เพราะรักสลักใจ - ตอนที่ 819
เรื่องไร้สาระมากเสียจริง
จ้าวเซิงพยักหน้า เข้าไปจับชายชราที่ยังคงกระโดดโลดเต้นพูดเจื้อยแจ้วลากออกไปข้างนอก
ชายชรากลับบิดตัวได้อย่างน่าประหลาดราวกับเคยฝึกวิชาหดกระดูก หลุดรอดออกไปจากมือของจ้าวเซิง ร้องโอ๊ยๆแล้วกระโดดไปด้านหลังซูเซียงอีกครั้ง ในปากกลับร้องโอดครวญ “เดรัจฉาน้อยช่วยด้วย เดรัจฉานน้อยช่วยด้วย พ่อเจ้าจะฆ่าคนแล้ว…”
เส้นสีดำขีดเต็มหน้าผากจ้าวเซิง แต่พอได้ยินคำว่า “พ่อเจ้า”สองคำนี้ สีหน้าเขาจึงดีขึ้นเล็กน้อย โชคดีที่ชายชราคนนี้ยังรู้ว่าเด็กในท้องเป็นลูกใคร ถ้าไม่รู้เรื่องรู้ราวจริงๆล่ะก็ ตนจะต่อยเขาให้ตาย!
ทว่านึกถึงท่าร่างพิสดารของเขาเมื่อครู่นั้น รูม่านตาหดเข้าเล็กน้อย ตามมาด้วยเงยหน้าสีหน้าประหลาดใจ “ท่าน ท่าน!”
“เด็กน้อย ฮิฮิ ไม่เจอกันนานเจ้ายังจำข้าได้รึ” ครานี้นักพรตเสียงอวิ๋นนับว่าดีใจแล้ว เอ่ยด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“จำได้กับผีสิ ท่านไสหัวไปให้ข้า!” จ้าวเซิงพูดแล้วก็ยกมือชี้ไปทางประตูใหญ่อย่างไม่สบอารมณ์ ให้นักพรตเสียงอวิ๋นรีบออกไป
“นี่ๆ เจ้าเด็กคนนี้ ข้าจะบอกให้ ตอนเจ้าเล็กๆข้านี่แหละเช็ดอึเช็ดฉี่ให้เจ้ากินจนโต อะไรกัน พอโตแล้วก็จำคนไม่ได้เสียแล้วกระนั้นหรือ?” นักพรตเสียงอวิ๋นไม่พอใจอย่างยิ่ง ใช้แข้งขาผอมบางนั้นกระโดดโลดเต้นร้องโวยวายเหมือนลิง
“ข้าองค์ชายจะพูดอีกรอบ เช็ดอึเช็ดฉี่ เลี้ยงดูป้อนข้าวจนโตต่างหากเล่า! ถ้าพูดไม่เป็นก็ไม่ต้องพูด!” จ้าวเซิงโมโหจนหน้าแดงจัด
หกปีก่อนชายชราผู้นี้มิได้เป็นเช่นนี้ ดวงตาเขายังเป็นปกติ และมิได้ไว้หนวดเครายาว ดูไปแล้วยังค่อนข้างอวบอ้วนด้วยซ้ำ บัดนี้ราวกับเปลี่ยนร่างไปแล้วอย่างแท้จริง ถ้ามิใช่ด้วยสายตาที่คุ้นเคย วรยุทธ์ที่คุ้นเคยเขาก็คงจำไม่ได้แน่!
“อยู่ดีๆ ไยท่านทำตัวเองจนกลายสภาพโง่เง่าเช่นนี้ คงมิใช่ทำเรื่องเลวสะเทือนฟ้าสะท้านดินอะไรบางอย่างจนกรรมตามสนองหรอกนะ?” จ้าวเซิงพูดด้วยสีหน้าไม่ได้ดีอะไร
ถ้ามิใช่เพราะเขาเคยสัมผัสคนแปลก เรื่องประหลาดมามากตั้งแต่เด็ก รวมกับตัวภรรยาสาวแตกต่างออกไป กลัวว่าคิดให้ตายเขาก็ไม่อยากรู้จักนักพรตโง่เง่าคนนี้
นักพรตเสียงอวิ๋นกลับไม่พอใจอย่างยิ่ง “นี่มันไม่ใกล้เคียงเลย เจ้าเลอะเทอะอะไรหา?!”
“พอแล้วๆ รีบไสหัวไป!” จ้าวเซิงไม่อยากคุยกับเขา ใช้มือชี้ไปตรงประตูใหญ่อีกครั้ง บ่งบอกว่าไล่เขาไป
นักพรตเสียงอวิ๋นไม่ยินดีอย่างยิ่ง หลบหลังร่างของซูเซียงแล้วไม่ยอมไปไหน ในปากกลับฮึดฮัดดื้อรั้น “ผินเต้าไม่ไปก็คือไม่ไป ผินเต้าจะอยู่ปกป้องเดรัจฉานน้อยของข้าอยู่ที่นี่!”
เวลาก็ผ่านไปอย่างโหวกเหวกโวยวายเช่นนี้กว่าครึ่งเดือน รัชทายาทส่งจดหมายมาสอบถามสถานการณ์ของนักพรตเสียงอวิ๋นสองสามครั้ง ทุกครั้งนักพรตเสียงอวิ๋นล้วนตอบไปเพียงสองคำ “มากเรื่อง”
รัชทายาทผู้ไม่กระจ่างยังคิดว่านักพรตเสียงอวิ๋นบอกว่าทางนี้งานยุ่งมากมีหลายเรื่อง จัดการได้ยาก ไหนเลยจะรู้ว่าความหมายจริงๆของนักพรตเสียงอวิ๋นคือ : เจ้าเป็นรัชทายาทผู้สูงศักดิ์งานการไม่ทำ ทั้งวันเอาแต่ยึดติดสตรีนางหนึ่ง เรื่องไร้สาระมาก!
สายตาเห็นอากาศร้อนขึ้นทุกวัน ซูเซียงทำอาหารพวกวุ้นเย็นเสฉวน[1] ก๋วยเตี๋ยวเส้นใสเย็น[2] พุดดิ้งนมสด[3] และนำสูตรอาหารส่งให้เหลาสุราในเมืองหลวงด้วย
เดิมทีเพราะอากาศร้อนขึ้น คนกินหม้อไฟก็น้อยลงเรื่อยๆ กำไรลดลงบ้าง ในตอนที่พวกเขากำลังกลุ้มใจซูเซียงส่งของพวกนี้ไปก็เรียกได้ว่าฝนตกทันเวลา คลายปัญหาเร่งด่วนไฟลนคิ้ว
ร้านในเมืองหลวงและร้านสาขาตามหัวเมืองใหญ่ต่างเก็บเมนูปลาหม้อไฟและหม่าล่าทังลงแล้วเปลี่ยนเป็นเหล้าผลไม้เย็น ขนมหวานเย็น ยังมีพวกหอยโข่งผัดเผ็ด กุ้งมังกรผัดเผ็ดที่สามารถกินเย็นได้ จากนั้นซูเซียงยังส่งอาหารต้มพะโล้ รสเลิศไปให้พวกเขาอีกด้วย
ของอื่นๆขายดีอยู่เป็นทุนเดิมแล้ว พอของต้มพะโล้ออกมาก็เป็นที่นิยมไปทั่วทั้งเมืองหลวงทันที ไม่ว่าราคาสูงมากเพียงใด ผู้คนมากินก็ขวักไขว่ไปมาไม่ขาดสาย
ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดนำเรื่องที่พวกเขาร่วมค้าขายกับซูเซียงแว่วไปถึงพระกรรณขององค์จักพรรดิ
ช่วงนี้ฮ่องเต้กำลังกลัดกลุ้มหาข้ออ้างให้ซูเซียงเข้าเมืองหลวงเพื่อจัดการนางให้เรียบร้อยไม่ได้อยู่พอดี บัดนี้น่ะหรือ เฮอะๆ!
ท้องของซูเซียงใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เจ็ดเดือนกว่าแล้ว นางเดินเหินกลับยังคงรวดเร็วเบาแผ่วดุจนกนางแอ่น เดิมทีทั้งครอบครัวสุขสันต์ชีวิตคึกคักแจ่มใส ผลกลับได้รับพระราชโองการฉบับนี้ลงมากะทันหัน
——
[1] วุ้นเย็นเสฉวน หรือปิงเฟิ่น (冰粉) เป็นขนมวุ้นหวานเย็น ตัววุ้นสีใสกินกับน้ำเชื่อมน้ำตาลแดง อาจใส่เครื่องเคียงพวกถั่วธัญพืชเพิ่มเติม นิยมทานในฤดูร้อน มีต้นกำเนิดในมณฑลเสฉวน
[2] ก๋วยเตี๋ยวเส้นใสเย็น หรือเหลียงเฟิ่น (凉粉)เส้นก๋วยเตี๋ยวยืดหยุ่นสีขาวทำจากแป้งถั่วเขียว นำมาคลุกเคล้ากับซอสรสเผ็ด
[3] พุดดิ้งนมสด หรือซวงผีหน่าย (双皮奶) เกิดจากกรรมวิธีเทนมสดซ้ำสองรอบ รอบแรกให้เกิดชั้นหุ้มก่อนหนึ่งชั้นแล้วค่อยใส่นมอีกชั้นลงไป ลักษณะคล้ายเต้าฮวยแต่ทำจากนมสด มักโรยหน้าด้วยถั่วหรือผลไม้ต่างๆ