เพราะรักสลักใจ - ตอนที่ 863 ภรรยายังห่วงใยเขา / ตอนที่ 864 รัชทายาทกับจักพรรดิผู้สูงส่งกำลังทำอะไรกันอยู่
- Home
- เพราะรักสลักใจ
- ตอนที่ 863 ภรรยายังห่วงใยเขา / ตอนที่ 864 รัชทายาทกับจักพรรดิผู้สูงส่งกำลังทำอะไรกันอยู่
ตอนที่ 863 ภรรยายังห่วงใยเขา
ไม่มีความลำบากใดที่เขาไม่เคยพบเจอ ไม่มีความเจ็บปวดใดที่เขาไม่เคยประสบ แต่บัดนี้ความคันทะลุหัวใจนี้ทำเอาเขาแทบตกลงไปในน้ำ ตะกร้าในมือลื่นลงมา ไหลไปตามกระแสน้ำ เขาทะยานตัวเหินขึ้นทันที ร่วงตกลงบริเวณพื้นที่แห้ง
ซูเซียงเห็นดังนี้ ในใจร้อนรนกระโดดเข้าไปหาเขา ดึงแขนเขาไว้แล้วพูดอย่างฉุนเฉียว “เจ้าลาโง่ ทำอะไรเนี่ย บอกเจ้าแล้วใช่ไหมว่าอย่าจับ อย่าจับ! ทำไมเจ้าไม่ระวังเลย เดี๋ยวเจ้าก็ได้ตายเพราะโง่หรอก!”
พูดตามตรง ทั้งชีวิตจ้าวเซิงไม่เคยคันคะเยอแปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน คันจนเขาอยากหยิบมีดมาตัดนิ้วทิ้งใจจะขาด
แต่เห็นซูเซียงนั้นพองแก้มเหมือนกบน้อยอบรมเขา หัวใจก็อบอุ่นขึ้นเป็นระลอก
บุรุษที่หน้านิ่งเย็นชามาตลอด บัดนี้กลับฉีกยิ้มโง่งมยิ่งนัก “ฮี่ๆ ไม่เป็นไรที่รัก ไม่คัน ไม่คันเลย…”
ซูเซียงตีเขาทีหนึ่งอย่างไม่สบอารมณ์ “ดูท่าทางโง่เง่าของเจ้าสินั่น ยังบอกว่าไม่คัน คันจะตายอยู่แล้วนั่นน่ะ!”
ซูเซียงแม้ด่าก็ส่วนด่า แต่ยังเป็นห่วงมากอยู่ดี ดึงมือของเขาพลางกล่าว “ ไป รีบกลับบ้าน โชคดีที่ในบ้านยังมียาอยู่นิดหน่อย ไม่อย่างนั้นมือข้างนี้ของเจ้าคงใช้ไม่ได้แล้ว!”
จ้าวเซิงกลัวของบนมือจะเปื้อนติดร่างกายซูเซียง รีบเอามือข้างนั้นไพล่ไว้ด้านหลัง กอดรัดซูเซียงไว้ในรักแร้ เหาะกลับบ้านอย่างระมัดระวัง
ซูเซียงกลับมาแล้วก็ตะโกนเข้าไปในเรือน “ชุ่ยหลิ่ว ชุ่ยหลิ่ว รีบหยิบกล่องยามาให้ข้า!”
ชุ่ยหลิ่วเดิมทีให้อาหารไก่อยู่ในสวนหลังบ้าน ได้ยินเสียงตะโกนของซูเซียงก็ใจเต้นตูมตาม คงไม่มีใครบาดเจ็บมากระมัง? ทันใดนั้นก็ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว โยนถาดอาหารไก่ออกไป ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถาดกลิ้งไปถึงไหน วิ่งเข้าห้องซูเซียงรวดเร็วปานลมปานไฟ หิ้ว**บยาออกมา
ครั้นเห็นว่ามิใช่ซูเซียงบาดเจ็บ ชุ่ยหลิ่วถึงค่อยตบๆหน้าอก แต่ลมหายใจนี้ของนางยังไม่ทันคลายลงก็เห็นนิ้วมือสองนิ้วที่บวมเหมือนกับกีบเท้าหมูของจ้าวเซิง พลันตกใจจนกรามแทบหลุด
“ท่านเขย ท่านเป็นอะไรไปนี่?!” ชุ่ยหลิ่วประหลาดใจถามเสียงตื่น
หลังจากกลับมาจ้าวเซิงก็กำชับทุกคนไม่ให้เรียกเขาว่าองค์ชายอีก ดังนั้นพวกชุ่ยหลิ่วจึงถือโอกาสเปลี่ยนคำเรียกจ้าวเซิงเป็น “ท่านเขย”
ซูเซียงไม่ทันมองชุ่ยหลิ่วสักสายตา รีบพลิกห่อยาใบเล็กออกมาจาก**บยาชั้นล่างสุด ยาห่อนี้เป็นยาที่เหลือจากให้คนงานเตรียมสมุนไพรเมื่อคราวนั้น
ซูเซียงเปิดห่อยาออกทันที จากนั้นพลิกเหล้าล้างแผลด้านบน ผสมมันเข้ากันเป็นเนื้อเหลวข้นแล้วทาลงบนนิ้วทั้งสองของจ้าวเซิง จากนั้นหยิบผ้าขาวมาพันไว้
“อวดเก่งนักนะ! บอกเจ้าแล้วว่าของสิ่งนี้ห้ามสัมผัส เดี๋ยวเจ้าจะคันตายเอา อยากเห็นข้าเป็นห่วงเจ้าใช่ไหม?!”
ซูเซียงพูดพลางดึงแถบผ้าผืนนั้นเข้ามาพันหลายรอบแล้วผูกเป็นเงื่อนผีเสื้อ จากนั้นฮึดฮัดงึมงำอยู่ในปาก แสร้งทำเป็นไม่สนใจไปเก็บ**บยาของนาง เพียงแต่สายตาเหลือบมองมายังนิ้วมือของจ้าวเซิงอยู่บ่อยครั้ง
จ้าวเซิงเห็นซูเซียงแอบมองเขาแบบนี้ ในใจก็หวานฉ่ำปานได้กินน้ำผึ้ง ภรรยาคนนี้ของเขาแม้ตีหน้าเย็นชา บอกว่าไม่ห่วงเขา บอกว่าเห็นเขาน่ารำคาญ แต่แท้จริงแล้วก็ยังวางเขาไว้ในหัวใจ
ก็เป็นเช่นนี้ จ้าวเซิงแบกมือเหมือนหมูคากินั้นส่ายไปส่ายมาอยู่ในบ้านหลายวัน ซูเซียงแม้ตาขวางเย็นชาใส่เขาทุกวัน แต่ก็ยังเปลี่ยนยาให้เขาตามเวลา
ของที่จ้าวเซิงขุดเมื่อวันก่อนไม่ได้นำกลับมา ต่อมาซูเซียงจึงสั่งให้หลงฉีไปจัดการของสิ่งนั้นกลับมาอย่างระมัดระวัง ทั้งยังกำชับให้ใส่ถุงมือหนังหั่นหัวเผือกนั้นออกเป็นแว่น วางไว้บนหม้อใบใหญ่อบให้แห้ง จากนั้นบดเป็นผงอย่างระมัดระวัง เพียงแต่หม้อใบใหญ่ที่เคยใช้อบของสิ่งนี้แล้วต่อไปก็ไม่อาจใช้งานได้อีก
เพราะมีซูเซียงคอยเป็นผู้กำกับอยู่ข้างๆหลงฉีกับพวกชุ่ยหลิ่ว ทุกคนจึงเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง ไม่ได้บาดเจ็บถึงตัวเองและคนอื่นๆ
โดยรวดเร็ว เวลาสั้นๆเพียงประมาณสามวัน ซูเซียงก็นำของทั้งหมดที่บดเป็นผงแล้วบรรจุลงในกระบอกไม้ไผ่ที่นางจัดทำพิเศษ กระบอกไม้ไผ่สี่สิบกว่าแท่ง นับดูแล้วน่าจะมีประมาณยี่สิบสามสิบชั่ง
ลองคิดดู ของที่เพียงแค่แตะนิดเดียวยังคันคะเยอหาใดเปรียบ ถ้าติดตามตัวจำนวนมากขนาดนี้ โอย ไม่กล้าจะคิดต่อ…
ตอนที่ 864 รัชทายาทกับจักพรรดิผู้สูงส่งกำลังทำอะไรกันอยู่
รอจนทำทั้งหมดนี้เสร็จสิ้นแล้วซูเซียงจึงค่อยเรียกจ้าวเซิงเข้ามา ชี้สิ่งที่อยู่บนรถม้าพลางกล่าวว่า “เจ้ารีบให้คนหวดแส้เร่งม้าเร็วส่งไปยังชายแดน ที่ประจำการของฝ่ายศัตรูย่อมต้องมีแหล่งน้ำ พวกเจ้าคิดหาวิธีนำของสิ่งนี้ทั้งหมดปล่อยลงในน้ำ ถึงเวลาไม่ว่าจะดื่มหรือลูบตัวล้วนเกิดปัญหา เออใช่ ระวังหน่อย อย่าใช้มากเกินไป ข้าทำของสิ่งนี้เป็นแค่แผนรับมือชั่วคราว ไม่อยากสร้างบาปฆ่าคน โดยเฉพาะถเบาดเจ็บถึงชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ เข้าใจแล้วหรือยัง?!”
จ้าวเซิงยังตื่นตะลึงไม่ได้สติกลับมา เห็นแค่ริมฝีปากภรรยาบ้านตนอ้าๆหุบๆพ่นถ้อยคำออกมา ในใจเขาอึ้งตะลึงถึงที่สุด
สองวันนี้แม้เขาตัวติดกับซูเซียงตลอด แต่ยังไม่วางใจคิดหาสารพัดวิธี แอบใช้นามของตัวเองเขียนจดหมายไปให้ขุนพลทั้งหลาย ให้พวกเขารับศึกดีๆ แต่ถึงที่สุดก็รู้ดีว่านี้มิใช่การรักษาที่ต้นตอ
คิดไม่ถึง ตอนนั้นภรรยาบ้านเขายัดแผ่นกระดาษลงบนมือเขา ไม่พูดพร่ำก็ออกไปขุดของที่ทำให้คนยุบยิบ ที่แท้ทั้งหมดก็ทำเพื่อเขา
อันที่จริงเป็นจ้าวเซิงคิดมากไปแล้ว ซูเซียงไม่ได้ทำเพื่อเขาทั้งหมดโดยสิ้นเชิง แต่ทำเพื่อราษฎรของบ้านเมือง มีประโยคหนึ่งกล่าวไว้ได้ดี รังคว่ำมีหรือไข่สมบูรณ์ ถ้าบ้านเมืองเสียหาย ชาวบ้านราษฎรยังจะอยู่ดีหรือ? ถึงเวลาคนบาดเจ็บล้มตายจะต้องมากกว่าอุบายนี้ของนางพันล้านเท่าแน่
จ้าวเซิงราวกับได้รับของล้ำค่า สายตาที่มองซูเซียงต่างออกไป สุดท้ายถึงกับหอมแก้มซูเซียงภายใต้ดวงตาเบิกกว้างของธารกำนัล แล้วค่อยสาวเท้าเดินไปด้วยสีหน้าอบอุ่น
ซูเซียงยื่นมือลูบใบหน้าบริเวณที่ถูกจ้าวเซิงจูบ ใจเต้นเล็กน้อย ดวงหน้าพลันขึ้นสีแดง
“ตาบ้า” ซูเซียงงึมงำหนึ่งคำ หมุนตัวกลับเข้าไปในห้องอย่างเขินอาย
ทีแรกสามีภรรยาสกุลหวังยังเป็นห่วงอยู่ว่าคู่สามีภรรยาหนุ่มสาวทะเลาะเบาะแว้งกันภายหลังจะเกิดปัญหาอะไรหรือไม่ หลังเห็นฉากนี้ก็นับว่าวางใจลงได้แล้ว
หวังต้าเหนียงซึมอยู่หลายวันเพราะเสียหลานไปทั้งยังเป็นห่วงลูกสาว ในที่สุดตอนนี้บนใบหน้าก็พอมีรอยยิ้มขึ้นบ้างเล็กน้อย ผู้เฒ่าหวังที่มองดูอยู่ก็โล่งใจลงไปมาก
เขาตรวจชีพจรให้ซูเซียงเรียบร้อยแล้ว แม้กล่าวว่าครั้งนี้ร่างกายนางบาดเจ็บสาหัสจริง ไม่อาจมีบุตรได้ในชั่วครู่ชั่วยาม แต่ถ้าดูแลรักษาให้ดีล่ะก็ พวกเขายังเยาว์วัย ผ่านไปสักเจ็ดแปดปีก็ยังไม่หมดหวังเสียทีเดียว
แต่คำเหล่านี้เขารู้แค่ในใจไม่เคยบอกใครคนใด กลัวว่ายิ่งหวังมากก็จะยิ่งผิดหวังมาก
ทางชายแดน เพราะมีจดหมายลับส่วนตัวของจ้าวเซิงส่งไป ขวัญกำลังใจของเหล่าขุนพลจึงนับว่าดีขึ้นมาหน่อย ต่อมายังทำตามแผนของจ้าวเซิงไปเผาเสบียงของฝ่ายศัตรูส่วนหนึ่ง ในที่สุดเวลานี้เหล่าพลทหารชั้นประทวนก็มีใจฮึดสู้ขึ้นมาบ้างแล้ว
แม้จ้าวเซิงไม่ได้ลงสนามด้วยตัวเอง แต่กลับส่งองครักษ์มังกรมีความสามารถเหล่านั้นไป ด้วยกำลังความร่วมมือช่วยเหลือของจวนเจิ้นกั๋วเจียงจวินกับกำลังของเขา หลังรบชนะติดต่อกันสองสมรภูมิ ผงคันคะเยออันนั้นของซูเซียงก็ส่งไปถึงแล้ว
พวกเขาลักลอบใส่ลงในน้ำบริเวณค่ายพักแรมของศัตรู บัดนี้นับว่าชุลมุนฟ้าพลิกแล้ว
ทัพศัตรูแม้มิได้รับพิษหมดทุกคน แต่มีมากว่าห้าส่วนประสบทุกข์ครั้งใหญ่ เนื้อตัวคันยิบเหลือทน ผู้ใดโดนเข้าคนผู้นั้นก็โชคร้าย แม้กระทั่งแพทย์ทหารที่ดูแลพวกเขาก็ยังติดไปด้วย เป็นเพราะจัดการไม่ถูกวิธีทั่วทั้งร่างกายจึงคันยับเยิน
นอกจากนี้วัตถุดิบตั้งต้นของผงคันยุบยิบนี้ก็มีแค่ในพื้นที่ภูมิอากาศกึ่งร้อนชื้นแถบมรสุมและบริเวณชุ่มน้ำ ผู้ที่ทำศึกกับต้าหรงครานี้พอดีเป็นชนเผ่าทุ่งหญ้า เครียดให้ตายพวกเขาก็ไม่รู้ว่าสิ่งนี้มันเป็นของผีบ้าอะไร เรื่องแก้พิษยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ศึกครานี้ย่อมไร้หนทางสู้รบต่อไปได้ ศัตรูเป็นอันถอยทัพไปในที่สุด พระพันปีที่อยู่ในวังหลวงก็ได้รับข่าวทันที ย่อมมีสายข่าวยิบย่อยส่งมาเช่นกัน ทราบว่าเป็นความช่วยเหลือของจ้าวเซิง และทราบว่าผงคันคะเยอนั้นเป็นผลงานที่ซูเซียงสรรค์สร้างขึ้น
แต่พระนางไม่ทันได้โล่งพระทัย ก็ได้ข่าวแว่วมาว่าทางรัชทายาทกับจักรพรรดิก่อเรื่องอาละวาด โทสะนางพลันพลุ่งจนเจ็บตับไตไส้พุง
ทุกผู้ทุกคนต่างวิตกกังวลเรื่องทางชายแดนเหลือคณา แม้กระทั่งสตรีคนหนึ่งยังรู้จักคิดหาวิธีการ แต่จักรพรรดิกับรัชทายาทผู้สูงส่งกำลังทำอะไรกันอยู่?!