เพราะรักสลักใจ - ตอนที่ 809 ความทุกข์น่ารำคาญของหญิงตั้งครรภ์
ก้อนแป้งน้อยครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วเอ่ยปาก “ท่านแม่ ท่านช่วยไปพูดกับอาจารย์ให้ข้าก่อน ถ้าข้าไม่ไหวล่ะก็เราค่อยวางแผนกันอีกทีได้หรือไม่?”
ซูเซียงค่อนข้างประหลาดใจ เด็กอายุน้อยแค่นี้พิจารณาเรื่องราวรอบคอบถึงเพียงนี้เลยรึ? สุดท้ายยิ้มน้อยๆ ลูบศีรษะเล็กฟูนุ่มของเขา “ได้ เช่นนั้นพรุ่งนี้แม่กับพ่อจะลองไปคุยกับอาจารย์ของเจ้าดู”
ซูเซียงอุ้มท้องห้าเดือนกว่าแล้ว เนื่องด้วยอากาศดี ภาวะครรภ์ของนางก็คงที่ ช่วงนี้จึงมักเดินไปเดินมาบนร่องดินคันนาเป็นประจำ
สำหรับเรื่องนี้จ้าวเซิงกับชุ่ยหลิ่วต่างเป็นห่วงเหลือเกิน ไม่ว่าเมื่อใดที่ไหนล้วนต้องมีคนหนึ่งประกบข้างกายนาง โดยเฉพาะแม่นมที่มาจากตำหนักขององค์หญิงเต๋อฮุ่ยคนนั้นประคบประหงมซูเซียงถึงที่สุด ด้วยกลัวว่าจะเผลอมีผลกระทบต่อซื่อจื่อน้อยในท้อง
“โธ่ จวิ้นจู่ท่านเดินช้าๆ หน่อย ถนนนี่ลื่นมากนะเจ้าคะ”
“โอ๊ยตายแล้ว บรรพบุรุษของข้า ท่านเดินช้าหน่อยสิเจ้าคะ หากท่านหกล้มกระทบกระแทกขึ้นมาแล้วบ่าวจะกลับไปกราบทูลอย่างไรล่ะเจ้าคะ? ”
ซูเซียงรู้สึกว่าชีวิตของตนช่วงนี้ผ่านไปด้วยดี เว้นก็แต่แม่นมท่านนั้นที่เอาแต่จ๊อกแจ๊กจอแจอยู่ข้างๆ ทั้งวัน นางแค่ยกชามใบหนึ่งแม่นมก็กระวนกระวายเหลือแสน บอกว่าชามนั้นหนักเกินไป คนท้องไม่ควรยกของหนัก
เรื่องนี้นางยังพอฝืนทนได้ นางหยิบมีดเล่มเล็กบอกว่าจะหั่นมันฝรั่งสักหน่อย มื้อเย็นจะทำไก่ตุ๋นเผือกมันฝรั่ง ผลคือไม่ทันได้หยิบมีดขึ้นมาก็ถูกแม่นมคนนั้นมาคว้าแย่งไป “ตายจริง จวิ้นจู่เหนียงเนี่ยง นี่เป็นอาวุธมีคม บาดเจ็บถึงท่านกับซื่อจื่อน้อยในท้องเช่นนั้นจะทำอย่างไรล่ะเจ้าคะ?”
ซูเซียงกลับมาจากคันดิน ถูกแสงแดดเที่ยงวันแผดเผาค่อนข้างร้อน นางยกน้ำอุ่นแก้วหนึ่งกำลังจะรินลงท้อง ผลคือถูกแม่นมคนนั้นแย่งไปอีกตามเคย “ตายจริง จวิ้นจู่เหนียงเนี่ยงของข้า น้ำนี้เย็นหมดแล้ว ดื่มไม่ได้ ดื่มแล้วท้องไส้จะปั่นป่วน…”
ซูเซียงรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหมีแพนด้าในสวนสัตว์ นี่ยังมีสิทธิมนุษยชนอยู่บ้างไหม?!
ในที่สุดซูเซียงก็ระเบิดอารมณ์ แม้รู้ว่าแม่นมชราท่านนี้ทำเพราะหวังดีกับตัวเอง แต่คนท้องเดิมทีก็ลำบากมากพออยู่แล้ว ได้ยินแต่เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจอยู่ข้างหูทั้งวันใครบ้างจะรับไหว?!
ซูเซียงวางชามกระเบื้องใบใหญ่ใบนั้นลงบนโต๊ะดังปัง “หมัวมัว[1] ข้ารู้ว่าท่านหวังดีต่อข้า แต่ท่านเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าท่านทำเช่นนี้จะทำให้ข้าอึดอัด? ข้าอุ้มครรภ์ก็ลำบากมากพอแล้ว ท่านให้ข้าอยู่อย่างสงบหน่อยได้หรือไม่?!”
นับตั้งแต่แม่นมมาถึงจวนจวิ้นจู่ยังไม่เคยพบเห็นซูเซียงโมโหเดือดดาลขนาดนี้ ตกใจนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ต่อมาก็คุกเข่าบนพื้นดังปึงโขกศีรษะตึงตังๆ หลายหน “จวิ้นจู่โปรดไว้ชีวิต จวิ้นจู่โปรดไว้ชีวิต…บ่าว บ่าวได้รับคำสั่งจากองค์หญิงมา หากท่านกับซื่อจื่อน้อยเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น แม้บ่าวมีเก้าศีรษะก็ไม่พอชดใช้…”
ทั้งวันเอาแต่อุบัติเหตุเอย กระทบกระแทกเอย สามยาวสองสั้น[2]เอย คำเหล่านี้ล้วนแขวนอยู่บนปาก ไม่ถือเป็นข้อห้ามหรือ?! นางกับลูกยังอยู่ดี!
ซูเซียงสูดหายใจเข้าลึกๆ สุดท้ายก็กดความโกรธในใจลงไป โบกมืออย่างขอไปที “พอแล้ว เจ้าลุกขึ้นเถอะ กลับไปก็ให้หมอมาดูหัวที่โขกแตกสักเที่ยว วันนี้ข้าสำลักไอสองที เจ้าก็ให้ท่านหมอมาแล้วแปดเที่ยว เจ้าไม่เหนื่อย แต่ท่านหมอกับข้าเหนื่อยนะ ”
“หมัวมัว ข้ารู้ว่าทั้งหมดท่านทำก็เพราะหวังดีกับข้า แต่ท่านเองก็รู้ว่าในท้องนี่ก็เป็นลูกของข้า ข้าเป็นมารดามีหรือจะไม่ระมัดระวัง ไม่เป็นห่วง? แต่ข้าแค่ตั้งครรภ์ มิได้พิการ และก็ไม่ใช่คนสมองมีโรค ยามปกติระวังหน่อยก็สมควร ข้าเดินให้ช้าหน่อย อาหารการกินพวกท่านใส่ใจระวังหน่อยก็เป็นอันได้แล้ว อย่าตกอกตกใจตื่นตระหนกทั้งวันได้หรือไม่? เดิมทีไม่มีปัญหาก็โวยวายให้เกิดปัญหาขึ้นมา ทุกคืนนี้ข้าฝันก็ยังได้ยินเสียงร้องตกใจของท่าน แล้วข้าจะดูแลลูกอ่อนได้อย่างไรเล่า?”
“เจ้าค่ะ บ่าวทราบแล้ว” แม่นมตกลงรับคำอย่างนบนอบ ทว่ายังคงถือน้ำอุ่นบนโต๊ะถ้วยนั้นออกไป พอถึงหน้าประตูนางจึงพูดว่า “จวิ้นจู่เหนียงเนี่ยงโปรดรอสักครู่ บ่าวจะไปเปลี่ยนเป็นน้ำร้อนมาให้ท่าน”
“…..” เอาเถอะ พูดเสียเปล่าแล้ว!
——
[1] หมัวมัว (嬷嬷) เป็นคำเรียกแม่นม
[2] สามยาวสองสั้น(三长两短) หมายถึงโชคร้าย สูญเสียถึงชีวิต มีอันเป็นไป สันนิษฐานว่ามีที่มีจากส่วนประกอบของโลงศพที่ประกอบด้วยไม้ยาวสี่ส่วนและไม้สั้นสองส่วน ดังนั้นสาวยาวสองสั้นจึงไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ทำให้โชคร้าย