เพราะรักสลักใจ - ตอนที่ 807 ความกังวลของสองสามีภรรยา
หลังก้อนแป้งน้อยเข้าเรียนแล้วก็ได้รับการดูแลจากอาจารย์เป็นพิเศษ แต่มิใช่เพราะซูเซียงเปิดประตูทางลัดให้ก้อนแป้งน้อย แต่เพราะก้อนแป้งน้อยร่ำเรียนกับชิงหลานมาไม่น้อย เดิมทีเขาเข้าเรียนหลักสูตรระดับต้นของเด็กอายุต่ำกว่าแปดขวบ สุดท้ายอาจารย์ชั้นเรียนระดับต้นบอกตามตรงว่าความรู้ของตนเทียบกับก้อนแป้งน้อยไม่ได้
เดิมทีต้องการย้ายเขาเข้าในชั้นเรียนระดับสูง ทว่าคนที่อยู่ในชั้นเรียนระดับสูงอย่างต่ำสุดต้องมีชื่อตำแหน่งเป็นถงเซิง[1] ทว่าก้อนแป้งน้อยกลับไม่มีแม้แต่น้อย ดังนั้นจึงเข้าได้เพียงชั้นเรียนระดับกลาง
ท่านอาจารย์สนับสนุนการศึกษาของเขาอย่างยิ่ง เสนอแนะเรื่องที่ชวนตกตะลึงไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ให้เขาที่ยังอายุไม่ถึงแปดขวบดีเข้าร่วมการสอบถงเซิงครั้งนี้
ก้อนแป้งน้อยเองก็ใจสู้ยิ่งนัก สนามแรกก็สอบผ่านแล้ว บ่าวไพร่ในบ้านดีอกดีใจเหลือประมาณ ชมเชยยกย่องก้อนแป้งน้อยสารพัด
จ้าวเซิงแอบกังวลใจอยู่รางๆ ปรึกษากับซูเซียงในตอนค่ำ “หรือควรตักเตือนพวกบ่าวในบ้าน ให้พูดชมน้อยลงหน่อย คำชมเหล่านี้ฟังมากเข้าจะได้ใจ นี่จะทำให้จิตใจผิดเพี้ยน ต่อให้มีความรู้ก็ไร้ประโยชน์”
ซูเซียงเองก็เห็นด้วยอย่างลึกซึ้ง พยักหน้า “พรุ่งนี้ข้าจะลองถามลูกดูก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะ”
เป็นห้วงวสันตราตรีอีกค่ำคืนหนึ่ง เดิมทีซูเซียงอยากพูดคุยเรื่องนี้กับก้อนแป้งน้อยก่อนเขาไปสำนักศึกษา แต่คิดไม่ถึงว่าตื่นขึ้นมาฟ้าก็สว่างแล้ว ก้อนแป้งน้อยไปสำนักศึกษาตั้งแต่เช้าแล้ว ดูเหมือนว่านางซึ่งเป็นมารดาคนนี้ยังขยันสู้ลูกไม่ได้ นอนเกียจคร้านบนเตียงทุกวัน แต่นางเองก็ต้องลุกขึ้นมาให้ได้!
จ้องมองบุรุษที่อยู่ข้างๆ แอบตัดสินใจแล้วว่าต่อไปนี้จะไม่ยอมถูกความงามล่อลวงอีก
จนถึงตอนเย็นหลังคนทั้งบ้านกลับมารับประทานมื้อค่ำแล้ว ก้อนแป้งน้อยไม่รู้ว่าซูเซียงต้องการคุยกับเขา วางชามตะเกียบเช่นปกติ ล้างมือล้างหน้าเสร็จแล้วก็มุ่งไปทางห้องหนังสือ การบ้านที่ท่านอาจารย์มอบหมายยังมีอีกมากเชียวล่ะ อีกไม่นานเขาต้องไปสอบระดับจังหวัด อักษรของเขายังเขียนได้ไม่ดีพอดังนั้นต้องตั้งใจฝึกฝนให้ดี เสียเวลาไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว
ซูเซียงเห็นก้อนแป้งน้อยตกอยู่กลางวงบ่าวรับใช้เหมือนดาวล้อมเดือน กลับเข้าห้องหนังสือด้วยสีหน้าเรียบเฉย ปิดประตูแล้วคนด้านในก็จุดไฟฝึกเขียนท่องหนังสืออย่างตั้งอกตั้งใจ
มุมปากซูเซียงยกเส้นยิ้มเบาบาง พูดกับจ้าวเซิงที่แอบมองอยู่ด้วยกันข้างๆ”ไปเถอะ กลับห้องได้แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง เด็กคนนี้รู้จักหนักเบา”
จ้าวเซิงเองก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนหน้านี้เพียงแค่คิดว่าก้อนแป้งน้อยเป็นลูกคนแรกของเขาก็สมควรเป็นซื่อจื่อแห่งจวนอ๋อง ต่อมาทางด้านองค์หญิงเต๋อฮุ่ยต้องการเด็กคนหนึ่ง จากนั้นบิดามารดาซูเซียงทางนี้ก็ต้องการเด็กอีกคนหนึ่ง ดังนั้นจ้าวเซิงจึงยิ่งให้ความสำคัญกับการศึกษาของก้อนแป้งน้อยขึ้นมา ก่อนหน้านี้ล้วนว่าตามที่ชิงหลานสอน บัดนี้เมื่อกลับมามักจะถามถึงการบ้านของก้อนแป้งน้อยเป็นประจำ
หนนี้เองก็กลัวว่าก้อนแป้งน้อยจะถูกชื่อเสียงความสำเร็จชั่วครู่ทำให้สมองสับสน โชคดีที่ลูกคนนี้รู้ความ ไม่ว่าคนรอบข้างชมเชยเขาอย่างไร ยกยอเขาขึ้นฟ้าอย่างไร ตนกลับรู้ประมาณตัวเองดี เช่นนี้ย่อมดี
กลับถึงห้องแล้วจ้าวเซิงกับซูเซียงหารือกัน “เจตนาของอาจารย์เขาต้องการให้เขาลองสอบระดับจังหวัดดู ดูว่าสามารถสอบเป็นซิ่วไฉได้หรือไม่ ก่อนหน้านี้ข้าค่อนข้างเป็นห่วง บัดนี้เห็นว่าลูกรู้ประสา หรือเราเองควรให้เขาลองสอบรอบต่อไป ไม่สนใจว่าจะสอบติดหรือไม่ติด ถือเสียว่าไปฝึกความกล้า เจ้าเห็นเช่นไร?”
พูดตามจริง บางครั้งซูเซียงแปลกใจยิ่งนัก เห็นอยู่ชัดๆ ว่าก้อนแป้งน้อยมิได้มีสัมพันธ์ทางสายเลือดกับจ้าวเซิงแม้แต่น้อย แต่บุรุษคนนี้ดีต่อลูกทั้งสองถึงเพียงนั้นมาโดยตลอด ทำให้นางนึกสงสัย บางครั้งถึงขั้นสงสัยว่าที่จ้าวเซิงดีต่อตนขนาดนั้นอาจเป็นเพราะลูกสองคนนี้หรือไม่?
แต่ความคิดแบบนี้ก็เพียงบังเอิญแวบผ่านไปในสมอง ตนยังรู้สึกว่าความคิดเช่นนี้เพ้อเจ้อมาก
ซูเซียงกำลังคิดเช่นนี้ จู่ๆ ในท้องพลันพลิกตลบปั่นป่วน นางผลักจ้าวเซิงตกเตียงทันที ยังไม่ทันถึงข้างระเบียงก็อาเจียนหนักหน่วงออกมากองใหญ่
อาเจียนคราวนี้มืดฟ้ามัวดิน นางรู้สึกเหมือนตัวเองขย้อนเอาตับไตไส้พุงและน้ำดีออกมาทั้งหมด
จ้าวเซิงร้อนใจมาก ตะโกนเสียงดัง “ชุ่ยหลิ่ว! ชุ่ยหลิ่ว! ”
ชุ่ยหลิ่วเข้ามา เห็นสถานการณ์แบบนี้ก็ร้อนใจมากเช่นกัน ทว่าทันใดนั้น บนหน้านางก็ปรากฎความดีใจเหลือล้นมาเป็นระลอก หรือว่าจะ หรือว่าจะ….
——
[1] ถงเซิง (童生) หมายถึง นักศึกษารุ่นเยาว์ หรือนักศึกษาเด็ก เรียกผู้เข้าสมัครสอบรับราชการระดับอำเภอและจังหวัดหรือที่เรียกว่าการสอบถงเซิง การสอบถงเซิงเป็นการสอบในระดับท้องถิ่นซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ การสอบระดับอำเภอ การสอบระดับมณฑล และการสอบซึ่งจัดโดยขุนนางที่ราชสำนักมอบหมายหน้าที่มาโดยตรง ในการสอบ 3 ระดับนี้ การสอบระดับอำเภอถือว่าสำคัญที่สุด การจัดสอบระดับอำเภอจะดำเนินการโดยขุนนางประจำอำเภอต่างๆ หากผู้เข้าสอบผ่านระดับนี้ก็จะได้รับเลือกเป็น “เซิงหยวน” (บัณฑิตระดับอำเภอ) หรือมักเรียกกันทั่วไปว่า “ซิ่วฉาย” (秀才)