เพราะรักสลักใจ - ตอนที่ 841 ลูกผู้ชายไม่เสียน้ำตาง่ายๆ / ตอนที่ 842 องค์หญิงเต๋อฮุ่ยยืนกรานสวมชุดไว้ทุกข์เข้าวัง
- Home
- เพราะรักสลักใจ
- ตอนที่ 841 ลูกผู้ชายไม่เสียน้ำตาง่ายๆ / ตอนที่ 842 องค์หญิงเต๋อฮุ่ยยืนกรานสวมชุดไว้ทุกข์เข้าวัง
ตอนที่ 841 ลูกผู้ชายไม่เสียน้ำตาง่ายๆ
ราชสำนักฮือฮาขึ้นอีกระลอก พระเจ้า พวกเขาได้ยินความลับสุดยอดของราชวงศ์อะไรกันนี่? รัชทายาทถึงกับวางยาเสน่ห์ในน้ำของอ๋องสงครามเพื่อให้เขากับซูย่วนเสี้ยนจู่สำเร็จผลใน “เรื่องดี” แบบนั้น นี่มัน…
ขุนนางซึ่งก่อนหน้านี้มากน้อยก็ยังสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่บ้างและคิดว่าจ้าวเซิงก่อความวุ่นวายเกินไปเพราะสตรีคนเดียว บัดนี้ในใจค่อยๆเอียนเอียงยืนฝั่งจ้าวเซิงแล้ว
แม้นรัชทายาททำเพราะหวังดีกับจ้าวเซิงจริง แต่ยุพราชผู้สูงศักดิ์กระทำเรื่องเช่นนี้ อย่างไรก็น่าอับอาย
รัชทายาทเวลานี้บนพระพักตร์ประเดี๋ยวเขียวประเดี๋ยวแดงปานจานสี กำปั้นบีบแน่น กล้าทำต้องกล้ารับ เรื่องทั้งหมดเป็นเขากระทำจริง เขาจะพูดอะไรได้?! แต่ แต่…
เขาทำเพื่อจ้าวเซิงจริงๆ!
ซูย่วนเป็นกุลสตรีแสนดีขนานนั้น แม้แต่ชื่อเสียงของตนก็ยังยอมละทิ้งเพียงเพื่อให้ได้อยู่กับเขา ผู้อื่นเป็นธิดาของฮู่กั๋วกงกับต้าจ่างกงจู่ผู้สูงศักดิ์ สตรีที่แม้แต่ตัวเองยังตัดใจหลั่งน้ำตาครึ่งหยดไม่ลง แท้จริงแล้วมีตรงไหนไม่คู่ควรกับเขา!
เวลานี้จ้าวเซิงกลับยอบกายลงมา หยิบตราพยัคฆ์ถือไว้ในมือตน เอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบเฉยชา “ทุกท่านล้วนโทษข้าองค์ชายทำเรื่องเล็กใหญ่เป็นเรื่องใหญ่เกินไป แต่ข้าองค์ชายอยากถามดู ไม่ว่าเรื่องเมื่อวานจะถูกดัดแปลงจนเป็นเช่นไร ขันทีน้อยที่ชนภรรยาของข้าผู้นั้นคงไม่อาจพูดปดกระมัง? วังหลังเข้มงวดเสมอมา พระพันปีมีราชโองการด้วยพระองค์เองห้ามมิให้ผู้ใดเข้าใกล้ห้องเครื่อง ขอเรียนถาม ขันทีน้อยผู้นั้นปรากฏตัวได้อย่างไร?!”
“เกรงว่าเด็กที่ครั้นเกิดออกมาก็ไร้ลมหายใจแล้วคนนั้นมิใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของพวกท่าน?! เกรงว่าคนที่ผ่าท้องยังไม่พ้นขีดอันตราย นอนหน้าซีดเผือดอยู่ตรงนั้นมิใช่ภรรยาของทุกท่าน…”
“ข้าจ้าวเซิงลำบากตรากตรำอยู่ชายแดนสิบปี มั่นใจว่าไม่เคยผิดต่อราชวงศ์ ไม่เคยผิดต่อราษฎรทั้งใต้หล้า! แต่ยามข้าหลั่งเลือดอยู่ชายแดน คนบางพวกกำลังกระทำอันใดอยู่? พวกเขากำลังจับตามอง กำลังลอบสังหารภรรยาของข้า! ! บัดนี้กลับมา ราชวงศ์ไม่เพียงแต่ไม่ซาบซึ้งพระราชทานแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ตอบแทนความเหนื่อยยากของภรรยาข้า แต่ยังให้นางแบกท้องแปดเดือนไปเป็นแม่ครัว…เหอะๆ ภรรยาข้าบอกว่าล้วนเป็นญาติพี่น้องกันทั้งนั้น ควรเห็นใจให้อภัยกัน แต่คนบางคนเหตุใดไม่ยอมปล่อยผ่าน แม้กระทั่งหญิงตั้งครรภ์คนหนึ่งกับเด็กที่ยังไม่ลืมตาดูโลกยังลอบทำร้าย…”
“ข้าเป็นองค์ชาย เป็นแม่ทัพ แต่ข้าเองก็เป็นบุรุษคนหนึ่ง! แม้แต่ชีวิตของภรรยากับลูกตัวเองยังปกป้องไว้ไม่ได้ นับประสาอะไรกับปกป้องใต้หล้า…”
ประโยคสุดท้ายมี่เอ่ยเสียงแหบแห้งโรยแรง เกือบจะใช้พลังทั้งชีวิตของเขาจนหมด สายที่ตรึงยึดหัวใจเส้นนั้นขาดผึง ขอบตาแดงก่ำ จู่ๆก็กุมศีรษะทรุดลงไป ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่อีกต่อไป ร่ำร้องโหยไห้ต่อหน้าผู้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดและขุนนางบุ๋นบู๊นับร้อย
เพิ่งเมื่อวานนี้เอง เขาเสียลูกไป ซ้ำยังเกือบสูญเสียภรรยา เขาถึงขั้นเคยคิดว่าขอเพียงรอให้เขาจัดการเรื่องราวทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้วก็จะตามภรรยากับลูกไป วินาทีนั้นเขาไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วจริงๆ ไม่มีภรรยาที่รัก ไม่มีความรักของครอบครัว เหลือเพียงความมืดมน หวาดกลัวและคิดร้าย เหอะ…เขายังจะมีศรัทธาอะไรให้มีชีวิตอยู่ต่อไป
ชายชาตรีผู้องอาจห้าวหาญหลั่งเลือดไม่หลั่งน้ำตา ฆ่าฟันศัตรูนับพันในสนามรบ ถึงกับร้องไห้ไม่เป็นภาษากลางท้องพระโรงราวกับเด็กถูกทิ้ง
ได้ยินคำถามเหล่านี้ ซ้ำเห็นจ้าวเซิงร่ำไห้จนกลายเป็นคนเจ้าน้ำตา คนที่ลุกออกมาทำตัวถือศีลมากคุณธรรมประณามจ้าวเซิงก่อนหน้าหลายคนนั้น และคนที่ยังสงสัยไม่แน่ใจเหล่านั้นต่างพลันเป็นใบ้ไร้วาจา
ใช่แล้ว ชีวิตของใครบ้างมิใช่ชีวิต!
วังหลวงนั้น กลับเป็นสถานที่ดำมืดชื้นแฉะกลืนกินคนไม่คายกระดูก คำพูดที่ส่งออกมาจากในกระเบื้องแดงกำแพงสูงนั้นมีประโยคใดเป็นจริง? ประโยคใดเป็นเท็จ…
ตอนพวกเขาได้ยินนิทานดัดแปลงเหล่านั้นล้วนละเลยจุดสำคัญ เซียงหรงจวิ้นจู่นางมีครรภ์เกือบแปดเดือนเชียวนะ จะเหนื่อยยากจัดเตรียมอาหารให้คนจำนวนมากเช่นนั้นได้อย่างไร? อีกอย่าง ก่อนเข้าห้องเครื่อง พระพันปียังมีพระบัญชาให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องถอยห่างออกไปทั้งหมด ขันทีน้อยที่เป็นคนชนคนนั้นมาได้อย่างไรกันแน่?
ยังมีจุดน่าสงสัยอีกจุดหนึ่ง เหตุใดตอนแรกเริ่มข่าวที่ส่งออกมาจากวังหลวงถึงบอกว่าเซียงหรงจวิ้นจู่นางหกล้มเองเล่า?
ตอนที่ 842 องค์หญิงเต๋อฮุ่ยยืนกรานสวมชุดไว้ทุกข์เข้าวัง
ปะติดปะต่อทั้งหมดนี้เข้าด้วยกัน ทุกคนมิได้โง่ ไฉนจะเดาต้นสายปลายเหตุไม่ออก?
ต่างพากันเจ็บปวดห่วงใยต่อจ้าวเซิง อ๋องสงครามผู้องอาจ คุณุปการด้านการศึกสงครามโดดเด่น เพื่อปกป้องบ้านเมืองแล้วต้องหลั่งเลือดมากเพียงใด กินความลำบากมากเท่าไหน? แต่ถึงสุดท้ายแล้วยังถูกญาติของตัวเองวางแผนเอาาชีวิตภรรยากับบุตร ผู้อื่นมาวันนี้มิได้ตะโกนโวยวาย เพียงร้องขอต้องการพาภรรยากลับบ้านเกิด ก็แค่เท่านี้ เหตุไฉนจักรพรรดิกับรัชทายาทยังบีบคั้นกดดันถึงเพียงนี้?
ครู่เดียวทิศทางในราชสำนักแปรเปลี่ยนแล้ว มีผู้ตรวจการแผ่นดินอาวุโสหลายคนลุกออกมา คุกเข่าบนพื้นดังปึง กราบทูลต่อจักพรรดิ “กระหม่อมไร้สามารถ มิอาจติดตามท่านอ๋องสงครามปกป้องบ้านเมืองที่ชายแดน แต่กระหม่อมสามารถทัดทานถึงตาย ขอฝ่าบาททรงให้คำอธิบายแก่ท่านอ๋อง ให้คำอธิบายแก่จวนเจิ้นกั๋วเจียงจวิน!”
คนอื่นๆก็พากันเรียกร้อง “ขอฝ่าบาทตรงให้คำอธิบายแก่อ๋องสงคราม คำอธิบายแก่จวนเจิ้นกั๋วเจียงจวิน…!”
สถานการณ์ราชสำนักโกลาหล จักรพรรดิทรงกริ้วจนพระขนงเต้นกระตุก รัชทายาทที่อยู่ข้างๆก็ไม่รู้ควรทำเช่นไร
โดยเฉพาะรัชทายาท ในใจรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมเหลือคณา ขันทีผู้นั้นมิใช่คนที่ตนจัดเตรียมเสียหน่อย เขาก็บอกแล้วว่าเห็นแก่พระพัตร์ของเสด็จย่า ยินยอมให้ซูเซียงมีชื่อฐานะเป็นซู่เฟยของอ๋องสงคราม แล้วยังต้องการอะไรอีก?!
บนท้องพระโรงราชสำนักอึกทึกครึกโครม แต่ในตอนนี้เอง มีขันทีรุดหน้าเข้ามารายงาน
องค์หญิงเต๋อฮุ่ยสวมชุดไว้ทุกข์เสด็จเข้าวัง คุกเข่าท่าเทพธิดาตรงประตูอู่เหมินทิศประจิม ขอองค์จักรพรรดิโปรดให้คำอธิบายแก่ตระกูลขุนนางผู้มีความความดีความชอบ!
ท้องพระโรงเงียบกริบก่อน ต่อมาก็แตกตื่นถึงที่สุด!
ใช่แล้ว ไม่ว่าสตรีคนนั้นเป็นเช่นไร ทว่าเด็กคนนั้นเป็นทายาทของจวนเจิ้นกั๋วเจียงจวินที่พระพันปีทรงแต่งตั้งด้วยพระองค์เอง บัดนี้ไม่มีเสียแล้ว ซ้ำยังถูกคนในวังคิดร้าย นี่จะอธิบายอย่างไร?!
นอกจากนี้ วังหลวงไม่สวมชุดสีขาว นี่เป็นข้อห้าม แต่ไรมาผู้ฝ่าฝืนต้องความผิดประหารสามชั่วโคตรไปจนถึงเก้าชั่วโคตร ทว่าองค์หญิงเต๋อฮุ่ยไม่เพียงแต่สวมชุดขาว ซ้ำยังสวมชุดไว้ทุกข์อย่างเปิดเผย นี่เป็นการไว้ทุกข์เพื่อเด็กคนนั้น เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้เขา!
ยิ่งกว่านั้น แต่ไรมามีเพียงอนุชนไว้ทุกข์ให้ผู้อาวุโส บัดนี้ นี่มัน…
เดิมทีคิดว่าแค่หญิงแพศยาคนหนึ่งกับเด็กที่ยังไม่ลืมตาดูโลกคนหนึ่งตายไปก็เท่านั้น ต่อให้เด็กคนนี้เป็นทายาทสืบสกุลของจวนเจิ้นกั๋วเจียงจวินที่พระพันปีแต่งตั้งด้วยพระองค์เอง แต่ถึงที่สุดแล้วก็มิใช่สายเลือดแท้ๆ สามารถเปลี่ยนได้ทุกเมื่อมิใช่หรือ
ทว่าบัดนี้สองพ่อลูกกลับมิกล้าคิดเช่นนี้อีกแล้ว ในใจมากน้อยเกิดความร้อนใจเพิ่มขึ้นอีกสาย โดยเฉพาะองค์รัชทายาท ถ้าเมื่อวานมิใช่เขายืนกรานทำให้จ้าวเซิงง่วงงุนอยู่ในตำหนักของเขาล่ะก็ ทางซูเซียงคงไม่มีทางเกิดเรื่องขึ้น หญิงแพศยาคนนั้นเกิดเรื่องยังไม่เท่าไหร่ ยังเกี่ยวพันไปถึงเด็กในท้องด้วย’
“ดีเสียนี่กระไรองค์หญิง มิใช่สายเลือดของนางเสียหน่อย ถึงเวลาเจิ้นพระราชทานเป้ยจื่อ[1]ให้นางคนหนึ่งก็จบแล้วมิใช่รึ?!” จักรพรรดิยังไม่รู้สำนึก ตรัสตำหนิเสียงต่ำ
แต่โชคดีที่เวลานี้ท้องพระโรงอึกทึก เสียงของจักรพรรดิก็แผ่วเบา คนที่ได้ยินมีไม่กี่คน ทว่าจ้าวเซิงที่กำลังร่ำไห้กลับได้ยินอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ในใจเศร้าโศกมากอนันต์ สุดท้ายแม้แต่น้ำตายังไม่ไหลหยดลงมาแล้ว นี่เป็นบิดาของเขา บิดาผู้ให้กำเนิดของเขา…
แม้นเขาไม่ยอมรับซูเซียง คิดว่าฐานะซูเซียงต้อยต่ำ หรือด้วยเหตุผลอื่นใด แต่ดีเลวอย่างไรเด็กในท้องก็เป็นหลานแท้ๆของเขา ยังทำได้ลงคอ…
รัชทายาทในตอนนี้มากน้อยก็นึกเสียใจอย่างแท้จริง ดึงฉลองพระองค์ของจักรพรรดิ ส่งสายตาเป็นเชิงไปทางประตูด้านข้าง เอ่ยเสียงเบา “เสด็จพ่อ…”
พระพักตร์องค์จักรพรรดิกราดเกรี้ยว อารมณ์โกรธในพระทัยท่วมฟ้า ทว่าตอนสดับเสียงวิจารณ์ของเหล่าขุนนางบุ๋นบู๊และเห็นสีหน้าสายตาที่สะท้อนออกมาของพวกเขาในใจก็อดมิได้ที่จะสั่นระทึก สุดท้ายพยักหน้า สองพ่อลูกจึงไปออกทางด้านหลัง
หมู่ขุนนางบุ๋นบู๊เห็นสองพ่อลูกจากไป ต่างพากันส่ายหน้า ผู้ครองราชย์เช่นนี้ เฮ้อ….
ยังมีขุนนางอาวุโสทนดูไม่ได้ ส่ายหน้าอุทานทอดถอนใจ “นี่ดีเลวอย่างไรก็เป็นหลานแท้ๆของตัวเอง…”
เวลานี้ถึงกับไม่มีคนออกวาจาตำหนิขุนนางอาวุโสท่านนี้พูดจาจาบจ้วง มีแต่ขุนนางอาวุโสหนวดเคราขาวแกมเทาเหมือนกันคนหนึ่งตบๆไหล่ของเขา “เหล่าหลิวเอ๋ย ในเชื้อพระวงศ์นี้หนอไหนเลยจะมีความรักความเชื่อใจเฉกเช่นคนในครอบครัว เจ้าคงมิได้เลอะเลือนไปแล้ว? เจ้าดูสิ วังหลังนั่นมิใช่ไก่บนสุนัขกระโดดรึ เพื่ออำนาจผลประโยชน์ของคนแล้ว ความรักของคนในครอบครัวอะไรนั่นล้วนเป็นแค่สุนัขผายลม!”
——
[1] เป้ยจื่อ (贝子) หรือยศเต็มว่า กู้ซานเป้ยจื่อ (固山贝子)เป็นตำแหน่งเชื้อพระวงศ์ชายลำดับที่ 4 ตำแหน่งเริ่มต้นต่ำสุดที่จักรพรรดิองค์ปัจจุบันจะแต่งตั้งให้กับพระโอรสทุกพระองค์เมื่อเริ่มเป็นผู้ใหญ่