เพราะรักสลักใจ - ตอนที่ 835 ทำให้ขุนนางผู้มีความดีความชอบขาดทายาทสืบสกุล / ตอนที่ 836 กลางวันดีแต่เป็นหมูกินจนพุงกาง
- Home
- เพราะรักสลักใจ
- ตอนที่ 835 ทำให้ขุนนางผู้มีความดีความชอบขาดทายาทสืบสกุล / ตอนที่ 836 กลางวันดีแต่เป็นหมูกินจนพุงกาง
ตอนที่ 835 ทำให้ขุนนางผู้มีความดีความชอบขาดทายาทสืบสกุล
สายตาและมุมปากขององครักษ์พกดาบทั้งสองนายปรากฏแววเย้ยหยันขึ้นแวบหนึ่ง ทว่าน้ำเสียงยังคงเรียบเฉย “ข้าน้อยเป็นลูกทาสในรัชกาลของจักพรรดิองค์ก่อน หลังจักรพรรดิองค์ก่อนจากไป พระราชทานข้าน้อยให้แด่พระพันปี ข้าน้อยยอมรับพระพันปีเป็นนายเพียงผู้เดียว ขอฝ่าพระบาทกับรัชทายาทโปรดพระราชทานอภัย! ”
วาจานี้มันช่าง…
แม้นจักรพรรดิกับรัชทายามโกรธกริ้วยิ่งกว่านี้ก็ทำอะไรไม่ได้ หากเป็นองครักษ์ทั่วไปอยากประหารก็ประหารได้ ทว่าคนเหล่านี้ไม่ถึงสถานการณ์สุดวิสัยจำใจอย่างยิ่งแล้วก็ไม่อาจหาเรื่องด้วยได้เด็ดขาด
เหมือนเมื่อปีกลาย จักพรรดิคิดชิมลางโบยไม้พลองลงทัณฑ์พวกเขาสองสามครั้ง กระทบถึงครอบครัวองครักษ์นายหนึ่ง ผลคือ พวกเขาถึงกับลุกฮือต่อต้าน เป็นครั้งแรกที่ทำให้เสด็จแม่ไม่พอพระทัยเขา นี่ยังไม่นับ ครานั้นเกือบได้ลงจากบัลลังก์!
ฮ่องเต้อดทนแล้วอดทนอีก จึงค่อยขบฟันกรามรับสั่ง “ยังไม่รีบไปกราบทูลเสด็จแม่”
องครักษ์พกดาบสองนายจึงค่อยแค่นเสียงฮึ คนหนึ่งในนั้นเก็บดาบแล้วเข้าไปแจ้งรายงาน
ผ่านไปไม่นาน หนึ่งในองครักษ์พกดาบนายนั้นก็กลับออกมา สีหน้าเข้มขรึมอย่างยิ่ง ทำความเคารพฮ่องเต้กับรัชทายาท น้ำเสียงเย็นชาเฉยเมย “ทายาทจวนแม่ทัพเจิ้นกั๋วเจียงจวิน[1]สิ้นแล้ว จ้านหวังเฟยประชวรหนัก พระพันปีมีพระบัญชา เชิญองค์จักรพรรดิกับรัชทายาทไสหัวออกไปทันที ”
“……”
ทันใดนั้นฮ่องเต้ราวกับมีเลือดเก่าคั่งอุดตันหัวใจ กลืนไม่เข้า คายไม่ออก เสด็จแม่เขาช่างรู้จักเลียนแบบคำพูดคำจาหญิงชาวร้านตลาดเหล่านั้นของท่านยายเขา อ้าปากหุบปากก็มีคำจำพวกสุนัขผายลมเอย ไสหัวไปเอย ดูสิ นี่เป็นวาจาที่พระพันปีแห่งแผ่นดินควรพูดหรือ?
ทว่าสองคนโกรธก็ส่วนโกรธ ยังถูกความสั่นสะเทือนใจกดลงไป พวกเขาเองก็คาดไม่ถึงอย่างแท้จริงว่าเรื่องราวร้ายแรงถึงขั้นนี้
คนชั่วนั่นจะป่วยหนักไม่ป่วยหนักก็แล้วแต่ ในพระทัยของจักรพรรดิถึงกับอยากให้สตรีผู้แย่งความดีความชอบของเขาคนนี้ตายเสียได้ก็ดี เพียงแต่ทายาทของเจิ้นกั๋วเจียงจวินสิ้นแล้ว เรื่องนี้เกรงว่าคงอธิบายไม่ง่ายนักกระมัง
สองพ่อลูกมองประสานตา หันกายจากไปอย่างรู้กัน เบื้องหลังเหลือไว้เพียงคำกระซิบกระซาบขององครักษ์ทั้งสองนาย พูดไปพูดมาก็ยกความผิดมาเป็นข้อๆ จักรพรรดิไร้มนุษยธรรม ทำให้ตระกูลแม่ทัพผู้มีความดีความชอบขาดทายาทสืบสกุล
ที่เรียกว่าแอบกระซิบกระซาบ ก็คือเหลือเพียงแต่ยังมิได้หยิบแตรป่าวประกาศไปทั่ววังหลวงเท่านั้น
สองพระองค์ได้ยินแล้วก็โทสะพวยพุ่งในหัวใจ พระขนงกระตุกเต้น ทว่ามิกล้าเอื้อนเอ่ยอันใด เร่งสาวเท้าจากไปอย่างรวดเร็ว
คำพูดเช่นนี้พูดกันเพียงในรั้วเขตวังเล็กๆก็ยังแล้วไป หากไม่พึงประสงค์แพร่งพรายออกไปถึงราชสำนัก เล่าลือถึงหูนายทหารชายแดน นั่นคงไม่ได้การ!
จักพรรดิอยู่ในตำหนักบรรทมทรงกริ้วเหลือแสน นางหญิงแพศยากาลกิณีทำลายบ้านเมือง หากมิใช่นางก่อเหตุจนเกิดเรื่องเช่นนี้ ไหนเลยจะมีปัญหาดังเช่นทุกวันนี้! “สวมควรตาย เจิ้นน่าจะส่งคนไปสังหารนางตั้งแต่แรก!”
แต่เขาไม่คิดบ้าง เหตุการณ์นี้เป็นซูเซียงคิดก่อกวนขึ้นมาหรือ? หากมิใช่เขาบอกเป็นนัยทั้งในที่ลับและที่แจ้ง คนพวกนั้นหรือจะกำเริบเสิบสานกล้าลงมือ เรื่องนี้ผู้ใดเป็นคนทำ แท้ที่จริงในใจเขาชัดกระจ่างเฉกเช่นกระจกใส!
แต่รัชทายาทกลับไม่รู้เรื่องอย่างแท้จริง บัดนี้เขาเองก็กำลังทุกข์ร้อนขมขื่นใจอย่างยิ่ง!
“เสด็จพ่อโปรดระงับโทสะ บัดนี้มิใช่เวลาโกรธกริ้ว ใคร่ครวญดูว่าเรื่องหลังจากนี้เราควรทำเช่นไรกันดี?” ในพระทัยรัชทายาทกำลังเต้นเร่าเช่นกัน เขากับจ้าวเซิงมีสัมพันธ์อันดีกันมาโดยตลอด คนเป็นพี่ชายแท้ๆมีหรือจะไม่รู้ว่าน้องชายเป็นคนอย่างไร?
หากเขาไม่ชัดแจ้งอยู่แก่ใจว่าซูเซียงสำคัญเพียงใดในสายตาจ้าวเซิง เกรงว่าไม่ต้องรอเสด็จพ่อเอ่ยปาก เขาก็คงจัดการหญิงแพศยาคนนี้ไปนานแล้ว ไยจะรอให้เกิดเรื่องบานปลายสะเทือนฟ้าสะเทือนดินเช่นตอนนี้!
จักพรรดิทรงกริ้วก็ส่วนกริ้ว บัดนี้เข้าใจถึงจุดสำคัญแล้ว สตรีคนนั้นกับลูกนางจะตายหรือไม่ตายก็ไม่สำคัญ อย่างไรเสียราชวงศ์ล้วนขึ้นมาจากการเหยียบย่ำกองศพน้ำเลือด ไม่กลัวผีคนตายเพียงไม่กี่คน เพียงแต่จะบอกกับเต๋อฮุ่ยอย่างไร? จะอธิบายกับทหารทางชายแดนอย่างไร?
จักรพรรดิไตร่ตรองอยู่นาน ในที่สุดก็นึกวิธีการที่หมดหนทางแล้วอย่างหนึ่งออก นั้นคือให้คนปรับแต่งข้อมูลที่ส่งออกไปให้พวกเขา แจ้งว่าซูเซียงอยู่ในวังหลวงเกิดหกล้มด้วยตัวเองจนเสียลูกไป ทั้งยังให้คนจัดการลบล้างเรื่องราวเบื้องหลังเหล่านั้นให้สะอาดหมดจด
จากนั้นยังหารือกับรัชทายาทว่าควรปลอบขวัญทุกคนอย่างไร ล้วนเป็นคนฉลาดกันทั้งนั้น เขาเชื่อว่าขอแค่ให้ “ความบริสุทธิ์ใจ”ก็เพียงพอแล้ว องค์หญิงเต๋อฮุ่ยกับทหารทางชายแดนทุกผู้ทุกคนล้วนมิใช่คนโง่เขลา ผลักลาภยศสรรเสริญในกำมือไปข้างนอก
เวลาเที่ยงคืน แม่นมสนองโอษฐ์ของพระพันปีกระซิบเสียงเบาข้างหูพระนางสองสามประโยค ดวงเนตรของพระพันปีเบิกกว้างทันใด รู้สึกเหมือนมีก้อนฝ้ายอุดตันอยู่ในหัวใจ ปราณโลหิตไหลเวียนไม่คล่อง
“พระองค์ท่านโปรดวางใจ สิ่งใดควรจัดการ สิ่งใดควรปกป้อง ทางหม่อมฉันล้วนดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ที่พวกเขาจับได้เป็นเพียงพวกกุ้งฝอยเท่านั้นเพคะ มิต้องกังวลพระทัย เพียงแต่ เฮ้อ… ” เดิมทีแม่นมชราอยากปลอบพระพันปี ทว่าปลอบไปปลอบมาตัวเองกลับสะทกสะท้อนใจเบ้าตาแดงเอง
นางเป็นคนเก่าแก่ติดตามพระพันปีผ่านลมฝนคาวโลหิตมาตลอดทาง ทราบดีว่าครานั้นพระพันปีทรงทุ่มเทพระทัยมากเพียงใดถึงสามารถผลักดันจักรพรรดิองค์ปัจจุบันขึ้นสู่บัลลังก์มังกรได้
——
[1] เจิ้นกั๋วเจียงจวิน(镇国将军)หรือแม่ทัพเจิ้นกั๋ว ในสมัยราชวงศ์หมิง คือยศของเชื้อพระวงศ์ชาย ขั้นหนึ่ง ชั้นรอง ตำแหน่งสำหรับพระปนัดดาในจักรพรรดิ ซึ่งเป็นพระโอรสในชินหวังซื่อจื่อหรือจวิ้นอ๋องที่ไม่ได้เป็นผู้สืบทอด ในสมัยราชวงศ์ชิง เจิ้นกั๋วเจียงจวิน หมายถึงเชื้อพระวงศ์ชายลำดับที่ 9 เรียกย่อว่า เจียงจวิน เป็นตำแหน่งเชื้อพระวงศ์ชายที่มีมารดาเป็นเก๋อเก๋อ
ตอนที่ 836 กลางวันดีแต่เป็นหมูกินจนพุงกาง
แรงกายแรงใจและความคาดหวังหลายปี กลับแลกมาด้วยจักรพรรดิและรัชทายาทไร้เมตตาไร้คุณธรรม อย่าว่าแต่ในพระหฤทัยของพระพันปีคับแค้น ขั้วหัวใจนางเองก็เจ็บปวดทนไม่ไหว
จ้าวเซิงเองก็ได้ยินบทสนทนาทางนี้ ทว่าบัดนี้เขาไม่อยากสนใจคนอื่นใด พอใจแค่ดูแลสตรีตรงหน้า รอจนนางลืมตาจะได้เห็นภาพเขาเป็นคนแรก
ทางซูเซียงเงียบสงบเป็นพิเศษ ฮ่องเต้กับรัชทายาทก็พอพระทัย พวกเขาสนใจเพียงซูเซียงคนชั่วผู้นี้จนไม่มีเวลาจัดการคิดเรื่องอย่างอื่น ด้วยเหตุนี้เรื่องราวที่เกิดขึ้นจึงเกินเลยไปกันใหญ่
ไม่เพียงแต่จับคนที่รู้เรื่องทั้งหมดฆ่าปิดปาก ถึงขั้นยังส่งคนลักลอบแฝงตัวเข้ามาในคนของพระพันปี จัดการลอบสังหารขันทีคนนั้นทิ้ง เพียงแต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ คนของพระพันปีสลับตัวขันทีผู้ลงมือตัวจริงก่อนแล้ว ที่พวกเขาสังหารเป็นแค่ร่างตัวแทนเท่านั้น
หลังจัดการทั้งหมดนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว สองพ่อลูกจึงพอหายใจ่โลงได้บ้าง
“เสด็จพ่อ เราไปเยี่ยมดูกันอีกครั้งเถิด” ในใจรัชทายาทมากน้อยก็ยังอึดอัดบอกไม่ถูกอยู่บ้าง เขาไม่ห่วงใยหญิงชั่วและเด็กในท้องของหญิงชั่วคนนั้น แต่เขาเป็นห่วงน้องชายของเขาจากใจจริง
อีกทั้งขอเพียงแค่พวกเขาหมั่นวิ่งไปทางนั้นไม่ขาด แสดงความห่วงใยของตน นี่ถึงจะทำให้พวกจ้าวเซิงลดความวิตกกังวลลงได้ อย่างน้อยพวกเขาแสดงความห่วงใยไม่ขาด แม้พระพันปีกับจ้าวเซิงยังเคืองโกรธอยู่แต่มากน้อยก็มีความประทับใจระคนพะวง
กลางดึก พระพันปีเพิ่งหรี่ตาลงก็ได้ยินเสียงรายงาน ทูลว่าฝ่าบาทกับรัชทายาทเสด็จมาอีกแล้ว พลันให้พระนางบันดาลโทสะ คลุมแพรพรรณตัวหนึ่งลวกๆแล้วเดินออกมาตรงประตูรอง เดินพลางพร่ำด่าตลอดทาง “พวกลูกหลานไม่ได้เรื่อง มารผจญ! กลางดึกกลางดื่นมาเสียงดังโหวกเหวกอะไร กลางวันดีแต่เป็นหมูกินจนพุงกาง ให้พวกเขาไสหัวไปให้ข้า ไสหัวไปให้พ้น!”
หลังรัชทายาทตรงนอกประตูได้ยินพระอัยยิกาของเขาโมโหเดือดดาลหัวคิ้วก็มุ่นขมวด พลันเอ่ยเสียงอ่อน “เสด็จย่า หลานสำนึกผิดแล้ว หลานไม่ควรรั้งน้องชายไว้ในตำหนักของตนนาน ขอเสด็จย่าอย่าทรงพิโรธ…เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น หลาน หลานเองก็ไม่ปรารถนาหรอกพ่ะย่ะค่ะ”
เดิมทีพระพันก็อัดแน่นด้วยปราณและไฟโทสะเต็มท้อง ไหนจะรู้ลูกหลานไม่ได้เรื่องคู่นี้กลับไม่รู้สำนึก คิดแต่จะล้างมลทินให้ตัวเอง เป็นแผลที่หัว รีดหนองที่เท้า ยังคิดว่าจะล้างให้สะอาดได้หรือ?!
เขาเป็นรัชทายาทผู้สูงศักดิ์ มีหรือไม่รู้ถึงความยากลำบากและอันตรายในวังหลวง ไม่รู้หรือว่าสำหรับสตรีไม่เคยเข้าวังทั้งยังไม่ได้รับการต้อนรับคนหนึ่งนั้นลำบากทุกฝีก้าวขนาดไหน? ไม่รู้หรือว่าน้องชายแท้ๆของตนรักภรรยาของตัวเองมากเพียงใด? อยากจะไปปกป้องนางหรือไม่? เหตุใดกลับยังฝืนใจคนให้รั้งอยู่ต่อ ซ้ำยังใช้วิธีการชั้นต่ำเช่นนั้น เห็นนางกินเจสวดมนต์แล้วคิดว่าหูหนวกตาบอดไม่รับรู้เรื่องอะไรเลยเช่นนั้นหรือ?!
จักพรรดิที่อยู่ข้างๆกลับไม่เอื้อนเอ่ยอันใด เขาจัดคนไปทำธุระ โดยรวดเร็วก็ได้ข่าวกลับมา อย่างไรเสียเรื่องนี้พวกเขาก็ไม่ได้เป็นคนทำ อย่างน้อยเบื้องหน้าก็เป็นเช่นนี้ ขอเพียงแค่สามารถถอนตัวเขากับบุตรชายออกมาได้ ในศาลจะเพิ่มข้อหาใส่ร้ายอีกข้อสองข้อนั่นก็ไม่เห็นเป็นไร
ดังคาดเวลานี้มีข่าวสะเทือนฟ้าส่งมา ผู้ว่าการศาลต้าหลี่รุดหน้าเข้ามา รายงานความคืบหน้าของการตรวจสอบคดี
พระพันปีเห็นผู้มาถึงพระพักตร์ก็เย็นชาลง ทว่าต่อมามุมปากเผยรอยยิ้มเยาะเหยียดทันที สมแล้วที่เป็นลูกชายแสนดี หลานชายแสนดีของนาง! เฉียบขาดฉับไว!
นางคิดปกปิดเรื่องนี้ไว้ มากน้อยยังไว้หน้าพวกเขาบ้าง แต่ก็ทนเห็นพ่อลูกทึมทื่อคู่นี้ดันทุรังไปตายไม่ได้!
เวลานี้ฮ่องเต้เพิ่งอ้าปาก สุรเสียงเข้มงวด พกพาท่วงท่าของผู้เหนือกว่า “พูด! แท้จริงเป็นผู้ใดคิดทำร้ายสังหารเซียงหรงจวิ้นจู่?!”
หลังประโยคนี้ของฮ่องเต้รับสั่งออกมา อย่าว่าแต่พระพันปี แม้กระทั่งแม่นมข้างกายนางยังเยาะเย้ยออกเสียง พูดดีว่าเป็นเซียงหรงจวิ้นจู่ นี่ไม่ยอมรับฐานะจ้านหวังเฟยของนางสิท่า? ! ดูสิ ประโยคนี้อวดเบ่งวางอำนาจมากเพียงใด เหอะ…
ผู้ว่าการศาลต้าหลี่โขกศีรษะคำนับให้พระพันปี ตามด้วยโขกศีรษะให้จักรพรรดิและรัชทายาท “กราบทูลพระพันปี ฝ่าบาท องค์รัชทายาท คดีสืบกระจ่างแล้ว เพียงแต่ เพียงแต่…”
จักรพรรดิแสร้งขมวดพระขนง ตวาดเสียงกริ้ว “เพียงแต่อะไร? รีบพูด!’
พระพันปีไม่เปล่งวาจา ยืนมองโอรสแสนดีของตนเล่นวางท่าจอมราชันย์อย่างเย็นชาอยู่ตรงนั้น ดูสิเขาจะมาไม้ไหน
ได้ยินความเคลื่อนไหวด้านนอกจ้าวเซิงก็ตามออกมา เพียงแต่หลบอยู่ในมุมมืด ไม่ได้ปรากฏตัว เขาแค่อยากมองดู คนในครอบครัวของเขาเหล่านี้ คิดอยากทำร้ายสังหารภรรยาและลูกของเขา ยังจะมาร้องงิ้วเล่นละครต่อหน้าเขาอีกหรือ?!
ผู้ว่าการศาลต้าหลี่ประหวั่นพรั่นพรึงจนทั้งร่างกายกำลังสั่นสะท้าน แต่ยังเปิดปากพูด “ผู้อยู่เบื้องหลังคือ เต๋อเฟยเหนียงเนี่ยง…เต๋อเฟยเหนียงเนี่ยงนาง นางหลงรักจั้นอ๋อง ดังนั้น ดังนั้น…”