เพราะรักสลักใจ - ตอนที่ 815 คราบจักจั่นเป็นยาชั้นดี
เห็นซูเซียงจะออกจากประตูบ้าน ความกังวลร้อนใจในก้นตาของแม่นมจะปิดก็ปิดไม่มิด ทว่านางไม่กล้าพูดอะไรอีกแล้ว ครึ่งเดือนก่อนเป็นเพราะนางพูดมากจนทำให้ซูเซียงไม่พอใจสะเทือนถึงครรภ์ ทำเอานางตกใจแทบตาย จากนั้นก็อยู่นิ่งๆ แล้ว แม้มีความคิดเห็นมากกว่านั้นก็จำต้องกลั้นเอาไว้ จ้องมองท้องของซูเซียงตลอดเวลา ด้วยกลัวว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝัน
สายตาจ้องเขม็งของแม่นมนั้นซูเซียงย่อมมองเห็น แต่ไม่ได้สนใจ ทั้งยังสั่งงาน “หมัวมัว ไปหยิบถุงผ้าใบหนึ่ง เอาแบบใหญ่”
แม่นมจำยอมด้วยสีหน้าจำยอม ไม่รู้จวิ้นจู่เหนียงเนี่ยงจะไปทำงานอะไรอีก คนท้องนี่ไม่ต้องนอนพักผ่อนดูแลตัวเองให้ดีหรอกหรือ ไยจวิ้นจู่เหนียงเนี่ยงบ้านนางถึงได้วิ่งออกไปข้างนอกทุกวี่วัน กะปรี้กะเปร่าถึงเพียงนั้น
“ฮูหยิน จะเอาถุงผ้าใบใหญ่ไปทำอะไรหรือเจ้าคะ? ทางองค์ชายคงเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วแน่” ชุ่ยหลิ่วถามด้วยความสงสัย
“ไม่ได้ใช้เก็บยาสมุนไพร อืม ว่าไปแล้วก็เป็นยาเหมือนกัน ก็เป็นคราบของจักจั่นนั่นแหละ เจ้ารู้ไหม นั่นเป็นยาชั้นดี ขับลมไล่ร้อน แก้เจ็บคอ กระทุ้งผื่นคลายเกร็ง หึ พวกมันเสียงดังหนวกหูขนาดนี้ ก็ต้องจ่ายค่าเสียหายกันสักหน่อยสิ” ซูเซียงรับถุงผ้ามาแล้วก็พูดพลางเดินไปข้างนอก
หลายวันนี้นางถูกเสียงร้องของเจ้าตัวเล็กพวกนี้ก่อกวนจนนางรำคาญจะตายอยู่แล้ว วันนี้ได้หาผลประโยชน์จากพวกมันสักหน่อย อารมณ์จึงค่อยดีขึ้นบ้าง
ท่าทางเหมือนเสือจ้องตะครุบจะจับเจ้าตัวเล็กพวกนั้นแยกเป็นชิ้นทำให้ชุ่ยหลิ่วที่ดูอยู่ขำขันสุดประมาณ “ฮูหยิน จักจั่นปีนสูงขนาดนั้น เราจะจับเอาคราบของพวกมันอย่างไร?”
ซูเซียงกะพริบตาปริบๆ ถามอย่างประหลาดใจ “เจ้าไม่เคยเห็น?”
ชุ่ยหลิ่วมึนงง อยากได้คราบจักจั่น ก็ต้องจับตัวจักจั่นมิใช่หรือ?
“ไปเถอะ ถึงแล้วเดี๋ยวเจ้าก็รู้” ตอนนี้ซูเซียงไม่รู้จะอธิบายอย่างไร จำต้องใช้ของจริงมาบอกชุ่ยหลิ่ว
แม้ซูเซียงออกมาข้างนอกบ่อยแต่ก็รู้หนักเบา นางเองก็ดูแลปกป้องลูกในท้องเช่นกัน
ทุกครั้งที่ทางเดินไม่สะดวก นางมักจับแขนชุ่ยหลิ่วแน่นเสมอ เดินอย่างระมัดระวัง กลัวว่าตัวเองจะชนจะกระแทกอยู่เหมือนกัน
แม่นมเดินตามอยู่ข้างๆ อกสั่นขวัญแขวน ไม่ง่ายนักกว่าจะเดินมาถึงบริเวณไป๋จี
จ้าวเซิงเห็นซูเซียงเข้ามาก็ค่อนข้างแปลกใจ รีบวางของในมือลง เข้ามารับ “เจ้าออกมาทำไม? ดูวันนี้อากาศไม่ดี เกรงว่าประเดี๋ยวฝนจะตก”
ซูเซียงย่นจมูกเล็กอย่างไม่พอใจ “ตื่นเช้ามาก็ไม่เห็นเจ้าแล้วยังถูกจักจั่นทำเสียงดังรำคาญอีก ก็เลยอยากออกมาเดินเล่น”
“ตกลงๆ ข้าสามีผิดเอง วันนี้รีบทำเรื่องทางนี้ให้เสร็จ พรุ่งนี้ก็อยู่บ้านเป็นเพื่อนเจ้าดีไหม? เสียงร้องของจักจั่นพวกนั้นน่ารำคาญจริงๆ พรุ่งนี้ไปข้าจะจับพวกมันทุกวันเลย รับรองว่าเงียบสนิท ดีหรือไม่?”
ซูเซียงฟังคำปลอบโยนเอาใจของจ้าวเซิง ในใจจึงนับว่ามีความสุขขึ้นมาหน่อย บ่นกระปอดกระแปด “วานซืนเจ้าบอกว่าจะอยู่บ้านเป็นเพื่อนข้า เมื่อวานก็บอกว่าจะอยู่บ้านกับข้า แต่วันวันกลับไม่เห็นตัวคน…”
เส้นขีดสีดำเต็มหน้าผากจ้าวเซิง เขาไหนเลยวันวันไม่เห็นตัวคน เพียงอาศัยจังหวะที่ซูเซียงนอนหลับออกไปชั่วครู่ก็เท่านั้น แต่ตอนนี้ภรรยาอุ้มครรภ์ ไม่ว่านางพูดอะไรย่อมถูกต้องเสมอ
“ได้ๆ ต่อไปนี้ข้าไม่ออกไปแล้วดีหรือไม่? ไป ข้าไปส่งเจ้ากลับก่อน เดี๋ยวเปียกฝนแล้วจะแย่เอา” จ้าวเซิงยึดมั่นศีลธรรมอันดีงาม ด่ามาไม่ด่ากลับ ตีมาไม่ตีกลับ เข้ามาช่วยประคองซูเซียงคิดจะส่งนางกลับบ้าน
ซูเซียงเงยหน้ามองท้องฟ้าแป๊บนึงแล้วค่อยพูดว่า “คาดว่าฝนยังไม่ตกอีกสักพัก ข้าออกมาก็มีงานต้องทำอยู่น่ะ”
หน้าผากเจ้าเซิงเต็มไปด้วยเส้นดำ นางเป็นหญิงตั้งครรภ์ท้องโตมากแล้ว ออกมาทำงานอะไร? แต่การแสดงออกบนหน้าเขากลับยังคงถามอย่างเคร่งขรึมจริงจัง “อ้อ? ภรรยาออกมามีงานอะไรหรือ ให้ข้าสามีไปช่วยเจ้าดีไหม?”
ซูเซียงคิดๆ ดูก็พยักหน้า “อื้ม ดีเหมือนกัน หลายคนก็หลายแรง”
ซูเซียงพูดแล้วก็มองซ้ายมองขวาไปยังกิ่งไม้แห้งบนพื้นพวกนั้น จู่ๆ ดวงตานางก็เป็นประกาย อย่างที่คิด เห็นคราบจักจั่นอันเล็กๆ อันหนึ่ง นางเดินเข้าไปเก็บมันขึ้นมา
“เจ้าเคยเห็นของสิ่งนี้หรือไม่ มันเรียกว่าคราบจักจั่น เป็นยาชั้นดีชนิดหนึ่ง เมื่อครู่เดินผ่านมาเห็นว่าแถวนี้มีมากทีเดียว เจ้าให้คนมาเก็บไปให้หมด”