เพราะรักสลักใจ - ตอนที่ 811 ที่แท้เป็นหญิงชั่วคนนั้นออกอุบายอยู่เบื้องหลัง
พระพันปีไม่สั่งให้เขาลุกขึ้นอยู่เนิ่นนาน เขาจึงค่อยค้นพบว่าความกดอากาศรอบตัวดูเหมือนค่อนข้างต่ำ แต่เขากลับนึกไปว่าเป็นเพราะเสด็จพ่อยั่วโทสะให้เสด็จย่าไม่พอใจ จึงไม่ได้คิดอะไรมาก ลุกขึ้นแล้วก็คุกเข่าลงข้างเท้าของพระพันปีอย่างร่าเริงเหมือนเด็กน้อย ยื่นมือนวดขาให้พระพันปี ปากพูดอย่างอารมณ์ดี “นี่เสด็จย่ายังทรงกริ้วเสด็จพ่ออยู่หรือ? เสด็จย่าอย่าทรงกริ้วไปเลย หลานจะบอกข่าวดีกับท่าน ท่านได้ยินแล้วรับรองต้องดีใจแน่ ”
เวลานี้พระพันปีค่อนข้างนึกเสียใจ รู้อยู่แก่ใจว่าสองพ่อลูกคู่นี้สติไม่ดี ไยตนต้องเรียกเขามาเพื่อทำให้ตัวเองโกรธด้วย?!
“หมายถึงซูย่วนเสี้ยนจู่ผู้นั้นหรือ?” น้ำเสียงของพระพันปีค่อนข้างห่างเหิน แฝงรสเฉยชาเย็นเยือก
แต่รัชทายาทกำลังอยู่ในห้วงความสุข ไหนเลยจะฟังออก เอ่ยอย่างร่าเริง “พ่ะย่ะค่ะ! เสด็จย่ารู้จักซูย่วนด้วยหรือ? หลานกำลังจะบอกเรื่องมงคลกับท่านอยู่พอดี ”
พระพันปีรู้สึกได้ว่าหว่างคิ้วของตนกำลังกระตุกเต้นตุบๆ นางย่อมรู้จักสตรีคนนี้ดี ไม่เพียงแต่รู้ว่านั่นเป็นคนเช่นไร ยังรู้อีกว่าบิดาของซูย่วนเป็นใคร! ขโมยความลับทางการทหาร สมคบศัตรูก่อการกบฏ เพียงแต่ตอนนี้พวกนางยังไม่มีหลักฐานเพียงพอจึงวางลงไว้ก่อนชั่วคราวก็เท่านั้น หากให้ผู้หญิงเช่นนั้นเป็นสตรีขององค์รัชทายาท แม้เป็นเพียงนางสนม แต่ดูจากความโง่เง่าของเจ้าเด็กคนนี้แล้วคงไม่พ้นตกหลุมตาย!
รัชทายาทกลับไม่รู้เลยว่าเพียงชั่วขณะหยุดชะงักนี้พระพันปีคิดไปมากมายถึงเพียงนี้ เพียงแค่เห็นพระพันปีมิได้เอ่ยแย้ง ก็คิดว่าพระนางเห็นด้วย รัชทายาทจึงยิ่งตื่นเต้น “เสด็จย่า ซูย่วนเป็นสตรีดีงาม รูปโฉม พรสวรรค์ ความรู้กิริยามารยาทล้วนเป็นแม่พิมพ์ของสตรี หลานชมชอบนาง กำลังคิดจะไปพูดคุยกับนางเรื่องขออภิเษกสมรส เสด็จย่าอยากพบนางหรือไม่ มีคำชื่นชมของท่าน นางเป็นไท่จื่อเฟยก็ยิ่งชอบธรรมสมเหตุสมผล…”
รัชทายาทยังเยินยอเจื้อยแจ้วไม่หยุดหย่อน พระพันปีกลับหน้าเย็นชาลงถึงขีดสุด “อายเจียไม่พบ! สตรีพรรค์นั้นยังคิดจะเป็นไท่จื่อเฟย ชาติหน้าเถอะ!”
วินาทีก่อนองค์รัชทายาทยังดีใจเป็นล้นพ้น รอยยิ้มพลันแข็งค้างบนใบหน้า “เสด็จ เสด็จย่า ท่านว่าอันใด?”
พระพันปีมองรัชทายาทราวกับมองคนโง่งม ต่อมาก็หลับตาลง “ช่างเถิดๆ เจ้าให้สตรีคนนั้นรีบออกไปจากวังหลวง เห็นแก่หน้าเจ้า ข้ารับปากว่าจะไม่ทำให้นางลำบาก ทว่าต่อแต่นี้ไปเป็นเช่นไร ล้วนแล้วแต่บุญกรรมของนาง”
พระพันปีนับว่าใจอ่อนแล้ว กล่าวอย่างไรหลานของตนคนนี้ก็อายุยี่สิบกว่าแล้ว ในวังหลวงนอกจากสนมไท่จื่อเช่อเฟยหนึ่งคนกับนางกำนัลรับใช้สองคนก็มีไม่กี่คนแล้ว ผู้รับใช้ใกล้ชิดล้วนเป็นขันที สตรีสองสามคนนั้นดูเหมือนแต่ไรมาเขาก็ไม่เคยโปรดปราน ทั้งหมดล้วนเป็นเครื่องประดับตกแต่ง บัดนี้อุตส่าห์มีนางในดวงใจ เฮ้อ อย่าว่าแต่ฐานะสูงส่งปานใด แม้นเป็นหญิงชาวบ้านสุจริตนางก็ยอมรับแล้ว ทว่านี่เป็นหญิงกบฏขายชาติจะเป็นมารดาของใต้หล้าได้อย่างไร?!
สีหน้าของรัชทายาทเย็นชาลงทีละคืบ เงียบเชียบอยู่เนิ่นนานจึงค่อยเอ่ยขึ้น “เป็นนางหญิงชั่วบ้านป่าผู้นั้นพูดจาเหลวไหลอยู่เบื้องหลังอีกแล้วกระมัง? เสด็จย่า หลานทราบว่าท่านใจอ่อน ทว่าวาจาของผู้ใดควรเชื่อ วาจาของผู้ใดไม่ควรเชื่อ ในใจท่านเองย่อมคำนวณได้ ท่านไม่รู้ ก่อนหน้านี้หญิงชั่วคนนั้นรังแกซูย่วนอย่างไรบ้าง ซูย่วนกล้ำกลืนฝืนทนรักษาหน้าทุกฝ่ายมาโดยตลอด แต่บัดนี้ลาจากสถานที่ที่นางอยู่มาแล้วยังบงการบังคับผู้อื่นถึงเพียงนี้อีกหรือ?”
“…” พระพันปีเหนื่อยใจจนไม่อยากพูดอะไรแล้ว
แม่นมชราทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว เอ่ยหน้าเคร่ง “องค์รัชทายาทย่อมรู้หลักกตัญญูเป็นเช่นไรกระมัง? ท่านเป็นว่าที่กษัตริย์ ควรเปล่งวาจาเช่นนี้ต่อพระพันปีหรือไม่เพคะ?”
รัชทายาทไร้หนทางต่อกรกับพระพันปี แต่มิได้หมายความว่าเขาจะกล่าวกับแม่นมแทนไม่ได้ ริมฝีปากยกเส้นโค้งประชดประชัน “เช่นนั้นข้าขอเรียนถามหมัวมัว รู้ชัดว่าผู้อาวุโสกระทำมิถูกต้องสมควรแล้วยังไม่ทักท้วง ปล่อยนางทำผิดต่อไป เช่นนี้ท่านเรียกว่ากตัญญูหรือ?! หากเป็นจริงดังว่า เช่นนั้นข้าทำเพื่อมิให้เสด็จย่าถูกคนชั่วล่อลวง ก็คงต้องอกตัญญูแล้ว!”
“นางเป็นคนเช่นไรอายเจียจะละไว้ไม่เอ่ยถึง แต่บิดาของนาง ฮู่กั๋วกง เจ้าเข้าใจหรือไม่? มาถึงขั้นนี้แล้วข้าก็จะไม่ปิดบังเจ้า คนของข้าสืบทราบว่าฮู่กั๋วกงต้องสงสัยสมคบศัตรูก่อกบฏ เจ้าคิดว่าข้าจะเอาสตรีเช่นนี้มาเป็นมารดาของบ้านเมืองในอนาคตหรือ?” เดิมทีพระพันปีไม่อยากพูด แต่เห็นรัชทายาทไม่ยอมลดราวาศอกก็ทรงเดือดดาลแล้วเช่นกัน