เพราะรักสลักใจ - ตอนที่ 825-826
ตอนที่ 825 ในที่สุดพระพันปีก็ได้พบหลานสะใภ้ของตน
ซูเซียงไปเข้าเฝ้าพระพันปีก่อน ระหว่างทางแม่นมชราปฏิบัติต่อนางอย่างรักใคร่เป็นมิตร พูดพลางยิ้มพลาง สิ่งนี้ทำให้ความรู้สึกกังวลเรื่องเล็กน้อยของซูเซียงคลายลงไปได้มาก
พระพันปีเองก็บอกไม่ถูกว่าเพราะเหตุใด พอนางรู้ว่าซูเซียงกำลังจะมาเข้าเฝ้านางก็ถึงกับตื่นเต้นขึ้นมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว เดี๋ยวก็ถามบ่าวรับใช้ข้างกายว่าหวีพระเกศาเรียบร้อยดีแล้วหรือยัง เดี๋ยวก็ถามว่าฉลองพระองค์บนตัวเหมาะสมหรือไม่ ราวกับคนที่นางจะพบเจอมิใช่อนุชนคนหนึ่ง แต่เป็นคนสำคัญมากในชีวิต
หลังผ่านการรับรองสามรอบแล้ว พระพันปีจึงเดินวนไปวนมาอยู่ภายในห้อง
เวลานี้ได้ยินเสียงร้องของขันที “เซียงหรงจวิ้นจู่เข้าเฝ้า…”
พระพันปีไม่สนใจฐานะอะไรแล้ว ตะลีตะลานออกไปต้อนรับ ซูเซียงเพิ่งเข้าประตูก็เห็นผู้อาวุโสท่านหนึ่งกำลังสาวเท้าเร่งมาทางนาง ไม่รู้เพราะเหตุใด เพียงเห็นก็รู้สึกสนิทสนมกับผู้อาวุโสท่านนี้ขึ้นเป็นเท่าตัว
ตอนพระพันปีจับมือนางไว้ ซูเซียงรีบยอบกายคุกเข่าลงไป “เซียงหรงถวายบังคมพระพันปี ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆ ปี”
เดิมทีซูเซียงทนดูกฎพิธีรีตองในวังแห่งนี้ไม่ได้ คิดเสมอว่าคนเราเท่าเทียมกัน คุกเข่าให้ฟ้า คุกเข่าให้ดิน คุกเข่าให้บิดามารดา ทำไมต้องคุกเข้าให้คนอื่น ทว่าวันนี้กลับนางคุกเข่าจากใจริง ไม่มีความคิดฝืนใจแม้แต่น้อย และนางเรียกตัวเองว่าเซียงหรงแทนที่จะเป็นซูเซียง เพราะบรรดาศักดิ์นี้เป็นชื่อที่พระพันปีพระราชทานให้แก่นาง นับเป็นการให้เกียรติอย่างหนึ่ง
พระพันปีรีบให้คนประคองซูเซียงขึ้นมา จูงมือนางนั่งบนตั่งนุ่ม คิ้วตาอมยิ้ม ตบมือของนางไม่หยุด “ดี ดี ดี เป็นเด็กดี เป็นเด็กดี… ”
จากนั้นก็วางสายตาลงบนท้องของซูเซียง “ครรภ์นี้ดูท่าเจ็ดเดือนกว่าแล้วกระมัง ทารกในครรภ์คงที่แล้ว ปกติกินอยู่หลับนอนยังสะดวกสบายหรือไม่?”
ซูเซียงไม่มีความรู้สึกตื่นเต้นกังวลแล้ว ยิ้มน้อยๆ ลูบท้องของตัวเองทูลตอบพระพันปี “เป็นพระกรุณาธิคุณไท่โฮ่วเหนียงเนี่ยงทรงห่วงใย ลูกในท้องแข็งแรงดี ใกล้เข้าแปดเดือนแล้ว ยามปกติยังกินดีนอนหลับดีเพคะ จ้าวเซิงผู้นั้นแม้ไม่ละเอียดอ่อนแม้แต่น้อย ทว่ากับข้าและลูกล้วนเอาใจใส่มากทีเดียว ”
วาจานี้ของซูเซียงมากน้อยก็ยังจาบจ้วงอยู่บ้าง อย่างไรต่อให้เป็นชายาเอกนั่นก็มิอาจเอ่ยนามขององค์ชายโดยตรงต่อหน้าลับหลังคนได้ ทว่าซูเซียงกลับพูดออกมาเป็นปกติ สิ่งนี้ทำให้พระพันปีพอพระทัยยิ่งนัก อย่างน้อยก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองสามีภรรยาว่าดีมากอย่างแท้จริง
“ดีๆ เขาดีกับเจ้าก็ดีแล้ว ถ้าเขากล้ารังแกเจ้า เจ้าบอกอายเจีย อายเจียจะต่อยเขาให้กลิ้งเลยคอยดู เด็กคนนี้ หนังเหนียวตั้งแต่เด็ก เจ้าไม่ชกเขาสักหมัดก็ไม้รู้จักเจ็บหรอก!”
พระพันปีพูดติดตลกพลางรับน้ำชาและของว่างที่แม่นมยกมาส่งให้ซูเซียง “คาดว่าเข้าวังมาแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรเลยกระมัง ตอนนี้เจ้าหนึ่งคนกินสองคนอิ่ม อย่าได้ว่างเว้น อีกอย่าง นี่เป็นของกินในวังหลวงต้องระมัดระวัง นอกจากของที่อายเจียส่งให้เจ้ากับมือแล้วอย่างอื่นห้ามรับส่งเดช เข้าใจหรือไม่?”
ในใจซูเซียงตะลึงงันอยู่เล็กน้อย แต่นางเองก็เข้าใจ ทุกคนในวังแห่งนี้ล้วนแต่งองค์ทรงเครื่องงดงาม ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนโอ่อ่าหรูหรา ทว่าแท้จริงแล้วในใจนั้นสกปรกมากเพียงใดใครเล่าจะบอกได้!
เพื่อลูกในท้อง นางจำเป็นต้องระวังแล้วระวังอีก โชคดีที่ยังมีตำหนักพระพันปีเป็นสถานที่ปลอดภัยไว้แห่งหนึ่ง ได้กินอะไรบ้างเล็กน้อย
ซูเซียงรีบรับของที่พระพันปีส่งมา ยิ้มตาหยีกล่าว “ขอบพระคุณพระพันปี พูดแล้วท้องก็หิวขึ้นมานิดหน่อยแล้วเพคะ”
“เจ้าเด็กคนนี้ หิวแล้วก็ไม่รีบบอก ถ้าอายเจียไม่ถามเจ้ามิพักต้องอดรึ ใช่แล้ว ในเมื่อเจ้าเป็นภรรยาของเซิงเอ๋อร์ ต่อไปก็เปลี่ยนมาเรียกข้าว่าเสด็จย่าได้แล้ว” พระพันปีตรัสอย่างจริงจัง ทว่านัยน์ตากลับเจือแววหยอกล้อ
ซูเซียงกำลังยัดขนมชิ้นใหญ่เข้าปาก พอฟังคำของพระพันปีก็พลันก้มหน้างุด ใบหน้าแดงแจ๋ นางเองก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ตนซึ่งเป็นคนหนังหน้าหนาไม่เกรงฟ้ากลัวดิน บัดนี้มันเรื่องอะไรกัน ถึงกับรู้สึกหน้าร้อนลวก ใบหน้าคงแดงมากแน่ๆ นางไม่มีหน้าไปพบใครแล้ว!
ตอนที่ 826 วาจานี้นางจะตอบตกลงได้อย่างไร
ในเวลานี้เอง นอกประตูมีขันทีคนหนึ่งวิ่งเข้ามา “กราบทูลพระพันปี ฝ่าบาทเชิญเซียงหรงจวิ้นจู่ไปเตรียมพระกระยาหารที่ห้องเครื่องทันที”
พระพันปีถลึงตาโมโห ปาถ้วยชาในมือไปทางขันทีคนนั้น “ไม่เห็นหรือไร หลานสะใภ้ข้ากำลังตั้งครรภ์ กิน กิน กิน รู้จักแต่กิน! ห้องเครื่องมีอาหารที่พ่อครัวทำตั้งมากมายยังไม่พออีก หรือทำเสียมากขนาดนั้นไว้เลี้ยงให้หมูกิน?!”
เอ่อ…
ขนมชิ้นหนึ่งติดอยู่ตรงคอคอยซูเซียง กลืนไม่ลง คายไม่ออก นางคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าพระพันปีของแคว้นพูดขึ้นมาแล้วถึงกับ อืม ให้ตาย ถูกจริตนางเหลือเกิน
ขันทีผู้นั้นคุกเข่าโขกหัวตึงตังทันที ไม่สนใจว่าบนพื้นที่คุกเข่าอยู่นั้นมีเศษถ้วยแตกอยู่หรือไม่ เอาแต่โขกศีรษะจนเลือดไหล “ขอไท่โฮ่วเหนียงเนี่ยงโปรดประทานอภัย ขอไท่โฮ่วเหนียงเนี่ยงโปรดประทานอภัย กระหม่อมเพียงมาตามพระบัญชา พระพันปีโปรดไว้ชีวิต พระพันปีโปรดไว้ชีวิตด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
พระพันปีรับไม่ได้กับวิธีการนี้ของฝ่าบาทเป็นที่สุด มักใช้ชีวิตของผู้อื่นมาข่มขู่นาง หรือเห็นแค่ชีวิตของตนเป็นชีวิต พอเป็นชีวิตของผู้อื่นก็ไม่ใช่เสียแล้วหรือ?! ถ้ามิใช่ลูกที่ตนให้กำเนิด ปีนออกมาจากท้องของนาง ป่านนี้คงเฉดหัวไปแล้ว!
พระพันปีพลันบันดาลโทสะ ฉวยหมอนอิงข้างตัวได้ใบหนึ่งก็โยนออกไป “ไป กลับไปรายงานเจ้าลูกอกตัญญูนั่น คิดจะให้หลานสะใภ้และหลานชายของอายเจียทำให้พวกเขากิน ไม่กลัวจะติดคอตาย!”
ซูเซียงกลัวพระพันปีจะโมโหแล้วขว้างถ้วยชาที่อยู่ข้างนางด้วย จึงรีบยกขึ้นมากรอกเข้าปากอึกๆ สองคำ แล้วค่อยกลืนขนมลงไปได้อย่างยากลำบาก
ดังคาด ตอนที่นางยกถ้วยชาขึ้นพระหัตถ์ของพระพันปีก็ยื่นออกมาแล้ว ทว่ากลับคว้าได้ความว่างเปล่า บนหน้ากระอักกระอ่วนเล็กน้อย แต่หันหน้าไปตำหนิขันทีทันควัน “ยังไม่ไสหัวไป!”
ขันทีไม่พูดอย่างอื่น เพียงแค่คุกเข่าโขกศีรษะบนพื้นไม่หยุด “ขอไท่โฮ่วเหนียงเนี่ยงโปรดไว้ชีวิต ขอไท่โฮ่วเหนียงเนี่ยงโปรดไว้ชีวิต…”
ซูเซียงเองก็มองออกว่าเรื่องเป็นมาอย่างไร ก็แค่อยากให้นางไปทำอาหารมื้อเดียว ไยต้องเอาชีวิตคนมาข่มขู่ด้วย พอดีนางกับพระพันปีเป็นแนวเดียวกัน ทนดูไม่ได้เป็นที่สุดก็คือเรื่องประเภทนี้
ซูเซียงเห็นขันทีคนนี้แล้วก็นึกสงสาร ถ้าตนไม่ไปห้องเครื่องจริงๆ ล่ะก็ ไม่ต้องพูดถึงชีวิตของขันทีผู้นี้คงรักษาไว้ไม่ได้ ระหว่างพระพันปีกับฝ่าบาทบางทีอาจเกิดการทะเลาะขึ้นรุนแรง รู้กันอยู่ นี่ล้วนเป็นชนชั้นสูงสุดของประเทศ หากมีลมพัดใบหญ้าสั่นไหว สำหรับคนที่อยู่เบื้องล่างแล้วนั่นคือพายุฝนคาวโลหิตห่าหนึ่ง
ซูเซียงทอดถอนใจ แม้เวลาสถานที่ต่างกัน ทว่าล้วนเป็นดั่งที่เห็นในหนังสือประวัติศาสตร์ ภายนอก วังหลวงดูเหมือนโอ่อ่าหรูหรา ในความเป็นจริงนั้นเป็นสถานที่ดำมืดกลืนกินคนไม่คายกระดูก!
ซูเซียงคิดๆ แล้ว เลือกใช้ภาษาครู่หนึ่งแล้วค่อยเอ่ยปาก “พระกระยาหารเพียงมื้อเดียว เซียงหรงสามารถทำให้ได้ ขอไท่โฮ่วเหนียงเนี่ยงเห็นส่วนรวมเป็นสำคัญ”
ซูเซียงพูดแล้วยังส่งสายสายให้พระพันปี พระพันปีเดิมทีโกรธจนขึ้นสมอง ทว่าเห็นท่าทางเช่นนี้ของซูเซียงก็เข้าใจโดยพลัน เด็กคนนี้! เฮ้อ นี่มันช่าง….จิตใจดีเช่นนี้ ใจกว้างเช่นนี้จะเสียเปรียบเอาได้!
พระพันปีเป็นใคร? ล้มลุกคลุกคลานในวังหลวงกินคนไม่คายกระดูกแห่งนี้มานานเกินครึ่งชีวิตแล้ว สายตาที่ซูเซียงส่งมาให้นางมีหรือจะไม่เข้าใจ ชิงชังก็แต่บุตรโง่เง่าไม่ได้เรื่องที่ตนให้กำเนิดออกมา ซ้ำยังมองพลาด แต่งตั้งรัชทายาทผู้ไม่คู่ควรกับตำหนักบูรพา!
เห็นพระพันปีผ่อนคลายลง ซูเซียงจึงพูดต่อ “ไท่โฮ่วเหนียงเนียงโปรดวางใจรออยู่ในตำหนักเถิดเพคะ ประเดี๋ยวเซียงหรงจะกลับมาถวายบังคมพระองค์”
วาจานี้ของซูเซียงอันที่จริงก็ค่อนข้างจาบจ้วง อย่างไรพระพันปีหาได้ทรงอนุญาตให้นางไป นางเป็นคนบอกเองว่าจะไป หากพระพันปีไม่พอพระทัยขึ้นมา ต่อให้ประหารแล้วก็ยังถือว่าอยู่ในขอบเขตเหตุผล แต่พระพันปีกลับประทับใจต่อสิ่งนี้เหลือประมาณ ถอนพระทัยหนึ่งเสียง “เอาเถิด เอาเถิด เช่นนั้นเจ้ารีบไปรีบกลับ เตรียมของง่ายๆ สองสามอย่างให้หมูพวกนั้นกินก็พอแล้ว อย่าเปลืองแรงกระทบร่างกายตัวเอง!”
มุมปากซูเซียงกระตุก วาจานี้นางจะตอบตกลงได้อย่างไร? อาหารที่ทำเหล่านี้ต้องทำให้โอรส หลานชายและเหล่าลูกสะใภ้ของพระนางเชียวนะ…
พระพันปีตอบตกลงซูเซียงแล้วก็เรียกแม่นมคนสนิทของตนเข้ามา กระซิบข้างหูหลายประโยค จากนั้นยังมอบเข็มเงินเล่มหนึ่งให้แม่นมนางนั้น