เพราะรักสลักใจ - ตอนที่ 829-830
ตอนที่ 829 ไยไม่เข้าใจความตั้งใจดีของเขา
เขาตบๆ ชุดคลุมยาวบนร่างของตน ยืนขึ้นอย่างเฉยชา “ในเมื่อเสด็จพี่รัชทายาทมีธุระข้าก็ไม่รบกวนแล้ว ข้ากลับมาครานี้ยังมิได้ไปเข้าเฝ้าถวายบังคมเสด็จย่าน่ะ”
รัชทายาทเลือดเก่าคั่งติดอยู่ตรงคอหอย เขาอยากพุ่งเข้าไปตบหน้าปลุกสติน้องชายไม่ได้เรื่องคนนี้เสียบัดเดี๋ยวนี้! หญิงอำมหิตเป็นกาลกิณีบ้านเมืองแบบนั้นมีอะไรดีนักหนา?! แท้จริงแล้วซูย่วนไม่ดีตรงไหน ทั้งอ่อนโยนทั้งงดงาม ยังรู้หนังสือรู้หลักคุณธรรม สำคัญเลยคือฐานะสูงส่ง ถึงเวลาเป็นหวังเฟยมิใช่เหมือนเสือติดปีกหรอกหรือ?!
ทั้งหมดนี่เขาทำเพื่อใครกัน?! ก็เพื่อน้องชายโง่เขลาคนนี้ของเขา เพื่ออาณาจักรต้าหรงของพวกเขา น้องชายโง่งมคนนี้ไยไม่เข้าใจความตั้งใจดีของเขาบ้าง!
แต่รัชทายาทโกรธก็ส่วนโกรธ ยังกลืนไฟโทสะนั้นลงไป เขารู้ดีโกรธไปก็ไร้ประโยชน์ น้องชายของเขาคนนี้นิสัยดื้อรั้นเหมือนโคกระบือ เขาพูดไปก็รังแต่จะได้ผลตรงกันข้าม
หลังจากสูดหายใจแรงๆ สองหน บนหน้าก็ยกยิ้มอ่อนโยน “ก็ได้ๆ เราไม่พูดเรื่องนี้กันแล้วก็ได้ เจ้าเพิ่งกลับมา ไม่คิดจะเล่าเรื่องสนุกตอนอยู่ข้างนอกกับพี่ชายหน่อยรึ? เซียงหรงจวิ้นจู่ทางนั้นเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ก็อยู่ในตำหนักเสด็จย่ามิใช่หรือ จะเกิดเรื่องอะไรได้ ดูเจ้าร้อนรุ่มเข้าสิ”
ประโยคนี้ของรัชทายาทแม้พูดเสียงอ่อนโยนแต้มด้วยรอยยิ้ม ทว่าพูดไปพูดมาความหมายก็คือไม่ยอมรับซูเซียงเป็นจ้านหวังเฟย มิเช่นนั้นจะเรียกภรรยาของน้องชายว่าเซียงหรงจวิ้นจู่ต่อหน้าเขาหรือ?
จ้าวเซิงไม่พอใจอยู่บ้าง แต่เห็นพี่ชายรัชทายาทยอมอ่อนให้ตนแล้ว หากเขายังยืนกรานจะไปนั่นก็ไม่รู้รักษาน้ำใจแล้ว ไม่เคารพรัชทายาทก็ยังแล้วไป ผู้เป็นพี่ชายคงไม่ถือสาเขา แต่อย่างน้อยรัชทายาทก็เป็นพระเชษฐาของเขา มารยาทย่อมต้องมีกระมัง?
จ้าวเซิงรวบแขนเสื้อชุดคลุม นั่งลงใหม่อีกครั้ง รัชทายาทส่งสายตาให้นางกำนัลรับใช้ที่อยู่ด้านข้าง นางกำนัลคนนั้นรีบยกกาน้ำชาเข้ามาเติมชาให้จ้าวเซิงและรัชทายาท
เวลานี้รัชทายาทจึงเอ่ยขึ้น “พอแล้วๆ ดูเจ้าสินั่นหน้าดำเหมือนก้นหม้อแล้ว นี่ก็แค่ให้คำแนะนำเจ้าก็เท่านั้น ไม่เห็นด้วยก็แล้วไป ไหนเล่าหน่อย เจ้าอยู่ข้างนอกพบเจอเรื่องสนุกอะไรมาบ้าง? ได้ข่าวว่าราชครูก็ออกไปเช่นกัน พวกเจ้าเจอกันแล้ว?”
จ้าวเซิงพยักหน้า “เจอแล้ว ยังอยู่ในโรงเตี๊ยมของพวกข้ากินดื่มเสียเต็มคราบอยู่หลายวัน”
จ้าวเซิงจะตอบอย่างไรก็นับว่าไว้หน้ายอมอ่อนข้อให้รัชทายาท ไม่อยากให้มิตรภาพของพี่ชายน้องชายเกิดกำแพง สองคนพูดคุยกันอีกเล็กน้อย บรรยากาศค่อยๆ กลมเกลียวขึ้นมา
รัชทายาทยกชาขึ้นดื่มหลายคำใหญ่ จ้าวเซิงเองก็ไม่เคยคิดว่าการดื่มชาในตำหนักของรัชทายาทมีอันใดไม่เหมาะสม ขณะเดียวกันก็พูดจนกระหายน้ำจึงยกชาขึ้นดื่ม คิดไม่ถึงว่ากลับเกิดเรื่องขึ้น
หลังดื่มชาแล้ว โดยรวดเร็วจ้าวเซิงก็รู้สึกเวียนหัว เห็นคนตรงหน้าจากหนึ่งกลายเป็นสอง จากสองเปลี่ยนเป็นสี่ ส่ายไปส่ายมาอยู่ตรงนั้น ต่อมาก็ฟุบลงไปบนโต๊ะดังปัง
นางกำนัลด้านข้างรีบส่งยาเม็ดหนึ่งมาให้รัชทายาท “องค์รัชทายาทรีบเสวยเถิดเพคะ ยานี้ฤทธิ์แรง ยาถอนพิษที่พระองค์เสวยไปก่อนหน้าเกรงว่าไม่เพียงพอ อย่าให้บาดเจ็บพระวรกาย”
รัชทายาทรับมาก็ใส่เข้าปากกลืนลงพร้อมน้ำลาย และไม่สัมผัสถ้วยชาบนโต๊ะใบนั้นอีก
รัชทายาทกินยาเสร็จแล้วก็ยื่นมือออกตบ “แปะๆ” สองครั้ง ทันใดนั้นก็มีขันทีผู้สนองโอษฐ์เข้ามาในห้องบรรทมของรัชทายาทเปิดทางลับช่องหนึ่งออก รับสตรีแต่งกายผัดหน้างามแฉล้มนางหนึ่งออกมา
หญิงสาวสวมกระโปรงสีฟ้าอ่อน ศีรษะประดับด้วยดอกไม้น้อยสีเข้ากัน เครื่องผมมิได้หรูหรารุ่มร่าม บนใบหน้าก็มิได้แต่งแต้มเติมหนา ดูแล้วเบาบางสบายๆ ประทับใจคนอย่างยิ่ง เพียงแต่ ถ้าสามารถมองข้ามสีหน้าแปลกประหลาดบนใบหน้านางไปได้นั่นก็จะสมบูรณ์แบบมาก
เห็นนงคราญค่อยๆ ออกมา รัชทายาททอดพระเนตรดวงหน้างามงดของนางอยู่เนิ่นนาน สุดท้ายถอนใจลึกๆ ช่างเถิดๆ ความสุขของซูย่วนสำคัญยิ่งกว่า
ซูย่วนคารวะอย่างนิ่มนวลแช่มช้อย “ซูย่วนซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณองค์รัชทายาท ภายภาคหน้าจักดูแลอ๋องสงครามเป็นอย่างดี ใช้ชีวิตอย่างสุขสมหวัง”
รัชทายาทหวังให้ซูย่วนมีความสุขสมปรารถนา ซูย่วนกล่าวเช่นนี้ก็ยิ่งทิ่มแทงขั้วหัวใจของเขา ขอบตาแดงร้อน สุดท้ายทำได้เพียงโบกมือกล่าว “ที่ข้าช่วยเจ้าได้ก็มีเพียงเท่านี้ ต่อไปต้องใช้ชีวิตให้ดีๆ”
ตอนที่ 830 คิดอยากหุงข้าวสารเป็นข้าวสุก[1]
รัชทายาทถอนหายใจหนึ่งเสียง ไล่คนทั้งหมดออกไป ตัวเขาเองกลับยืนอยู่ตรงหน้าประตูใหญ่ช่วยเฝ้ายาม ในหัวใจคันยิบร้อยตลบ แต่เพื่อให้สตรีที่ชอบมีความสุขเขาจำยอมอดทน ทนจนดวงตาแดงผ่าว กำปั้นบีบเข้าหากันแน่นหนัก
เพื่อน้องชายของเขาแล้วซูย่วนถึงกับยอมละทิ้งชื่อเสียง ทำถึงขั้นนี้ ถ้าในอนาคตจ้าวเซิงกล้าทำไม่ดีต่อซูย่วน เขาจะต่อยคนให้ฟันร่วงเต็มพื้น
ก่อนกลุ่มคนออกไปได้ประคองจ้าวเซิงมานอนบนตั่งเตี้ยในห้องโถงข้างแล้ว เวลานี้ ซูย่วนเห็นทั้งตำหนักไร้คน มุมปากก็ยกยิ้มสมประสงค์ ยื่นมือลูบสัมผัสบนแก้มของจ้าวเซิงเบาๆ “ท่านอ๋องเจ้าขา สตรีผู้น้อยรักท่านจากใจจริง แต่ไยท่านถึงใจร้ายกับสตรีผู้น้อยถึงเพียงนี้…”
“เคยให้ท่านรับข้าเป็นเช่อเฟยแล้วท่านก็ไม่ยินยอม ถึงได้ล่วงเลยมาถึงขั้นนี้ นับแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าจะเป็นชายาเอกของท่านสมใจแล้ว แปลกใจหรือไม่? ตกใจหรือเปล่า? ฮิๆ …”
พูดถึงตรงนี้ บนหน้าซูย่วนก็ปรากฏแววโหดเ**้ยมขึ้นฉับพลัน ริมฝีปากบิดเบี้ยวไปอีกด้าน “ท่านว่า หลังข้าขึ้นเป็นชายาเอกแล้วจะจัดการนางแพศยานั่นอย่างไรดี? ขายเข้าซ่องโสเภณีหรือสับนางเป็นเนื้อบดเอาไปป้อนสุนัขดี? ไม่ นางได้เปรียบเกินไป ก่อนอื่นข้าต้องกรีดใบหน้า แล้วค่อยเฉือนเนื้อนางทีละนิด ให้นางเบิกตามองเนื้อของตัวเองถูกสุนัขกินทีละคำ ทีละคำ ฮ่าๆ ท่านว่าแบบนี้น่าสนุกดีไหม…”
ซูย่วนพูดพลางปลดชุดแพรพรรณบางเบาของตนลงมา เหลือเพียงเอี๊ยมและกางเกงชั้นในสีฟ้าอ่อนด้านใน เอื้อมมือไปถอดเสื้อผ้าของจ้าวเซิง ดึงแหวกพลางกล่าว “ข้าคิดอยู่แล้วเชียว ร่างกายของอ๋องสงครามคงมีรอยดาบมากมาย ความดีความชอบทางทหารอันสูงส่งองอาจย่อมได้มาจากการทุ่มเทสุดชีวิต พูดตามจริงแล้ว ข้าเองก็คิดหวังให้ร่างกายของสามีในอนาคตสะอาดหมดจด แต่ใครใช้ให้ท่านเป็นอ๋องสงครามเล่า ใครใช้ให้ท่านมีรูปโฉมปานเทพเซียนเช่นนี้เล่า? เรื่องอื่นน่ะหรือ สตรีผู้น้อยก็ไม่ถือสาหรอก แต่ว่า ท่านดูสิ สตรีผู้น้อยไม่ได้ความเป็นธรรมเช่นนี้ ต่อไปท่านต้องดีกับสตรีผู้น้อยนะเจ้าคะ…”
แท้จริงแล้วในตอนที่กลุ่มคนพยุงเขาไปนอนตรงห้องข้างจ้าวเซิงก็มีสติรับรู้เล็กน้อยแล้ว แต่ทั้งร่างกายกลับไร้เรี่ยวแรงลืมตาไม่ขึ้น คำพูดของซูย่วน แน่นอนว่าฟังเข้าไปในหูของเขาไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียว
ก่อนเข้าวังเขาเองก็คาดการณ์ได้ว่าอาจเกิดสถานการณ์บางอย่างที่ควบคุมไม่ได้ อย่างไรเสียในวังหลวงนี้เสน่ห์ยาแฝด กลอุบายต่ำทรามสารพัดแบบล้วนมีมาไม่ขาดสาย ก่อนมาสองสามีภรรยาก็กินยาลูกกลอนถอนพิษ ถอนยาเสน่ห์ไว้แล้ว ซึ่งก็เป็นยาที่เด็กหญิงมอบให้พวกเขาเมื่อคราแรก มิเช่นนั้นเขาเองก็คงไม่กล้าบุ่มบ่ามนำยาให้ซูเซียงกิน
ทว่ายานั้นกินเป็นเวลานานแล้ว ต่อมากอรปกับรักษาไม่ตรงจุดสมบูรณ์ หลังดื่มยาเสน่ห์ลงไปจ้าวเซิงจึงวิงเวียนอยู่พักหนึ่ง บัดนี้ พละกำลังค่อยๆ ฟื้นกลับมา สายความคิดก็ค่อยๆ แจ่มชัด
และในเวลานี้เอง เขารับรู้ถึงความหนาวเย็นบนร่างกาย ดูเหมือนมีบางอย่างกำลังไต่เลื้อยไปมาบนร่างกายเขา จ้าวเซิงรวบรวมพลังเปิดคู่ดวงตาขึ้นทันที พลันเห็นใบหน้าที่เขาไม่เห็นเป็นที่สุด
ที่สำคัญเลยคือผู้หญิงคนนี้กำลังทำอะไรอยู่?!
กำลังถอดเสื้อผ้าของเขา! ซ้ำมือของคนสารเลวผู้นี้ยังลากไล้ไปมาบนร่างกายเขา ทำทุกอย่างตามใจชอบ!
วินาทีนี้ จ้าวเซิงขยะแขยงจนแทบอาเจียนลำไส้ของตนออกมา ก็เพราะตอนนี้ทั้งกายทั้งใจของผู้หญิงคนนี้ล้วนอยู่บนตัวเขา ด้านหนึ่งสัมผัสเรือนร่างแข็งแรงของเขา ด้านหนึ่งพึมพำพูดกับตัวเอง “ร่างกายนี้แข็งแรงบึกบึนจริงดังคาด ท่านอ๋องผู้สูงส่งผิดกับพวกผู้คุ้มกันไม่มีหน้ามีตาพวกนั้น ดูสิ จุ๊ๆ เพียงแต่น่าเสียดาย รอยดาบเต็มร่างไปหมด…ไม่รู้เหมือนกันว่าความสามารถด้านนั้นจะแข็งแกร่งหรือไม่ จะสู้เจ้าโง่สองตัวข้างกายข้าได้ไหม ฮิฮิ…”
ในใจจ้าวเซิงมีไฟโทสะขุมหนึ่งโหมกระหน่ำ เขาไม่ได้โง่ ย่อมฟังเจตนาในวาจาของผู้หญิงคนนี้ออก มาตรว่าหญิงสารเลวนางนี้ไม่เพียงแต่คิดสกปรกกับเขา แต่ยังมั่วโลกีย์กับผู้คุ้มกันข้างกายนางด้วย!
——
[1] หุงข้าวสารเป็นข้าวสุก (生米煮成熟饭) หมายถึง เรื่องราวเลยจุดที่จะเข้าไปแก้ไขหรือปรับเปลี่ยนได้อีก ความหมายใกล้เคียงกับสำนวนไทยว่า ‘สายเกินแก้’