เพราะรักสลักใจ - ตอนที่ 831-832
ตอนที่ 831 ซูเซียงหกล้ม
โทสะจ้าวเซิงพลุ่งพล่านออกจากในใจ รวบรวมกำลังทั้งร่าง ฟาดมือ ‘เพี๊ยะ’ ตบซูย่วนลอยออกไป
ซูย่วนชนกำแพงดังตึง แล้วกลิ้งหลุนๆ ไปบนพื้น พ่นเลือดสดออกมาหนึ่งคำ
จ้าวเซิงยิ่งคิดยิ่งไม่ถูกต้อง เสด็จพี่รัชทายาทจงใจกักขังเขาไว้ให้เขาสัมฤทธิ์ผลกับซูย่วน เช่นนั้นทางซูเซียงอาจเกิดปัญหาขึ้นหรือไม่?
จ้าวเซิงรีบเร่งจัดการเสื้อผ้าอาภรณ์ให้เรียบร้อย ปลายหูกลับได้ยินคำรายงานขององครักษ์กับรัชทายาทด้านนอกประตู บอกว่าซูเซียงรับพระบัญชาไปยังห้องเครื่องแล้ว พระกระยาหารเตรียมไว้เพรียบพร้อม ทูลถามรัชทายาทว่าจะเสวยที่ใด?
จ้าวเซิงเวลานี้สั่นสะท้านทั้งหัวใจ คนที่เติบโตมาในวังหลวง ไยจะไม่รู้ว่านั่นเป็นอุบายปรักปรำอย่างหน้าไม่อาย ไหนเลยยังสนใจจัดเสื้อผ้าตัวเอง หันร่างก็เดินตรงไปด้านนอก คิดไม่ถึงว่าซูย่วนที่อยู่บนพื้นกลับกอดขาอ่อนของเขาไว้ ร่ำร้อง “ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง ท่านจะทำเช่นนี้กับบ่าวมิได้ บ่าวเป็นคนของท่านแล้ว…”
นางหญิงสมควรตาย นี่มันเวลาไหนแล้วยังไม่ล้มเลิกเป้าหมายของตัวเอง!
บัดนี้จ้าวเซิงไหนเลยยังสนใจนาง ขาเตะออกไปหนึ่งที ซูย่วนชนกระแทกกำแพงดัง ‘ปัง’ คราวนี้สลบไปอย่างสมบูรณ์
ได้ยินความเคลื่อนไหวด้านในห้อง รัชทายาทรู้สึกไม่ดี รุดหน้าพุ่งเข้ามา กลับเห็นจ้าวเซิงจัดการเสื้อผ้าพลางสาวเท้าก้าวออกมาข้างนอกด้วยใบหน้าดำทะมึน ตอนถึงหน้าประตูก็โคจรพลังวิชาตัวเบาทะยานตัวออกไปทันที
รัชทายาทและองครักษ์ในตำหนักทุกผู้ทุกคนต่างตะลึงอึ้งค้างอยู่กับที่ พวกเขาล้วนทราบดีว่าจ้าวเซิงวรยุทธ์สูงส่งแต่คิดไม่ถึงว่าวิชาตัวเบาจะบรรลุสมบูรณ์ถึงขั้นนี้
รัชทายาทโมโหเดือดดาล เพียงเพื่อสตรีคนหนึ่ง แม้กระทั่งพลังขั้นไม้ตายไว้รักษาชีวิตก็ยังเปิดเผยอย่างไม่หวงแหน ปีศาจจิ้งจอกตนนั้น หญิงแพศยาสมควรตาย!
บัดนี้ คนทั้งหลายล่วงรู้แล้วว่าจ้าวเซิงมีวรยุทธ์สูงส่งเช่นนี้ หากมีผู้ใดวางกับดักทำร้ายน้องชายของตน รัชทายาทรับรองเลยว่าเขาจะต้องฆ่าล้างตระกูลซูเซียงให้ตายไร้หลุมฝังศพอย่างแน่นอน!
ต่อมารัชทายาทก็ตื่นตกใจ ไม่ถูก เมื่อครู่ได้ยินเสียงซูย่วน?
กลับเข้าในห้องทันที แต่เห็นซูย่วนสลบอยู่ตรงมุมกำแพง น้ำโลหิตบนศีรษะไหลออกมาเป็นสาย
รัชทายาทรีบทอดเสื้อคลุมลายพญางูห่มร่างให้นาง “ใครก็ได้ เร็วเข้า ใครก็ได้! รีบไปตามหมอหลวง!”
รัชทายาทร้อนรนสุดประมาณ โกรธกริ้วแทบกระทืบเท้า อุ้มซูย่วนวางลงบนเตียงในห้องบรรทมของเขาอย่างระมัดระวัง จากนั้นตะโกนเสียงดังออกไปทางคนด้านนอก “ทำอะไรกันอยู่เล่า ไยหมอหลวงยังมาไม่ถึง!”
บัดนี้รัชทายาทเสียสติไปแล้วจริงๆ เพียงเพื่อหญิงโง่เง่าคนนั้น เพียงเพื่อหญิงอำมหิตคนนั้น น้องชายของตนไม่นึกเสียดายที่จะแตกหักกับเขา ซ้ำยังใจดำทำร้ายซูย่วนเสี้ยนจู่ผู้จิตใจดี ทั้งยังรักเขาขนาดนี้ มโนธรรมของเขาถูกสุนัขกินไปแล้วหรือ หรือว่าถูกนางจิ้งจอกนั่นทำลายเสียแล้ว!
ซูเซียงจัดสำรับอย่างสุดท้ายเสร็จแล้ว ระบายลมหายใจยืดยาว แม้นางมีพื้นฐานวรยุทธ์อยู่บ้าง และเป็นคนที่ทำงานออกแรงอยู่เป็นประจำ แต่อย่างไรก็เป็นคนท้องเจ็ดแปดเดือน หากบอกว่าไม่เหนื่อยเลยสักนิดนั่นคงโกหกแล้ว
แม่นมย่อมมองออก ยื่นมือมาประคองนาง “เรื่องทางนี้จัดการพอสมควรแล้ว เชิญจวิ้นจู่ตามหม่อมฉันกลับไปพระตำหนักโซ่วอันก่อนเถิดเพคะ”
ซูเซียงพยักหน้า จริงด้วย เวลานี้มีเพียงตำหนักโซ่วอันของพระพันปีที่ปลอดภัยที่สุด และขอเพียงแค่อยู่ข้างกายพระพันปีนางถึงจะพักผ่อน กินอาหารได้อย่างสงบใจ
คิดไม่ถึง แม่นมเพิ่งประคองซูเซียงเดินออกมา ขันทีคนหนึ่งก็กระโจนออกมาจากมุมกำแพง มุ่งตรงเข้ามาคิดจะชนหน้าท้องของซูเซียง
ซูเซียงกำลังเหนื่อยล้า ข้างกายก็มีแม่นมคอยประคอง ผ่อนคลายการระวังตัวไปเพียงชั่วอึดใจ แต่ในตอนที่ขันทีพุ่งเข้ามาชน ร่างกายของนางก็ตอบสนองไวกว่าสมอง ไหวตัวเบี่ยงหลบอย่างรวดเร็วทันที
แต่ไหนจะล่วงรู้ นางเพิ่งถอยหลังได้สองก้าว ขันทีคนนั้นก็โปรยสาดถั่วเหลืองกำหนึ่งในมือ
แม้ซูเซียงร่างกายปราดเปรียวแต่ก็เป็นหญิงตั้งครรภ์ท้องโย้คนหนึ่ง สายตาเห็นว่าบริเวณที่จะตกลงไปเป็นธรณีประตูสูง จิตใต้สำนึกของซูเซียงใช้มือปกป้องท้อง แต่ศีรษะกลับฟาดลงบนธรณีประตูเข้าอย่างจัง
ตอนที่ 832 ซูเซียงขอร้องให้ผ่าท้องเอาลูกออก
ฉับพลันทันใด บนศีรษะและร่างกายของซูเซียงล้วนเห็นเป็นสีแดง
เรื่องทั้งหมดนี้พูดแล้วเหมือนยาว แท้ที่จริงแล้วเป็นความเคลื่อนไหวเพียงชั่วสองสามอึดใจ แม่นมตื่นตกใจจนหน้าถอดสี รีบเข้าไปพยุงซูเซียง
ดวงตาของซูเซียงถูกเลือดฉาบบังไว้ข้างหนึ่ง แต่อีกข้างกลับเบิกกว้าง ฉุดมือของแม่นมชรา เอ่ยทีละคำ ทีละประโยค “ปกป้องลูกของข้า รักษาลูกไว้! ไปบอกจ้าวเซิง ผ่าท้องเอาลูกออกไม่ต้องห่วงข้า ต้องรักษาลูกไว้…”
ซูเซียงพูดประโยคนี้จบก็สลบลงไป
ฉากนี้ตกลงสู่สายตาของจ้าวเซิงที่พุ่งทะยานเข้ามาพอดี เขาที่อยู่กลางครึ่งอากาศร่วงตกลงมา กระดูกข้อมือเคลื่อนหลุดก็ไร้ความรู้สึก พุ่งขึ้นหน้ามากอดซูเซียง “เซียงเอ๋อร์ เซียงเอ๋อร์…”
แม่นมรีบตบจ้าวเซิงเล็กน้อย “อย่าเขย่ามั่วซั่ว รีบเรียกหมอหลวง! เรียกหมอหลวง!’
สติสัมปชัญญะของจ้าวเซิงจึงดึงกลับมาได้เล็กน้อย “ใช่ๆ เรียกหมอหลวง! เรียกหมอหลวง!”
“ใครก็ได้ รีบไปกราบทูลพระพันปี!”
“ท่านอ๋อง รบกวนท่านรีบอุ้มหวังเฟยตามหม่อมฉันมา เร็ว!” แม่นมโกรธจนตัวสั่น แต่ยังคงจัดการเรื่องทั้งหมดอย่างสุขุมเยือกเย็น ช่วยจ้าวเซิงประคองซูเซียงเร่งวิ่งรุดหน้าไปทางตำหนักพระพันปี
เวลานี้ซูเซียงสลบไปอย่างสมบูรณ์ หลังหมอหลวงตรวจดูแล้วบอกว่าอาจรักษาเด็กไว้ไม่ได้ อีกทั้งซูเซียงล้มกระแทกเจ็บสาหัส เกรงว่าอาจไม่ฟื้นขึ้นมาอีก
จ้าวเซิงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นราวกับเป็นท่อนไม้ท่อนหนึ่ง คู่ดวงตามองคนที่อยู่บนเตียงไม่ละสายตา
พระพันปีไม่สนใจว่าเห็นเลือดไม่เห็นเลือด บัดนี้อยู่ดูแลข้างกายซูเซียงไม่ห่าง คอยหยิบผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อบนหน้าผากให้ซูเซียง “นี่จะทำเช่นไร นี่จะทำเช่นไรดี…”
พระพันปีผู้สูงศักดิ์แห่งราชอาณาจักร ครานั้นองค์จักรพรรดิสวรรคต นางจัดงานไว้ทุกข์ประคับประคองโอรสของตนขึ้นครองราชย์ท่ามกลางความวุ่นวาย เวลานั้นนางยังไม่ร้อนรุ่มใจถึงเพียงนี้ บัดนี้ทั้งสรรพางค์กายกลับสั่นเทา เบ้าตาแดงก็ยังไม่รู้ตัว
แม่นมเองก็รู้สึกหัวใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ตบหน้าตัวเองแรงๆสองที ถึงค่อยฝืนปลุกสติให้ตื่นได้แล้วร้องตะโกนเสียงดัง “ก่อนสลบไปหวังเฟยขอให้ท่านอ๋องผ่าท้องเอาลูกออก ขอร้องให้ท่านอ๋องต้องรักษาลูกไว้ให้จงได้ รักษานางไว้!”
แน่นอนว่าประโยคสุดท้ายเป็นแม่นมเติมเข้าไปเอง ตอนนั้นซูเซียงเพียงขอให้รักษาลูกไว้ แต่แม่นมรู้ดี หากนางเอ่ยคำพูดแท้จริงของซูเซียงออกมา ย่อมทำให้พระพันปีและจั้นอ๋องใจสลาย
พระพันปีราวกับถูกมารครอบงำ เอาแต่พร่ำรำพันว่าทำอย่างไรดี กลับเป็นจ้าวเซิงเรียกสติกลับมาอย่างรวดเร็ว ถูกต้อง เวลานี้เขาห้ามตื่นตระหนก ห้ามลนลาน เขาต้องรักษาลูกกับภรรยาของตนไว้ให้ได้!
จ้าวเซิงพยายามตั้งสติ ตบหน้าตัวเองแรงๆเลียนแบบแม่นม สติจึงค่อยแจ่มชัดขึ้นเล็กน้อย สั่งการทันที “ใครก็ได้ เตรียมเครื่องมือผ่าท้อง ข้าองค์ชายจะช่วยลูกกับหวังเฟย!”
“องค์ชายมิต้องพ่ะย่ะค่ะ มิต้องพ่ะย่ะค่ะ…” เวลานี้หมอหลวงคุกเข่าลงเบื้องหน้าจ้าวเซิง โขกศีรษะไม่หยุด “องค์ชาย พระองค์ปล่อยให้หวังเฟยและซื่อจื่อน้อยจากไปอย่างสงบเถิด องค์ชาย ขอร้องท่านแล้ว ไม่เห็นแก่ภิกษุก็เห็นแก่พระพุทธรูป เห็นแก่หวังเฟยที่เคยช่วยเหลือราษฎรมากมายเมื่อครานั้น ท่านโปรดให้นางจากไปอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ บริสุทธิ์หมดจดเถิด ขอร้องท่านแล้ว ขอร้องท่านแล้ว…”
พอดีหมอหลวงเป็นคนที่ป้าของเขาเลี้ยงดูมา และพอดีท่านป้าของเขายังอาศัยอยู่ในมณฑลอำเภอที่ซูเซียงอยู่ ครานั้นได้ยินว่าป้าของเขาติดโรคร้าย หากมิได้พวกซูเซียงจัดการดูแลได้ทันเวลา เกรงว่าเขาคงไม่ได้พบหน้าท่านป้าของตนอีก พวกเขาทั้งตระกูลเรียกได้ว่าซาบซึ้งในบุญคุณซูเซียงอย่างแท้จริง
คำพูดเหล่านี้ขอเขามิใช่ต้องการให้ซูเซียงตาย แต่ที่พวกเขาใส่ใจคือคนตายแล้วต้องเหลือร่างครบถ้วนสมบูรณ์ ต้องสะอาดหมดจด รู้ชัดว่าตายแล้ว ไยจำต้องทิ้งรูโหว่ใหญ่โตบนร่างผู้ตายด้วยเล่า นี่มิใช่กำลังลบหลู่ผู้มีพระคุณหรือ…
แต่จ้าวเซิงกลับไม่เข้าใจ ถีบเขาหนึ่งที “อย่าพูดไร้สาระ รีบไปหยิบของมา มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้!”
หมอหลวงกลับไม่ขยับเขยื้อน ตายก็ตายสิ เช่นนั้นก็ไม่อาจเห็นร่างศพของซูเซียงถูกรบกวน!