เพราะรักสลักใจ - ตอนที่ 849 ศิษย์หมอเตี๋ยแผลงฤทธิ์ / ตอนที่ 850 ทุกคนล้วนแสร้งโง่มึนงง
ตอนที่ 849 ศิษย์หมอเตี๋ยแผลงฤทธิ์
ทันใดนั้นพลันรู้สึกเหมือนลูกเกาทัณฑ์แหลมทิ่มแทงหัวใจของตน ขั้วหัวใจปวดแปลบ คอหอยมีรสหวาน “พร่วด”เลือดสดใหม่คำใหญ่พ่นออกมา
มือที่กำลังสั่นชี้ประตู ไม่ทันเอื้อนเอ่ยสักประโยค ร่างกายก็โอนเอน สองตาพลิกสลบไป
“ไท่โฮ่วเหนียงเนี่ยง ไท่โฮ่วเหนียงเนี่ยง! ใครก็ได้ รีบไปตามหมอหลวง…”
“ฝ่าบาท ฝ่าบาท ไท่โฮ่วเหนียงเนี่ยงล้มสลบอยู่ตรงหน้าประตูพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท…”
“พวกลูกสัตว์เดรัจฉาน ยังยืนบื้อทำอะไรอยู่เล่า…”
“……”
นอกพระตำหนักบรรทมของจักรพรรดิชุลมุนโกลาหล ฝ่าบาทเดิมทีพร่ำด่าไม่คลายโทสะอยู่ด้านใน จู่ๆได้ยินเสียงวุ่นวายข้างนอกก็วิ่งออกมา เห็นพระมารดาของตนนอนอยู่บนพื้นเย็นเยียบ พระโอษฐ์ พระวรกายล้วนเป็นแอ่งเลือดแดงก่ำ พลันตะลึงงันทันใด นี่มันสถานการณ์อะไร?!
สมเด็จพระพันปีทรงประชวรหนัก ราชสำนักอลม่าน เหล่าหมอหลวงหมอหญิงเข้าๆออกๆตำหนักโซ่วอัน แม้กระทั่งหมอหญิงท่านนั้นที่ดูแลอาการบาดเจ็บองค์หญิงเต๋อฮุ่ยก่อนหน้านี้สีหน้ายังเย็นเยือกจนกลั่นเป็นเกล็ดน้ำแข็งได้
นางเข้าวังเป็นหมอหญิง เดิมทีเห็นแก่พระพักตร์พระพันปี บัดนี้ลูกศิษย์ชะตาลิขิตของอาจารย์นางถูกจักรพรรดิสุนัขตรงหน้าทำร้ายจนมิรู้เป็นตาย พระพันปียังถูกกระตุ้นโทสะจนเป็นสภาพนี้ นางไหนเลยยังจะทนไหว?!
ช่างหัวเป็นจักรพรรดิหรือรัชทายาทปะไร? ควงไม้ทุบยาตรงเข้าขวางตรงประตูใหญ่ด่าไฟแลบ “ไสหัวไป! ไสหัวไปให้แม่ทั้งหมด! ฆ่าเด็กกับหญิงท้องยังไม่นับ แม้กระทั่งมารดาของตัวเองก็คิดจะทำร้ายถึงตาย ข้าอยู่มาร้อยแปดสิบปีแล้วยังไม่เคยพบเจอลูกทรพีเช่นนี้ ไป! ไสหัวไปให้ข้าทั้งหมด!”
จักรพรรดิบันดาลโทสะไม่เบา ตั้งแต่หญิงชั่วช้านั่นปรากฎตัวเขาก็ไม่ได้ชีวิตสงบสุขเลยสักวัน! บัดนี้ดีเสียนี่กะไร จักรพรรดิผู้สูงศักดิ์ ถึงกับถูกหมอหญิงตัวเล็กๆด่าสาดเสียเทเสีย! ภาพลักษณ์ของกษัตริย์เยี่ยงเขายังต้องมีอีกหรือไม่?!
ยกพระหัตถ์ทันที ตะคอกกับองครักษ์รับใช้ข้างหลัง “ทหาร! จับคนสารเลวผู้นี้ให้เจิ้น! ลงดาบประหาร!”
“ลงดาบประหาร?! เหอะๆ ด้วยลูกอกตัญญูเยี่ยงเจ้าน่ะหรือ! ต่อให้ข้าถูกหมากัดตายก็ไม่มีทางถูกสิ่งของสู้เดรัจฉานมิได้เยี่ยงเจ้าลงดาบประหารหรอก!”
“ข้าเป็นศิษย์คนรองของหมอเทวดาเตี๋ยกู่ ถ้าเจ้าไม่กลัวล่วงเกินผู้รักษาของใต้หล้า เจ้าก็ให้คนมาจับข้าไปประหาร เจ้าลองประหารให้แม่ดูสิ! มาสิ คอข้ามันยื่นออกมาแล้ว มาสิ ตัดสิ!”
หมอหญิงคนนั้นเอ่ยพลางยืดคอของตัวเองไปข้างหน้า เห็นท่าทางตะลึงงันอึ้งค้างของทุกคน เยาะเย้ยหนึ่งเสียง ล้วงป้ายหยกขาวแผ่นหนึ่งออกมาจากในอก “เห็นชัดหรือยัง บนนี้เขียนตัวอักษรอะไร!”
จักรพรรดิจุกตันหัวใจ เขานึกว่านางเป็นแค่หมอหญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าในวังแห่งนี้ถึงกับมีผู้สืบทอดของหมอเทพเตี๋ยกู่ ทั้งยังถือครองป้ายหยกของท่านหมอเตี๋ย…
นอกพระตำหนักโซ่วอัน ไม่ว่าเป็นคนของพระพันปี คนของจักรพรรดิรัชทายาทล้วนสะเทือนขวัญไม่มีที่สิ้นสุด หมอหญิงที่ดูแล้วมีอายุสิบกว่าเกือบยี่สิบปี ถึงกับกล้าแทนตัวเองว่าแม่ ซ้ำบอกว่าตัวเองอายุร้อยแปดสิบปีแล้ว ทั้งยังกล้าป่าวประกาศท้าทายจักรพรรดิและรัชทายาท
สวรรค์ พวกเขาได้ยินสิ่งใด พบเห็นสิ่งใด…
จักรพรรดิโกรธจนแทบทำลายฟ้าทลายแผ่นดิน ทว่าต่อหน้าหมอหญิงคนนี้แม้แต่ผายลมก็ยังไม่กล้า ฆ่าหมอหญิงคนหนึ่งเป็นเรื่องเล็ก แต่หาเรื่องเตี๋ยกู่นั่นก็ยุ่งยากแล้ว
“เสด็จพ่อ เราไปกันก่อนเถิด” รัชทายาทที่อยู่ข้างๆเองก็อดสั่นสะท้านมิได้ หลายปีมานี้ชายแดนไม่ขาดเรื่องสงคราม ได้เตี๋ยกู่ช่วยเหลือไว้ไม่น้อย แม้ไม่มีปัจจัยเรื่องนี้ แต่ใครเล่าจะกล้าบุ่มบ่ามล่วงเกินหมอเทวดาของใต้หล้า นี่มิใช่ตัวเองรนหาทางตายหรอกรึ!
พระพันปีอัดอั้นตันใจ ซ้ำโทสะโจมตีหัวใจ จึงกระอักเลือดล้มสลบ โชคดีมีหมอหญิงท่านนี้อยู่ด้วย มิเช่นนั้นทั้งสำนักหมอหลวงคงมืดมนจับทางไม่ถูกแล้ว
แต่ถึงอย่างนี้ หมอหญิงเฝ้าอยู่ในห้องบรรทมของพระพันปีไม่หลับไม่นอนแล้วสามวัน พระพันปีถึงค่อยนับว่าทุเลาลงในที่สุด ระหว่างนี้รัชทายาทมาเยี่ยมอีกครั้ง ก็ถูกหมอหญิงผู้อิดโรยถือสากตำยาไล่ออกไป เพียงแต่ดีกว่ากิริยาที่ปฎิบัติต่อจักรพรรดิ อย่างน้อยก็ดีกว่าหน่อยนึง อย่างไรก็ยังทิ้งไว้หนึ่งประโยค “รีบไสหัวไป ยั่วโทสะอีกล่ะก็ข้าไม่ช่วยรักษาแล้ว!”
รัชทายาทเองมิใช่คนโง่ ย่อมฟังออกว่าเสด็จย่าของเขาไม่เป็นไรแล้ว ในที่สุดศิลาก้อนใหญ่ในใจก็ร่วงลงพื้น นี่ยังต้องรีบไปควบคุมสถานการณ์ พระพันปีประชวรหนักกะทันหัน บนราชสำนักบัดนี้ไม่ว่าคำพูดใดล้วนมีหมด
ตอนที่ 850 ทุกคนล้วนแสร้งโง่มึนงง
ถึงขั้นยังมีข่าวลือกล่าวทำนองว่า จักรพรรดิลอบทำร้ายแม้กระทั่งหลานผู้บริสุทธิ์ของตัวเอง นับประสาอะไรกับพระพันปีอาวุโสที่คอยควบคุมจำกัดเขาทุกเรื่องเล่า!
ข่าวลือนี้น่าสนใจแล้ว เหตุใดจักรพรรดิทำเช่นนี้น่ะหรือ? ง่ายมาก คิดว่าตัวเองใหญ่คับฟ้าคับดิน ไม่ยินยอมถูกคนควบคุมน่ะสิ พูดให้ลงลึกอีก พระพันปีประชวรได้อย่างไร เหอะๆ เรื่องราวภายในรั้วกระเบื้องแดงกำแพงสูง ผู้ใดเล่าจะบอกได้ชัดเจน…
แม้ข่าวลือเหล่านี้แท้จริงแล้วใส่ความจักรพรรดิ แต่ใครจะรู้ในก้นบึ้งหัวใจเขามีความคิดนี้อยู่หรือไม่? อย่างไรตั้งแต่หลังเกิดเรื่องอี้เมิ่งกุ้ยเฟยคราก่อน แม้บัดนี้คนตาสว่างแล้ว ทว่าพฤติกรรมนับวันกลับไม่ปกติลงเรื่อยๆ
สองวันนี้หมู่ขุนนางราชสำนักล้วนรวมตัวไม่แยก กิริยาท่าทางเหมือนหูหนวกตาบอด ครั้นฮ่องเต้ทรงกริ้วแล้วก็คุกเข่าร้องตะโกนสองประโยค “ฝ่าบาทโปรดระงับโทสะ” หลังลุกยืนแล้วก็กลับไปเป็นหุ่นไม้ ไม่พูดอะไรอีก
พวกเขารู้ว่าจักรพรรดิทำเกินไป แต่นั่นแล้วอย่างไร ผู้อื่นเป็นกษัตริย์นี่! ตัวเองไหนจะใจกล้ากระด้างกระเดื่องเปิดเผย ทว่ากิริยาท่าทางในตอนนี้ก็เป็นการประท้วงโดยไม่ต้องพูดแล้ว ถึงกับมีขุนนางอาวุโสหลายคน อัครเสนาบดีฝ่ายซ้าย พร้อมใจกันลาหยุดไม่เข้าราชสำนัก ถามว่าเป็นอะไรไป ข่าวคราวที่ส่งมาบอกว่ากลางคืนฝันร้ายตกใจปวดหัวจนหัวแทบแตก ลุกขึ้นไม่ไหวอย่างแท้จริง
ล้วนกล่าวกันว่าคนมโนธรรมไม่สงบจะฝันร้าย…
จักรพรรดิโมโหจนอยากฆ่าคนเหล่านี้ให้หมดสิ้นใจจะขาด ทว่าขุนนางอาวุโสหลายคนนี้ล้วนเป็นขุนนางเปรียบเหมือนกระดูกต้นแขน กอรปกับตอนนี้แม้แต่ในหมู่ชาวบ้านก็มีข่าวลือว่าจักรพรรดิกลัวขุนนางอำนาจสูงกลบนาย มีเจตนาสังหารทายาทของตระกูลขุนนางผู้มีความดีความชอบ
พระพันปีอาเจียนเลือดแล้ว แม่นมเดิมทีไม่คิดอยากนำเรื่องขุ่นข้องหมองใจพวกนี้ไปสร้างความหนักพระทัย ทว่าจนใจข่าวลือข้างนอกหนาหูขึ้นทุกวัน ราชสำนักเองก็นับวันระส่ำระสาย นางเองคิดมานานแล้วว่าเรื่องนี้ไม่อาจปกปิดได้อีกต่อไป
ฉะนั้นจึงอาศัยจังหวะพระพันปีดื่มยาหมดแล้ว นางค่อยพูดขึ้นอ้ำๆอึ้งๆ “นายหญิง ข้างนอกมีข่าวลือไม่ใคร่ดีนัก หม่อมฉัน หม่อมฉันกลัวว่า…”
ฟังถึงตรงนี้ พระพันปียังมีอันใดไม่เข้าใจ? มองไปยังแม่นม “เจ้าพูดมาเลย อายเจียยังมีอะไรให้รับไม่ไหวอีก?! ”
แม่นมจึงถ่ายทอดคำพูดเกี่ยวกับข่าวลือในราชสำนักและนอกวังเหล่านั้นให้แก่พระพันปี แม้นคำไม่น่าฟังเหลือรับเหล่านั้นนางตัดออกไปกว่าครึ่งแล้ว แต่ยังทำให้พระพันปีทรงกริ้วไม่น้อย
“ลูกทรพี! ลูกทรพีจริงๆ!”
“นายหญิง พระองค์ใจเย็นระงับโทสะ ในสภาพการณ์เช่นนี้ ถ้าพระองค์เกิดเป็นอะไรขึ้นบ้านเมืองต้องโกลาหลเป็นแน่เพคะ”
ตอนแม่นมเอ่ยประโยคนี้ในใจก็เต้นตึกตักหนึ่งเสียง นางรู้ตัวเองพูดเช่นนี้มีโทษฐานทรยศ แม้ประหารล้างตระกูลเก้าชั่วโคตรนั่นก็มิได้เกินไป แต่นางเป็นห่วงจริงๆ
โชคดีที่พระพันปีมิได้ถือสาเรื่องพวกนี้ กลับกันคำพูดของแม่นมยิ่งเสริมให้ได้ยินหัวใจส่วนลึก ครุ่นคิดอยู่ครึ่งค่อนวันในที่สุดก็กล่าวว่า “ถือตรามังกรของจักรพรรดิองค์ก่อน แถลงราชโองการต่อใต้หล้า อายเจียจะว่าราชการหลังม่าน!”
แม่นมแม้ประหวั่นพรั่นพรึงเล็กน้อย แต่ยังรับบัญชาอย่างรวดเร็ว อีกทั้งสอดผ้าห่มให้พระพันปีพลางกล่าว “นายหญิงวางพระทัย เรื่องเหล่านี้หม่อมฉันจะไปจัดการให้เรียบร้อย พระองค์ทรงพักผ่อนสงบใจ ทางจ้านหวังเฟยนั้นหม่อมฉันก็จะไปดูสักเที่ยว พระองค์ตื่นแล้วค่อยไปเยี่ยมดูสักหน่อย”
พระพันปีพยักหน้า ต่อให้นางเป็นห่วงซูเซียงกว่านี้ก็ฝืนตัวเองไม่ไหวลุกไม่ขึ้นอย่างแท้จริง ในตอนที่แม่นมกำลังจะออกประตูยังกำชับอีกหนึ่งประโยค “เข้าพบคนแล้วอย่าเรียกว่าจ้านหวังเฟยอีก เรียกนางว่าจวิ้นจู่เถอะ”
ฝีเท้าของแม่นมชะงักเล็กน้อย ลอบทอดถอนใจ สุดท้ายขาน “เพคะ”หนึ่งเสียง นับว่าตกลงแล้ว นางติดตามพระพันปีหลายปีขนาดนี้มีหรือจะไม่รู้ความคิดที่แฝงอยู่ในนี้? แม่นางคนนั้นก็เป็นคนหัวแข็ง นี่ก็ห้าหกวันแล้วยังนิ่งเงียบไม่พูดกับท่านอ๋องแม้แต่ครึ่งคำ กระทั่งเหลือบมองสักสายตายังไม่ยินดี ทำเอาหลายวันนี้ทั้งร่างกายของท่านอ๋องกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง เดินไปไหนก็มีไอเย็นแผ่ฟู่ออกมา
เรื่องพระพันปีมีราชโองการประสงค์ว่าราชการหลังม่านมิใช่เรื่องที่จะจัดการเรียบร้อยภายในวันสองวัน แม้นอย่างไรจักรพรรดินับว่าไม่ตามครรลองอยู่บ้าง ทว่าคนฝ่ายสนับสนุนจักรพรรดิเหล่านั้นก็ไม่ยินดีเสียผลประโยชน์สักเท่าใด ต้องการรักษาความชอบธรรมของผู้สืบสันติวงศ์อะไรทำนองนั้น คนสองฝั่งฉุดยื้อกันอยู่นาน สุดท้ายเนื่องด้วยจักรพรรดิกระทำไม่สมควรจริง คนฝ่ายขวาเหล่านั้นเองก็ไร้วาจาแก้ต่าง จำต้องหลับตาข้างลืมตาข้างว่าอย่างไรก็ตามนั้น เตรียมการเรื่องว่าราชการหลังม่าน