เปิดอีกหลายร้าน กิจการรุ่งเรืองเป็นพลุแตก ทางด้านเมืองหลวงก็เช่นเดียวกัน มีสาขาแยกย่อยไปถึงมณฑลข้างเคียง
ช่วงเวลานี้ รัชทายาทเขียนจดหมายให้จ้าวเซิงกลับเมืองหลวงอยู่บ่อยครั้ง บอกทำนองว่าเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูหลังภัยพิบัติและด่านชายแดน ทุกครั้งจ้าวเซิงล้วนตอบจดหมายรายงานกลับไปอย่างชัดเจน แต่ให้องครักษ์ลับกลับไป มิได้กลับเมืองหลวงด้วยตนเอง สิ่งนี้ทำให้จักพรรดิและรัชทายาทไม่พอพระทัยอย่างมาก
——
[1] จวิ้นหม่า (郡马) เป็นคำเรียกสามีของธิดาในชินอ๋องที่มียศจวิ้นจู่