เพราะรักสลักใจ - ตอนที่ 857 ขวัญกำลังใจของทหารชายแดนสั่นคลอน / ตอนที่ 858 ราชสำนักโกลาหล ชายแดนปั่นป่วน
- Home
- เพราะรักสลักใจ
- ตอนที่ 857 ขวัญกำลังใจของทหารชายแดนสั่นคลอน / ตอนที่ 858 ราชสำนักโกลาหล ชายแดนปั่นป่วน
ตอนที่ 857 ขวัญกำลังใจของทหารชายแดนสั่นคลอน
ทีแรกจ้าวเซิงยังกลัวว่าซูเซียงจะไม่ชอบองครักษ์คนใหม่ที่พระพันปีมอบให้นาง แต่ผิดคาดตอนเขาพลิกตัวกลับไปก็เห็นซูเซียงกำลังสนทนากับองครักษ์หญิงคนนั้น ดูออกว่ายอมรับแล้ว
“นายหญิงวางใจ ต่อไปพวกข้าน้อยเป็นคนของนายหญิงแล้ว ไม่มีทางมีใจเป็นอื่นเด็ดขาด”
ซูเซียงพยักหน้า “ในเมื่อเป็นคนของเสด็จย่าข้าก็จะรับพวกเจ้าไว้ ต่อไปข้ากินหนึ่งคำ พวกเจ้าก็กินหนึ่งคำ ข้าไม่ยึดติดแนวคิดใครนายใครบ่าว ต่อไปทุกคนล้วนเป็นญาติพี่น้องกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”
ก่อนองครักษ์ลับคนนี้จะมา พระพันปีได้บอกเล่าเรื่องราวมากมายของซูเซียงให้นางฟังแล้ว ดังนั้นแม้ไม่ค่อยเห็นด้วยกับที่ซูเซียงบอกว่าจะยึดถือพวกนางเป็นญาติพี่น้อง แต่กลับยังอบอุ่นหัวใจ พยักหน้ากล่าว “นับแต่นี้เป็นต้นไปพวกข้าน้อยจะปกป้องนายหญิงสุดชีวิต ไม่ยอมให้นายหญิงถูกลอบทำร้ายเช่นนั้นเด็ดขาด ”
ประโยคนี้แม้พูดอย่างคลุมเครือ แต่ซูเซียงก็ฟังเข้าใจ ต่อให้นางกับจ้าวเซิงกลับถึงชนบทแล้ว เบื้องหน้าจักรพรรดิกับรัชทายาทไม่ก่อการณ์อะไร แต่ลับหลังมีคนถ่อยที่ต้องการประจบเอาใจพวกเขาเหล่านั้นก็มิใช่น้อย หรือพูดได้ว่าภาวะการณ์ของพวกเขามิได้ปลอดภัยมากนัก
ซูเซียงพยักหน้า “เช่นนั้นภายหน้าก็ลำบากพวกเจ้าแล้ว”
องครักษ์หญิงฝืนยิ้มๆ ยกโจ๊กตุ๋นด้านข้างป้อนให้ซูเซียงดื่มทีละคำเล็ก ปากพยายามพูดเอาใจทุกวิถีทางเพื่อปลอบโยนซูเซียง
ซูเซียงฟังออกว่าสตรีนางนี้เพื่อสรรหาคำพูดน่าฟังมาปลอบนางต้องรีดเค้นสมองมากทีเดียว ในหัวใจก่อเกิดความอบอุ่น
พักแรมอยู่ในจวนของผู้ว่าราชการฉางสองวัน ซูเซียงและจ้าวเซิงทั้งขบวนก็เร่งเดินทางไปหมู่บ้านสกุลซ่ง
ตอนกลับถึงบ้าน พระราชเสาวนีย์ฉบับที่สามของพระพันปีก็แพร่กระจายไปทั่วแล้ว คหบดีท้องถิ่นหลายแห่งไปจนถึงขุนนางท้องที่อื่นต่างทยอยกันมาแสดงความยินดีกับผู้เฒ่าหวังและหวังต้าเหนียง พูดจาไพเราะน่าฟัง ประจบเอาใจ แต่ผู้เฒ่าหวังกับหวังต้าเหนียงกลับดีใจไม่ออกอย่างสิ้นเชิง
ลูกสาวของพวกเขาอยู่ในเมืองหลวงประสบเคราะห์ใหญ่หลวง หลานที่นับวันตั้งตารอก็ไม่มีเสียแล้ว พวกเขาโมโหจนคิดอยากทำร้ายคน ถ้ามิใช่กลัวว่าจะลากลูกสาวให้พลอยลำบากและเห็นแก่คนทั้งครอบครัวใหญ่แล้ว พวกเขาสองสามีภรรยาอยากโยนพระราชเสาวนีย์บ้าบออะไรนั่นทิ้งลงกองปฏิกูลไปเสียให้พ้น
ถ้าลูกสาวบ้านตัวเองแต่งให้ชายหนุ่มหมู่บ้านข้างเคียงแล้วเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นล่ะก็พวกเขาสองผัวเมียคงบุกไปเผาบ้านของผู้อื่นแล้ว แต่ใครใช้ให้ลูกสาวบ้านตัวเองไม่แต่งกับหนุ่มชนบทบ้านนาทั่วไป แต่ไปแต่งกับลูกชายของฮ่องเต้เล่า เลยต้องกล้ำกลืนฝืนทนกินความอัดอั้นตันใจอยู่แบบนี้
“ตาแก่เจ้าอย่าโมโหไปเลย ประเดี๋ยวลูกสาวกลับมาเห็นสภาพนี้ของเจ้าแล้วจะปวดใจอีก” หวังต้าเหนียงคอยกล่อมอยู่ข้างๆ แต่ในใจตัวเองก็ยังมีความคับแค้นอยู่เต็มท้อง
“รอให้ไอ้หนุ่มนั่นกลับมาข้าต้องต่อยเขาสักยกให้จงได้ แม้แต่ภรรยากับลูกตัวเองยังปกป้องไว้ไม่ได้ เป็นผู้ชายประสาอะไรของมัน?! ” ผู้เฒ่าหวังโมโหมากแล้ว แม้แต่คำหยาบคายก็ล้วนพูดออกมา พ่นยาสูบควันฉุยหนึ่งคำ เคาะกล้องยากับขอบประตูดังแกร๊งๆ
ได้ยินความเคลื่อนไหวในลานบ้าน ภูตผีปีศาจทุกสารทิศที่พากันเข้าประตูมาประจบก็ไม่กล้าเดินเข้ามาด้านใน รวมถึงพวกชิงเหมยชิงหลานก็มิใช่ตัวละครที่หาเรื่องด้วยได้ เห็นนายท่านนายหญิงอาวุโสบ้านตัวเองปล่อยโทสะแล้ว พวกนางไหนเลยจะกล้าปล่อยให้คนผู้ใดเข้ามา ไม่ทันไรก็ชักมีดยืนอยู่ตรงหน้าประตู หน้าตาเย็นชาราวกับพญายม
ต่อมาพระพันปีก็มีพระราชเสาวนีย์ลงมาอีก รับองค์หญิงเต๋อฮุ่ยเป็นธิดาบุญธรรม แต่งตั้งเป็นองค์หญิงกู้หลุนฮู่กั๋วเป็นกรณีพิเศษ
แต่พระราชเสาวนีย์ที่พระพันปีประกาศลงมาทางจวนเจิ้นกั๋วเจียงจวินไม่รับ จวนองค์หญิงเองก็ไม่รับ ส่งกลับไปแบบปิดผนึกดังเดิม และน้องชายทั้งสองขอราชบุตรเขยก็มิได้กลับจวนเจิ้นกั๋วเจียงจวิน แต่ตรงไปอยู่ที่จุดพักม้า เดิมทีพระพันปีอยากให้พวกเขากลับไปดูแลชายแดนก่อน หลังจากนี้ไม่นานจะให้คำตอบเป็นที่พึงพอใจแก่ทุกคน แต่สองคนปฎิเสธรับราชโองการ บอกว่าถ้าไม่ได้คำตอบก็ไม่กลับชายแดน
เนื่องด้วยทั้งสองอยู่ในเมืองหลวงระยะเวลานานแล้วยังไม่ได้ตามคำขอ สถานการณ์ทางชายแดนก็ยิ่งบีบคั้น นายทหารจำนวนมากทยอยกันส่งคำร้องคืนอำนาจทางทหาร ลากลับบ้านเกิด
ทุกคนต่างรู้สึกว่าในเมื่อกองทัพของตัวเองสู้รบหลั่งเลือดในสมรภูมิต้านภัยต่างแคว้น แต่มิอาจยับยั้งความคลุ้มคลั่งของจักรพรรดิแคว้นตัวเองได้ มิสู้ถือโอกาสตอนมีชีวิตอยู่กลับไปกอดลูกเมียที่บ้านใช้ชีวิตอย่างสงบสุขสักสองวันเล่า ถึงเวลาก็ตายไปอย่างเต็มใจมิใช่หรือ?
ตอนที่ 858 ราชสำนักโกลาหล ชายแดนปั่นป่วน
อย่างที่รู้กันว่าขวัญกำลังใจของทหารสั่นคลอนเป็นปัญหาใหญ่อยู่แล้วเป็นทุนเดิม ประกอบกับในใจทุกคนถึงกับมีความคิดแบบนี้จึงเป็นเหตุให้สถานการณ์ยิ่งวุ่นวายโกลาหล
ทว่าจักรพรรดิกับรัชทายาทดันไม่สำนึกผิด วันๆเอาแต่อาละวาดด่าทออยู่ในตำหนักบรรทม
ไม่รู้เรื่องเป็นมาอย่างไร ว่ากันว่าจักรพรรดิกับรัชทายาทลักลอบออกจากพระตำหนักตอนกลางคืน กระทำเรื่องโง่เง่าอะไรบางอย่างจนพระพันปีทรงกริ้ว ตรงเข้าถือตรามังกรของจักรพรรดิองค์ก่อนขึ้นราชสำนัก ประณามจักรพรรดิขาดคุณสมบัติปกครองบ้านเมือง ให้เขาลงจากตำแหน่ง อีกทั้งรัชทายาทใช้วิธีการชั่วร้ายไม่คู่ควรกับวังบูรพา จะลดขั้นเขาเป็นชินอ๋อง
ราชสำนักโกลาหล ขุนนางวอนขอ ด้านหนึ่งประณามจักรพรรดิ ด้านหนึ่งขอร้องพระพันปีคำนึงถึงประชาราษฎร์ให้ทรงถอนคำสั่ง
อย่างไรก็ตามไม่รู้ว่าคืนนั้นรัชทายาทกับจักรพรรดิกระทำเรื่องโง่เขลาอันใด แต่พอจะมองออกว่าพวกเขากระทำขาดหลักคุณธรรม ดังนั้นไม่ว่าพระพันปีรับสั่งอะไร จักรพรรดิกับรัชทายาทล้วนไร้ทางโต้แย้ง จักรพรรดิกับรัชทายาททำได้เพียงเผชิญหน้าทุกคนกลางท้องพระโรง ให้คำมั่นว่าต่อไปจะไม่ก่อกวนคู่สามีภรรยาจ้าวเซิงอีก
ภายใต้ท่าทีแข็งกร้าวใบหน้าเย็นชาของพระพันปี จักรพรรดิยังถูกบังคับใก้ออกราชโองการตำหนิตัวเอง โบยชุดคลุมมังกร แต่พระพันปีไม่ยอม ให้คนโบยจักรพรรดิยี่สิบไม้
จักรพรรดิถูกโบย เรื่องนี้ไม่เคยประสบพบเจอในประวัติศาสตร์ราชวงศ์ แต่ครานี้ทุกคนต่างทำเป็นหูหนวกตาบอดหันหน้าไปอีกทาง
จักรพรรดิโดนโบยแล้ว รัชทายาทก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน ถูกทำโทษให้คุกเข่าคัดคัมภีร์อยู่ในหอบรรพชน ไม่อนุญาตไม่ออกมาเป็นเวลาครึ่งปี ทั้งยังใช้กองกำลังทหารเฝ้าดูอย่างเข้มงวด
ไม่มีลูกชายที่คอยออกความคิดกำหนดแผนการอยู่ข้างกายตลอด จักรพรรดิกริ่งเกรงพระพันปี ย่อมไม่กล้าก่อความวุ่นวายอีก แต่ในใจกลับท่องด่าซูเซียง เกลียดชังแทบตาย เขาสาบานเลยว่าถ้ามีโอกาสเขาจักต้องจัดการคนชั่วผู้นั้นให้ตายไร้หลุมฝังร่าง! ยังมีบิดามารบุญธรรมอะไรนั่นของนาง คิดเป็นฮูหยินขุนนาง คิดเป็นท่านปั๋วเชียวรึ ไม่มีทาง! แม้กระทั่งคนในมณฑลอำเภอนั่นก็สมควรตายทั้งหมด เขาจะไม่ยอมปล่อยไปแม้แต่คนเดียว!
หึหึ อย่างไรก็เคยเกิดขึ้นแล้ว
สถานที่เกิดโรคระบาด ให้โรคมัน “ระบาดซ้ำ”อีกครั้ง มิใช่เรื่องเรื่องใหญ่เปลืองแรงอะไร ถึงเวลาเขาก็ส่งหมอหลวงที่ไม่ชอบหน้าสองสามคนตามลงไปก่อกวน สุดท้ายค่อยใช้ข้ออ้างว่าเพื่อป้องกันไม่ให้โรคแพร่ระบาดไปยังมณฑลอำเภอข้างเคียง สั่งปิดประตูเมืองแล้วค่อยสุมไฟกองใหญ่เผาให้เกลี้ยง!
“คนชั่วสมควรตาย! ปล่อยให้ได้ใจไป! ปล่อยให้เจ้าได้ใจไป!” จักรพรรดิคลุ้มคลั่งอยู่ในตำหนักบรรทม
ไม่ว่าจะพูดเช่นไร เนื่องด้วยวิธีการแข็งกร้าวของพระพันปี เรื่องในครานี้จึงนับว่าควบคุมลงได้
เพราะจักรพรรดิถูกโบย รัชทายาทถูกกักบริเวณ และนับว่าเป็นการระบายอารมณ์โกรธของจวนเจิ้นกั๋วเจียงจวินโดยทางอ้อมแล้ว ดังนั้นน้องชายของราชบุตรเขยทั้งสองคนแม้ไม่พอใจอย่างมากที่สูญเสียทายาทสืบสกุล แต่ก็รับคำสั่งกลับไปประจำชายแดน
องค์หญิงเต๋อฮุ่ยเองก็เศร้าโศกจนตัวคนผอมลงไปมากทีเดียว เดิมทีก็ไม่สูงอยู่แล้ว บัดนี้ผอมลงอีก ราวกับถูกลมพัดก็ล้มได้แล้วอย่างไรอย่างนั้น ทว่านางยังรับราชโองการของพระพันปีที่แต่งตั้งนางเป็นฮู่กั๋วกงจู่ นับเป็นการแสดงออกว่าไม่สืบสาวเรื่องนี้แล้ว
แต่ถึงแก่นแล้วเพราะสูญเสียทายาทสืบสกุล ในใจทุกคนล้วนรู้สึกย่ำแย่ และการบาดเจ็บของซูเซียงครานี้ก็สาหัสยิ่งนัก หมอหลวงกล่าวแล้วว่านับแต่นี้เกรงว่าซูเซียงคงไม่อาจมีบุตรได้อีก ดังนั้นเพียงชั่วขณะเดียวองค์หญิงเต๋อฮุ่ยจึงเหมือนกับชราลงไปสิบปี พระพักตร์เปี่ยมความโดดเดี่ยวโศกา ทุกวันนั่งคุกเข่าในห้องพระ ถือศีลกินเจ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมออกมา
น้องชายทั้งสองของราชบุตรเขยแม้กลับชายแดนแล้วจะนับว่าควบคุมเรื่องราวลงได้ แม้นสองคนมิได้เอ่ยอันใด ทว่าเหล่าทหารชายแดนถึงที่สุดแล้วก็ยังไม่รู้สึกยินดี ขวัญกำลังใจก็มิได้สูงนัก ดังนั้นในสองศึกที่ผ่านมาทุกคนจึงไม่ได้ตั้งใจออกไปรบ ไม่เพียงแต่เสียอำเภอเล็กๆไปอำเภอหนึ่ง แม้กระทั่งข้าวของสมบัติก็ถูกชิงไปไม่น้อย คนบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน อีกทั้งค่ายบัญชาการใหญ่ที่ประจำการก็ถอยร่นไปสิบกว่าลี้ สองสมรภูมินี้นับได้ว่าพ่ายแพ้ยับเยิน
รายงาน…เสียอำเภอหยางชา กองกำลังของเราถอยทัพสิบลี้
รายงาน…เสียจังหวัดอี๋ กองกำลังของเราถอยทัพสิบลี้
รายงาน…ขุนพลนายกองฝ่ายซ้ายสิ้นชีพ ขอกำลังขุนพลไปเสริม
รายงาน…
หลายวันติดต่อกัน เรื่องที่ตกสู่พระกรรณของพระพันปีล้วนเป็นข่าวร้ายเหล่านี้ ทำให้แม้กระทั่งยามราตรีนางยังไม่กล้าหลับตา
“พระองค์ท่าน เกรงว่าฝ่ายตรงข้ามทราบเรื่องท่านอ๋องสงครามแล้ว นี่ นี่จะทำเช่นไรกันดีเพคะ?” แม่นมที่สุขุมหนักแน่นมาตลอด เวลานี้ยังเดินวนไปวนมาอยู่ข้างๆ ด้วยจิตใจว้าวุ่น