เพราะรักสลักใจ - ตอนที่ 818 อยากต่อยคนมากทำอย่างไรดี
ยิ้มน้อยๆ ให้ท้องของซูเซียง “เดรัจฉานน้อยรีบโตไวๆ ล่ะ ข้ายังรอเจ้าอยู่!”
ดูจากท่าทางจริงจังของเขา ราวกับเด็กในท้องที่เพิ่งห้าเดือนกว่าจะเข้าใจคำพูดของเขาอย่างไรอย่างนั้น
ขณะที่ซูเซียงกำลังจะถามเขาซ้ำอีกครั้งว่ามีธุระเรื่องอะไรกันแน่ เสียงอวิ๋นกลับโบกมือ “เอาเถิดๆ จุดประสงค์ที่ข้ามาวันนี้สำเร็จผลแล้ว ในเมื่อไม่มีปีศาจจิ้งจอกอะไร เรื่องตัวตนของเจ้าข้าเองก็มิอาจแพร่งพราย อีกอย่าง ดูแลรักษาเดรัจฉานน้อยในท้องเจ้าตัวนี้ให้ดี เขาเป็นชีวิตจิตใจของข้าเชียวล่ะ!”
ดูคำที่พูดเข้าสิ ซูเซียงอยากจะต่อยคนจริงๆ ! ลูกในท้องของตนจะมีความเกี่ยวข้องกับนักพรตเต๋าเหม็นโฉ่คนนี้ได้อย่างไร? ยังจะเป็นชีวิตจิตใจของเขาอะไรกัน! คำพูดนี้ฟังอย่างไรก็ทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจ อยากต่อยคนมากจริงๆ เลย ทำอย่างไรดี?
ช่างเถอะๆ พวกนักบวชนักพรตพวกนี้แต่ไรมาก็ชอบพูดพร่ำเพ้อ ทำตัวให้ชินก็พอแล้ว พูดอีกอย่าง นักพรตคนนี้ดูเหมือนจะรู้ที่มาของตน แต่เขากลับแสดงออกชัดเจนว่าไม่อาจเปิดเผย ดูท่าทางก็มิได้ขมขู่อะไร เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาอยากทำอะไรก็ทำไปเถิด
เห็นนักพรตผอมแห้งคนนั้นเดินออกนอกประตูไป ซูเซียงยังคิดว่าเขาจะจากไปอย่างรู้การณ์ ที่ไหนได้เขาเดินไปถึงลานบ้านกลับตะโกนเสียงดัง “ใครก็ได้! จัดเตรียมเรือนให้ผินเต้า ต้องเป็นเรือนทางทิศตะวันออก หน้าต่างเปิดกว้างมีแสงเพียงพอ อย่าเอาสถานที่เป็นมุมอับให้ข้าล่ะ ข้าเป็นผู้องอาจผึ่งผาย ไม่อาจอยู่ในที่มืดอับแสงเช่นนั้น… ”
“มานี่ๆ ใช่ เรียกเจ้านั่นแหละแม่หนู รีบมานี่!”
“ไป ไปทำขนมดอกกุ้ยฮวาเอาอะไรรองท้องให้ข้าสักจาน หิวจะตายอยู่แล้ว!”
ซูเซียง “!!”
นี่เป็นตาแก่หนังเหนียวมาจากที่ไหนกัน? นางไล่ออกไปได้หรือไม่?!
ดูท่าทางของเขานั่น ทำราวกับอยู่ในบ้านตัวเอง จะอยู่ที่นี่ บอกกล่าวกับนางสักคำหรือยัง? จะใช้คนของนาง กินของของนาง ขอนางสักคำหรือยัง?
ขณะที่ซูเซียงกำลังจะออกไปไล่คน ชุ่ยหลิ่วกลับรั้งนางไว้ “ฮูหยินอย่าบุ่มบ่าม คนผู้นี้แค่เห็นก็รู้ว่ามิใช่ผู้ที่หาเรื่องด้วยได้ เขาทราบว่าวิญญาณกับร่างกายของท่านมิได้มีที่มาจากที่เดียวกัน หากยั่วโทสะเขา…”
แม้จิตใต้สำนึกของซูเซียงรู้ว่าชายชราผู้นี้มิใช่คนเช่นนั้น ทว่าก็เผื่อไว้ก่อนดีกว่า ในที่สุดจึงกลืนความคับแค้นในใจกลับไป
กวักมือเรียกสาวใช้เป็นงานคนหนึ่งเข้ามา “ฝูเอ๋อร์ ส่งบ่าวรับใช้ชายสองสามคนไปดูแลเขาให้ดี อยากกินอะไร อยากใช้อะไรก็ล้วนตามความพอใจของเขา!”
“ฮูหยิน ท่านดูท่าทางเขาสิเจ้าคะ บ่าว บ่าวไม่อยากทำให้เขากิน รู้สึกเหมือนกำลังทิ้งขว้างอาหาร!” ฝูเอ๋อร์มองนักพรตชราที่กำลังทำตัวโอหังชี้มือสั่งการนั่นนี่อยู่นอกประตูคนนั้น ในใจก็รู้สึกแย่สารพัดชนิด!
ซูเซียงถอนหายใจ แต่ละคนล้วนศีรษะใหญ่กว่านาง คอล้วนหนากว่านาง หาเรื่องไม่ได้ทั้งนั้น
“ไปเถอะๆ ต่อให้ทิ้งขว้างอาหารเราก็ต้องให้เขา!”
เสียงอวิ๋นที่อยู่ด้านนอกแท้จริงแล้วในใจก็ค่อนข้างหวาดหวั่น ด้วยกลัวว่าซูเซียงจะไล่เขาออกไป เขาจงใจทำน้ำเสียงยโสโอหังก็เพื่อเพิ่มความกล้าให้ตัวเองก็เท่านั้น หางตากลับเหลือบเข้าไปในโถงบุปผาอยู่เป็นระยะ
มีคำพูดหนึ่งกล่าวไว้ได้ดี คนยิ่งเสแสร้งแกล้งทำ แท้จริงแล้วพวกเขายิ่งขี้ขลาด ตอนเสียงอวิ๋นก็กำลังอยู่ในสถานการณ์นี้
ตอนจ้าวเซิงกลับมากินข้าวเที่ยงหลังรีบจัดการงานข้างนอกเสร็จ ก็เห็นชายชราผมแห้งคนหนึ่งกำลังวนซ้ายวนขวารอบซูเซียง ในปากร้องโวยวายไม่หยุด “เฮ้ย! เฮ้ย! เจ้าระวังหน่อย เดรัจฉานน้อยของข้า…”
“นี่เจ้า ผู้หญิงคนนี้ เจ้าๆ เจ้าขยับเขยื้อนเบาๆ หน่อย หากเจ้าบังอาจทำร้ายถึงเดรัจฉานน้อยของข้า ข้ากับเจ้าไม่จบไม่สิ้นแน่…”
เส้นขีดสีดำเต็มหัวจ้าวเซิง มึนงงไปทั้งสมอง นี่มันตาแก่สมควรตายผุดมาจากที่ไหน! อะไรคือเรียกว่าระวังเดรัจฉานน้อยของเขา? นั่นเป็นเดรัจฉานน้อยของตนต่างหาก
อะถุยๆ เป็นลูกชายของเขาต่างหาก! ตาแก่น่าตาย เขาท้องสิถึงจะเรียกว่าเดรัจฉานน้อย!
จ้าวเซิงเส้นดำเต็มหัว รู้สึกเหมือนตัวเองทำตัวเองให้เวียนหัวขึ้นทุกที เขาพบว่าช่วงนี้ดูเหมือนจะโง่เงาลงทุกวัน
ซูเซียงกำลังห่อเกี๊ยวในมืออย่างคล่องแคล่วอยู่ตรงนั้น ชุ่ยหลิ่วกำลังรีดแผ่นแป้งอยู่ข้างๆ ชายชราคนนั้นกระโดดไปกระโดดมาอยู่ด้านข้างเหมือนกับลิง ในปากร้องโวยวายจ๊อกแจ๊กเจี๊ยกๆ ไม่หยุด
จ้าวเซิงเดินหน้าดำทะมึนเข้าไป เรียกหนึ่งเสียง “ภรรยา”
ซูเซียงได้ยินเสียงก็รีบหันหน้ามาราวกับตามหาดาวช่วยชีวิตเจอ กวักมือเรียกจ้าวเซิง “รีบมาๆ เอาลิงเฒ่านี่ไปให้พ้นข้าที ข้ารำคาญเขาจะตายอยู่แล้ว”