เพราะรักสลักใจ - ตอนที่ 823
สิ่งใดเรียกว่าหวงวาจาดุจทอง
เห็นทีน้ำที่นี่คงลึกมากทีเดียว เขาคิดว่าตัวเองเตรียมพร้อมครบถ้วนแล้ว คิดไม่ถึงว่ายังถูกคนปองร้ายได้อีก ระหว่างเข้าเมืองหลวงครานี้เรียกได้ว่าอันตรายทุกฝีก้าว ยังไม่ทันเข้าเมืองหลวงก็เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นแล้ว
ดูเหมือนนักพรตชราจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ล้วงกระดาษหนังวัว[1]แผ่นหนึ่งออกมาจากในอก “เอ้อ ข้ายังเจอนี่ในคดีของพวกเขาด้วย เจ้าดูนี่ ไยข้าเห็นว่าเหมือนแผนที่ลับทางการทหารยิ่งนักเล่า”
จ้าวเซิงรับกระดาษหนังวัวแผ่นนั้นมาอย่างรวดเร็ว ต่อมาอุณหภูมิทั้งร่างกายของเขาลดลงทีละคืบ แม้กระทั่งซูเซียงยังรับรู้ได้ นางดึงมือเขาไว้ “ใจเย็นไว้ มีเรื่องอะไรคุยกันดีๆ”
จ้าวเซิงนำกระดาษหนังวัวแผ่นนั้นวางตรงหน้าซูเซียง “เจ้าดูนี่สิ”
ซูเซียงรับแผนที่มาอ่านดูอย่างละเอียด หัวคิ้วขมวดขึ้นมาเล็กน้อย “นี่มัน นี่มันแผนที่ภูมิประเทศและแนวป้องกันชายแดน?”
จ้าวเซิงตอบเสียงอืมเรียบๆ ดูท่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับฮู่กั๋วกงอย่างที่คิด เพียงแต่น่าเสียดาย เสด็จพ่อกับเสด็จพี่รัชทายาทในตอนนี้เกรงว่าคงไม่ได้ยืนอยู่ฝั่งเขาแล้วกระมัง
ซูเซียงเองก็รู้ว่ามีผิดถูกจริงเท็จในเรื่องนี้ ทอดถอนใจหนึ่งเสียง “ไม่เป็นไร เรายังมีเสด็จย่าอยู่ แม้นเสด็จย่ามิได้ทำเพื่อเรา แต่คงไม่อาจเห็นใต้หล้าโกลาหลอยู่กับตาแล้วไม่ช่วยเหลือ”
“อะไร?” เด็กอายุเจ็ดแปดขวบคนหนึ่งเดินเข้ามา น้ำเสียงเนือยๆ
ใครล่ะนี่? เข้ามาได้อย่างไร?
ซูเซียงมองจ้าวเซิงด้วยความสงสัย ประสบเรื่องเมื่อคืนแล้วเหล่าองครักษ์มังกรควรเพิ่มการป้องกันระวังตัว ไฉนปล่อยใครก็ไม่รู้เข้ามาตามใจชอบ?
“เตี๋ยกู่” เด็กน้อยมองซูเซียงแล้วเอ่ยปากอย่างตระหนี่วาจา ราวกับว่าพูดมากกว่านี้อีกหนึ่งคำแล้วชีวิตนางจะหาไม่
มันบ้าบออะไรกันล่ะนั่น?!
ซูเซียงมึนงงเต็มหน้าอย่างแท้จริง แรกเริ่มยังคิดว่าเป็นเด็กน้อยคนหนึ่ง พิศมองอย่างละเอียด เกรงว่าวิชาเซียนนางไม่ตื้นเขินเลย! คนผู้นี้คือใคร? มาทำอะไร?
จ้าวเซิงหันกลับไปมองซูเซียงอย่างปลอบโยน แล้วจึงค่อยกล่าวกับเด็กน้อยคนนั้น “อาจารย์เจ้าจะออกจากถ้ำเมื่อไหร่?”
“ไม่รู้” เด็กน้อยหวงวาจาดุจทอง
จ้าวเซิงอยากต่อยคน มารดาเจ้าเถอะ ช่วยพูดมากกว่านี้สักสองสามคำไม่ได้หรือ? มีเรื่องอะไรเจ้าก็รีบพูดสิ หรือว่ามาเดินเล่น?
“ให้เจ้า” เด็กน้อยยังคงพูดอยู่สองคำ ส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้นักพรตชรา
และไม่รอให้คนรับไปเต็มมือนางก็ชักมือกลับแล้ว ตาเห็นว่าแผ่นกระดาษลอยล่องร่วงตกบนพื้นนางก็ยังไม่แยแส หมุนกายไปก็ไร้เงาร่างแล้ว ราวกับเป็นวิญญาณ
ถ้าไม่ใช่เพราะกระดาษแผ่นนั้นยังกระพืออยู่บนพื้น ซูเซียงต้องคิดว่าทั้งหมดที่ตัวเองเห็นเมื่อครู่เป็นเพียงจินตนาการไม่มีเด็กน้อยอะไรเข้ามาตั้งแต่แรก
นักพรตกลับไม่ได้โกรธเคือง ซ้ำยังหัวเราะมีความสุขพยายามลุกไปเก็บกระดาษข้างเตียงแผ่นนั้น มองออกว่าในสายตาของเขาเต็มไปด้วยชื่นชมยินดี ถึงขั้นยังมีความรู้สึกประเภทหนึ่ง…
อืม? จะพูดอย่างไรดีนะ เหมือนกับสายตาของจ้าวเซิงตอนมองตน
ตอนนี้เองชุ่ยหลิ่วหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาวางลงในมือของนักพรตชราแล้ว นักพรตชราตื่นเต้นกังวลจนนิ้วมือสั่น เปิดจดหมายออก ทันใดนั้นก็เปลี่ยนเป็นดีใจอย่างบ้าคลั่ง “นางส่งจดหมายให้ข้าแล้ว ฮ่าๆ นางยกโทษให้ข้าแล้ว ฮ่าๆ…”
นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกันเนี่ย?!
ซูเซียงรู้สึกเหมือนสมองของตัวเองใช้การไม่ได้ หรือไฟไหม้เมื่อวานเผาสติสตังนางไปแล้ว?
จ้าวเซิงเห็นท่าทางงงๆเอ๋อๆของนาง มุมปากก็ยกเส้นโค้งน่ามองเส้นหนึ่ง ลากซูเซียงมาอยู่ข้างกายเขา กระซิบข้างหูนาง “ผู้ที่ส่งจดหมายมาให้เป็นคนในดวงใจของเขา”
อ๋อ ซูเซียงเข้าใจแล้ว แต่มุมปากกระตุก แนบข้างหูจ้าวเซิง เอ่ยเสียงเบา “อายุปูนนี้แล้ว ไยยัง…”
“ไม่รู้จักอาย” สามคำนี้ สุดท้ายแล้วนางก็ไม่ได้พูดออกมา อย่างไรก็เห็นแก่ที่เขาช่วยเหลือตน จะไว้หน้าเขาหน่อยก็แล้วกัน
“อายุปูนนี้? ฮ่าๆ…” จ้าวเซิงหัวเราะแล้วบีบมือเล็กนุ่มนิ่มของซูเซียง “เรื่องนี้พูดแล้วยาว ไว้ข้าค่อยอธิบายให้เจ้าฟัง อีกอย่างเขาไปทำอีท่าไหน ตอนนี้ถึงได้กลายสภาพแปลกประหลาดเช่นนี้ข้าเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจนัก”
ซูเซียงฟังแล้วก็รู้สึกว่าคงมีนิทานเรื่องยาวอยู่ภายใน ถึงขั้นอาจมีเรื่องพิสดาร อะไรคือเรียกว่า “ตอนนี้กลายสภาพแปลกประหลาด”? หรือว่าเมื่อก่อนนักพรตชราคนนี้ไม่ได้รูปร่างหน้าตาแบบนี้?
——
[1] กระดาษหนังวัว (牛皮纸) หมายถึงกระดาษคราฟท์ คือ กระดาษที่ผลิตได้จากกระบวนการคราฟท์ซึ่งเป็นการใช้เทคโนโลยีในการแปลงสภาพจาก เนื้อไม้เป็นเยื่อกระดาษไม้ โดยใช้สารเคมีและความร้อนในการแยกเยื่อ และขจัดลิกนิน เยื่อกระดาษที่ได้จากกระบวนการคราฟท์นี้ จะได้กระดาษที่มีความแข็งแรงหรือเหนียวกว่ากระดาษชนิดอื่น โดยปกติกระดาษคราฟท์จะมีสีน้ำตาล ตามสีของเนื้อไม้ที่นำมาผลิต ในอดีตอาจหมายถึงหนังวัวแผ่นบางที่นำมาใช้แทนกระดาษจริง หรือหมายถึงกระดาษสีน้ำตาลทำจากเยื่อไม้ที่มีความเหนียวทนทาน