เพราะรักสลักใจ - ตอนที่ 808 ซูเซียงตั้งครรภ์ มงคลคู่มาเยือนประตู
“องค์ชายท่านรอก่อน ข้า ข้าจะไปเรียกนายท่านใหญ่” ชุ่ยหลิ่วพูดแล้วก็ไม่สนใจสายตาจ้องปานจะกินคนของจ้าวเซิง ออกไปราวกับลมกรด เคาะประตูห้องสามีภรรยาสกุลหวัง “นายท่านใหญ่ นายหญิงใหญ่ เร็วเข้า! ฮูหยินไม่สบาย ท่านรีบไปดูหน่อย!”
พอได้ยินว่าลูกสาวไม่สบาย สามีภรรยาสกุลหวังไหนยังจะหลับลง ลุกขึ้นทันที คลุมเสื้อไม่ทันเสร็จก็รีบเร่งวิ่งเข้ามาในห้องของพวกซูเซียง
ตอนผู้อาวุโสทั้งสองมาถึงเหล่าคนรับใช้ก็ทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ยังหลงเหลือกลิ่นเหม็นเปรี้ยวอยู่จางๆ
ผู้เฒ่าหวังกระวนกระวาย เข้าไปจับมือซูเซียงเริ่มตรวจชีพจร สองมือค่อยๆ เริ่มสั่นขึ้นมา เหงื่อผุดพรายบนหน้าผากเป็นชั้นๆ
จ้าวเซิงเห็นแบบนี้ก็ใจหายวาบ หรือจะเป็นโรคร้ายแรงอะไรบางอย่าง? มิเช่นนั้นไยผู้เฒ่าหวังจึงมีสีหน้าท่าทางเช่นนี้ เขารีบถามเสียงเครียด “ท่านพ่อ ท่านพ่อ เกิดเรื่องอะไรกันแน่?”
จ้าวเซิงมากน้อยก็ยังเข้าใจหลักการแพทย์อยู่บ้าง อย่างไรมักรบราฆ่าฟันในสนามรบอยู่บ่อยครั้ง บาดเจ็บต้องพิษล้วนเป็นเรื่องที่เลี่ยงได้ยาก
ทว่าเมื่อครู่จ้าวเซิงจับชีพจรให้ซูเซียงกลับไม่พบอะไร จึงคิดไปว่าตัวเองไม่เชี่ยวชาญวิชา ยิ่งทำให้กระวนกระวายใจ
หวังต้าเหนียงเองก็พูดเร่งเสียงเครียดอยู่ข้างๆ”ตาแก่ ตาแก่ เจ้าพูดสิ ลูกสาวเป็นอะไรกันแน่?”
ซูเซียงในตอนนี้อาเจียนจนเหลือแค่ครึ่งชีวิต หนังตาล้าก็ฝืนถ่างตามองผู้เฒ่าหวัง ความหมายที่พูดทางสายตาคือ : ท่านพ่อ ท่านมีอะไรท่านก็รีบพูด อย่าพิรี้พิไรได้หรือไม่?
ผู้เฒ่าหวังเก็บมือ รอยยิ้มบนหน้าปรากฏขึ้นในพริบตา เช็ดเหงื่อบนหน้าผาก ดีใจราวกับเด็กน้อย “แม่จ๋า แม่จ๋า เจ้าจะได้เป็นยายคนแล้วล่ะ!”
……
ในห้องเงียบสงบไปในพริบตา ตามด้วยจ้าวเซิงได้สติกลับมา คว้าดึงแขนของผู้เฒ่าหวังไว้ “ท่านพ่อ ท่านกำลังบอกว่า ท่านกำลังบอกว่าเซียงเอ๋อร์นางตั้งครรภ์หรือ?”
เป็นเพราะจ้าวเซิงตื่นเต้นจึงหนักมือไปหน่อย จับเอาแขนของผู้เฒ่าหวังเจ็บ แต่ผู้เฒ่าหวังกลับไม่ได้โกรธเคืองแม้แต่น้อย “ใช่แล้ว ใช่แล้ว เซียงเอ๋อร์ท้องแล้ว น่าจะสองเดือนกว่าแล้ว เจ้าจะได้เป็นพ่อคนแล้ว! ”
ทั้งครอบครัวตกสู่ความตื่นเต้นดีใจแบบกะทันหันนี้ รวมถึงแม่นมท่านหนึ่งที่องค์หญิงเต๋อฮุ่ยส่งมาก็ยิ่งตื่นเต้น ดีใจจนกระโดดโลดเต้น โขกศีรษะให้ฟ้า ในปากกู่ร้องต่อเนื่อง “เทพสวรรค์เปี่ยมเมตตา เป็นพระมหากรุณาธิคุณของไท่โฮ่วเหนียงเนี่ยง ”
ข่าวการตั้งครรภ์ของซูเซียงแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว แม้กล่าวกันว่าภายในสามเดือนที่ตั้งครรภ์ห้ามประกาศออกไปภายนอก ทว่าการตั้งครรภ์ครานี้ของซูเซียงมีความสำคัญมาก ไม่มีเหตุผลให้ต้องปิดบัง
ไม่นานนัก พระพันปีก็พระราชทานของกำนัลมาให้กองใหญ่ ยังมีหมอหญิงและแม่นมที่ดูแลหญิงตั้งครรภ์โดยเฉพาะอีกสองคน รวมถึงยังส่งหมออาวุโสมือทองชำนาญด้านสูตินารีเวชจากในวังท่านหนึ่งมาร่วมด้วย
เดิมทีองค์หญิงเต๋อฮุ่ยไม่สามารถออกจากเมืองหลวงได้ตามอำเภอใจ แต่ถ้าท้องนี้ของซูเซียงเป็นเด็กผู้ชายล่ะก็ นั่นก็เป็นทายาทสืบเชื้อสายของพระสวามี มีความสำคัญยิ่งยวด
องค์หญิงเต๋อฮุ่ยขอราชโองการจากพระพันปีและให้ออกหน้าส่งป้ายให้ทางองค์จักรพรรดิ หลังได้รับพระราชานุญาตแล้วจึงมาหาซูเซียงทางนี้อีกครั้ง ครานี้พำนักอยู่กว่าครึ่งเดือน หลังเห็นว่าซูเซียงเรียบร้อยปกติดีทุกอย่างแล้วจึงค่อยกลับไปอย่างสำราญใจ
สามเดือนต่อมา ภาวะครรภ์ของซูเซียงคงที่แล้ว ก้อนแป้งน้อยก็ผ่านการสอบระดับจังหวัดอย่างราบรื่น ไม่เพียงแต่เป็นซิ่วไฉแล้ว แต่ยังได้หลิ่งเซิง ซึ่งก็คือผู้ได้รับคัดเลือกให้โดดเด่นที่สุดจากการสอบบัณฑิตครั้งนี้
ซูเซียงดีใจมาก ลูบหัวก้อนแป้งน้อย แต่ยังถามด้วยความเป็นห่วง “ท่านอาจารย์จะให้เจ้าสอบสนามต่อไปหรือไม่?”
ก้อนแป้งน้อยเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ท่านอาจารย์มีความคิดนี้ขอรับ แต่น้องสาวบอกว่าแสงจ้าเกินง่ายต่อคนอิจฉา อีกทั้งข้าเองก็รู้สึกว่าความรู้ของตนยังไม่เพียงพอ อยากรออีกหกปีแล้วค่อยสอบ ไม่รู้ว่าท่านแม่กับท่านพ่อคิดเห็นเช่นไร? ”
จ้าวเซิงเองก็ยิ้มโล่งใจอยู่ข้างๆ แม้เขาเองหวังให้ยามประกาศซื่อจื่อจวนอ๋องของเขา ก้อนแป้งน้อยมีชื่อเสียงคุณงามความดีสูงก็ยิ่งทำให้ง่ายขึ้น แต่ประโยคนั้นของลูกสาวพูดได้ถูกต้องมากทีเดียว แสงจ้าเกินง่ายต่อคนอิจฉา มากไปไม่ดี! บัดนี้ซิ่วไฉหลิ่งเซิงอายุไม่ถึงแปดขวบของราชวงศ์นี้ก็มีเพียงเขาผู้เดียว
ซูเซียงถอนหายใจโล่งอกอยู่ในใจเฮือกใหญ่ ด้วยกลัวว่าลูกจะถูกชื่อเสียงผลประโยชน์ทำให้สมองเลอะเลือน แล้วลูบๆ ศีรษะของก้อนแป้งน้อยอีกครั้ง “พรุ่งนี้ไปสำนักศึกษาบอกกล่าวความคิดของเจ้ากับท่านอาจารย์ให้ดี พยายามชี้แจงให้เขายอมเข้าใจ”
“อีกอย่างท่านแม่ ข้าอยากร่ำเรียนวรยุทธ์กับพวกท่านน้าชิงหลาน ทุกเที่ยงวันข้ากลับมาสักเที่ยวได้หรือไม่?” ก้อนแป้งน้อยพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
ซูเซียงค่อนข้างแปลกใจ “การบ้านของสำนักศึกษาก็เหนื่อยมากแล้ว เจ้ายังเล็ก วิ่งกลับไปกลับมาจะหนักเกินไปหรือไม่?”