เพราะรักสลักใจ - ตอนที่ 822
หนีไม่พ้นจวนฮู่กั๋วกงดังคาด
เวลานี้จ้าวเซิงเองก็ลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า เย็นนี้เขากินอาหารเข้าไปค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงโดนพิษเข้มมากทีเดียว หากมิใช่เพราะกำลังภายในและปัจจัยแต่ละด้านค่อนข้างดีล่ะก็คงไม่ฟื้นขึ้นมาเร็วขนาดนี้
ชุ่ยหลิวเห็นซูเซียงกับจ้าวเซิงต่างไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงจึงค่อยระบายลมหายใจโล่งอกยาวๆ จากนั้นไปปลุกพวกองครักษ์มังกรทีละคน
เช้ามืด ณ พระตำหนักโซ่วอัน พระพันปีถูกปลุกให้ตื่นจากบรรทมด้วยเสียงฝีเท้าเร่งรีบ แม่นมยังไม่ทันเปิดปากพระนางก็ลุกขึ้นนั่งบนเตียงแล้ว “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
แม่นมเร่งฝีเท้าเข้ามาสองก้าว เอ่ยเสียงเบา “เทียนฉานเพิ่งกลับมารายงาน องค์ชายกับหวังเฟยถูกโจมตีตรงนอกเมือง แต่ดูเหมือนไม่ได้รับบาดเจ็บเพคะ ”
“เรื่องเป็นมาอย่างไร? ฝ่ายตรงข้ามเป็นใครสืบรู้หรือไม่?!” พระพันปีทรงกริ้วแล้วอย่างแท้จริง แม้แต่หลานชายหลานสะใภ้ของนางยังกล้าลอบสังหาร นี่มิใช่ไม่เห็นหัวนางเลยหรอกหรือ!
แม่นมส่ายหน้า “ตามที่เทียนฉานรายงาน น่าจะมิใช่คนของฝ่าบาทกับรัชทายาท วรยุทธ์ของพวกเขาไม่ได้ดีมาก ทั้งยังล้วนเป็นพวกลิ่วล้อ ไม่มีหน้ามีตา”
“หา? เจ้าบอกว่าพวกเขาวางยาในของกินรึ?!” พระพักตร์พระพันปีเย็นเยียบถึงขีดสุด “เช่นนั้นเซียงเอ๋อร์เล่า ได้กินหรือไม่ แล้วบาดเจ็บถึงเด็กในท้องหรือไม่? ”
“รายละเอียดหม่อมฉันไม่รู้ชัด แต่ตามที่เทียนฉานกลับมาแจ้ง ดูเหมือนเป็นเพราะหวังเฟยเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ไม่อยากอาหาร น่าจะไม่ได้กินของพวกนั้น ตอนนางไปหวังเฟยเป็นคนมีสติที่สุด ดูแล้วเป็นปกติดี”
พระพันปีจึงค่อยโล่งอก กล่าวเสียงต่ำ “สืบ! ไปสืบ อายเจียอยากจะเห็นนัก มันผู้ใดคิดทำร้ายหลานชายหลานสะใภ้ของอายเจีย?!”
ในตอนที่พวกซูเซียงกับจ้าวเซิงกำลังจะพักผ่อนกันอีกครั้ง กลับเห็นนักพรตเสียงอวิ๋นไสตัวเข้ามาในสภาพโงนเงนโชกเลือด “เด เดรัจฉาน้อยของข้าบาดเจ็บหรือไม่?”
ทีแรกซูเซียงเห็นสภาพนี้ของเขาก็เป็นห่วงเหลือประมาณ ทว่าตาแก่คนนี้เปิดปากปุ๊บก็เรียกแต่เดรัจฉานน้อย ไม่ถามไถ่ว่าคนอื่นๆเป็นอย่างไรบ้าง!
ซูเซียงลุกขึ้นตรวจดูอาการบาดเจ็บให้เขาทันที ยิ่งมองสายตาก็ยิ่งเคร่งเครียด ทว่าปากกลับพูดไม่รักษาน้ำใจคน “ท่านก็เห็นอยู่ว่าข้ายังอยู่ดี ท้องก็ยังอยู่ เดรัจฉานน้อยนั่นของท่านจะเป็นอะไรไปได้?”
“ฮิๆ ไม่เป็นไรก็ดี ไม่เป็นไรก็ดี! พวกชาติชั่วนั่น ข้าไม่ยอมปล่อยพวกมันไปแน่!” นักพรตเสียงอวิ๋นพูดแล้วตาขาวก็พลิกสลบลงไป
ซูเซียงโกรธจนตัวสั่น ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเป็นผู้ใดต้องการชีวิตของพวกเขา? ยังมีนักพรตชราผู้นี้ ปกติยามอยู่ในบ้านเนื้อไม่กิน มดสักตัวยังไม่กล้าเหยียบ นี่มันสถานการณ์อะไรกันแน่ถึงทำให้เขาถือดาบไปฆ่าคน?!
เห็นร่างโชกเลือดนี้ของเขา หากมิใช่ต่อสู้เอาชีวิตกับคนแล้วจะกลายเป็นสภาพนี้ได้อย่างไร?! ทั้งยังสามารถทำให้เขาบาดเจ็บถึงขั้นนี้ บอกได้ชัดว่าฝีมือของฝ่ายตรงข้ามไม่ด้อยเลย
คู่สามีภรรยาซูเซียงกลัวว่านักพรตชราจะเกิดเรื่อง แม้หมอบอกแล้วว่าบาดเจ็บเพียงผิวหนังชั้นนอก ทว่าพวกซูเซียงยังอยู่เฝ้าข้างๆตลอดทั้งคืน จนกระทั่งใกล้เที่ยงวันแล้วนักพรตชราจึงค่อยตื่นขึ้นอย่างเชื่องช้า
ดื่มโจ๊กอึกๆไปพลาง ปากก็พร่ำด่าไปพลาง “พวกชาติชั่วฝูงนั้น ข้าจะฆ่าพวกเขาให้หมด ช่วยสรรพสัตว์ไม่ให้ถูกทำร้าย! ”
“พอแล้วๆ ท่านพูดให้น้อยลงหน่อย รีบดื่มโจ๊กแล้วนอนพักผ่อน ดูแผลทั้งตัวท่านสิเนี่ย” ซูเซียงเห็นสภาพของเขาแล้วก็ทั้งร้อนใจทั้งรู้สึกผิด
ตนไม่เคยพูดจาดีๆทำสีหน้าดีๆกับนักพรตชราเลย แต่ผู้อื่นกลับจิตใจแน่วแน่สู้สุดชีวิตเพื่อปกป้องลูกของตน ซูเซียงไม่รู้เลยว่าตัวเองเดินไปเหยียบโชคขี้หมา[1]อะไรมา ถึงได้พบเจอผู้อาวุโสดีๆเช่นนี้ ทว่าว่าแต่ไรมานางพูดจาอ่อนหวานไม่เป็น แม้เป็นคำห่วงใยแต่พอออกมาจากปากนางแล้วดูเหมือนไม่น่าฟังเท่าไหร่
แต่นักพรตอาวุโสไม่ถือสา กรอกโจ๊กเนื้อลงไปอึกๆทั้งชามแล้วเริ่มบ่นโวยวาย “เห็นคนทำลับๆล่อๆอยู่ข้าก็ไล่ตามไป คิดไม่ถึงว่าถึงกับเป็นญาติสายแยกคนหนึ่งของตระกูลจ้าวกับฮู่กั๋วกงร่วมมือกันทำร้ายพวกเจ้า ข้าทำลายรังของพวกมันหมดแล้ว หึหึ ดูสิพวกมันยังกล้าเหิมเกริม!”
สีหน้าของจ้าวเซิงเย็นเยียบ แม้ยามปกตินักพรตชราผู้นี้ทำเรื่องไม่เข้าท่าอยู่บ้าง ทว่าแต่ไรมาเขาไม่พูดโกหก
——
[1] โชคขี้หมา (狗屎运) หมายถึงโชคดี ใช้ในความหมายเชิงประชดเล็กน้อย