เพราะรักสลักใจ - ตอนที่ 873 หัวหน้าโจรป่าปล้นสะดมชาวบ้าน / ตอนที่ 874 ปมในใจของซูเซียง
ตอนที่ 873 หัวหน้าโจรป่าปล้นสะดมชาวบ้าน
แม้กระทั่งพี่ป้าน้าอาอำเภอข้างเคียงยังมาเลียบๆเคียงๆหยั่งเชิงถามชื่อเสียง ดูว่าจะส่งลูกหลานบ้านตัวเองมาได้หรือไม่
แต่หลังรับสมัครนักเรียนครบแปดร้อยคนแล้ว เด็กคนอื่นๆล้วนต้องตรวจประเมินก่อน เด็กรู้ความเข้าใจมารยาทจะได้สิทธิ์ก่อน เด็กทะเล้นซุกซนรองลงมา เด็กพฤติกรรมย่ำแย่ก็ไม่รับไปเลย ยังต้องถามคำถามเด็กๆหลายข้อ ไม่อนุญาตให้ผู้ใหญ่พูดแทรก ตอบได้น่าพึงพอใจจึงจะรับเข้าศึกษา
เนื่องด้วยมีระบบนี้ แม้ยังมีเด็กเส้นส่งเข้ามามากมายไม่ขาดสาย เด็กชายเด็กหญิงล้วนมีหมด แต่หลังซูเซียงประกาศใช้กฎโรงเรียนอันใหม่ แม้คนมีแต่เพิ่มไม่มีลด แต่ก็ไม่ชุลมุนวุ่นวายมือเท้าพันกันอีกต่อไปแล้ว
เพราะทางนี้ก่อตั้งสำนักศึกษา เรื่องประสานงานจัดหาครูผู้สอนต่างๆจึงค่อนข้างยุ่ง ดังนั้นซูเซียงจึงมอบอำนาจในการจัดการสมุนไพรทั้งหมดนี้ให้แก่พ่อบ้านชราและเฉิงยวน
ทั้งสองคนแม้เคยทะเลาะมีปากเสียงกัน แต่หลังแก้ไขความเข้าใจผิดแล้วก็ร่วมมือร่วมใจกันทำงาน เฉิงยวนไม่เข้าใจการบริหารจัดการ และพอดีเป็นความถนัดของพ่อบ้านชรา พ่อบ้านไม่เข้าใจเรื่องสมุนไพรว่าแบบไหนถึงดีที่สุด แต่นี่เป็นจุดแข็งของเฉิงยวน ดังนั้นสองคนรวมกันสามารถเรียกได้ว่ารวมพลังสายแข็ง บริหารกิจการด้านยาสมุนไพรจนเจริญรุ่งเรือง
ตอนหว่านเมล็ดพันธุ์ยังเกิดเรื่องขึ้น นั่นก็คือชายฉกรรจ์ใจนักเลงคนหนึ่งนามว่าหวังต้าหมาจื่อมานอนพับเลือดอาบอยู่ตรงคันนา
ผ่านการสอบถามมารอบหนึ่ง ที่แท้ผู้ชายคนนี้ก็เป็นโจรท้องถิ่นคนหนึ่ง ทว่ากลับมิใช่พวกโจรไร้คุณธรรมทุบบ้านปล้นสะดมจำพวกนั้น แต่เป็นโจรปล้นคนรวยช่วยคนจน มากกว่าครึ่งที่พวกเขาปล้นล้วนเป็นพวกขุนนางทุจริตกินสินบน หลังปล้นแล้วก็จะหาทางแจกจ่ายให้คนยากคนจน
ทว่าโชคไม่ดีนัก ยอดเขาลูกข้างๆมีขุนโจรเจ้าภูเขาอีกกลุ่มหนึ่ง หาว่าหวังต้าหมาจื่อช่วงชิงกิจการของพวกเขา นำคนบุกเข้าทลายยอดเขาของหวังต้ามาจื่อ เพื่อปกป้องพี่น้องของตัวเองหวังต้าหมาจื่อจึงได้รับเจ็บหนักขนาดนี้ ล้มสลบอยู่ในที่นาของซูเซียง
ผ่านการสืบถามรอบหนึ่งซูเซียงรู้สึกว่านิสัยเขาเที่ยงตรง อีกทั้งเขาถึงกับสนใจต่อเลขอารบิกที่ซูเซียงสร้างขึ้นโดยเฉพาะเป็นอย่างมาก การตอบสนองก็ว่องไวยิ่งนัก เหมาะมากกับการจัดการบัญชี
ซูเซียงตั้งใจจะรับเลี้ยงเขาไว้ ทว่าทุกคนไม่เห็นด้วย บอกว่าโจรป่าเป็นคนไม่ดี แม้เป็นโจรปล้นคนรวยช่วยคนจน นั่นก็ยังเป็นโจรอยู่วันยังค่ำ!
ตอนแรกจ้าวเซิงเองก็เคยเตือน แต่เพราะซูเซียงนิ่งเฉยกับเขาตลอด ไม่ชอบเสวนาชอบหัวเราะเหมือนอย่างเคย ทั้งวันเอาแต่กินเจไม่พูดจา ถ้าไม่พอใจก็ขังตัวเองอยู่ในห้องพระ เขาเองก็กลัวๆ
เพื่อหลีกเลี่ยงพูดมากก็ผิดมากทำให้ภรรยาอารมณ์ไม่ดี เขาเพียงแค่แอบให้พวกหลงฉีไปสืบถามดูหลายครั้ง ข่าวที่ส่งกลับมาล้วนบอกว่าหวังต้าหมาจื่อแท้จริงแล้วเป็นคนไม่เลว ยึดหลักธรรมยุทธภพ มีน้ำใจจต่อมิตรสหายมาก ปฏิบัติกับพี่น้องใต้บังคับบัญชาอย่างดี ชาวบ้านเหล่าที่เคยได้รับอุปการะคุณจากเขายังแอบบอกเล่าเหตุการณ์กับพวกหลงฉี ดังนั้นหวังต้าหมาจื่อจึงรับรายการบัญชีสำคัญไปส่วนหนึ่ง อาจเพราะซูเซียงสูญเสียลูกไปแล้วจิตใจจึงย่ำแย่ ช่วงนี้ยังวุ่นอยู่กับเรื่องโรงเรียนแพทย์อีก สภาพจิตใจของคนจึงไม่ดีมากนัก
มีหลายครั้งจ้าวเซิงเห็นแล้วก็เป็นห่วง พอถามหลงฉี เจ้าโง่นั่นถึงกับบอกว่า “นายท่าน ถ้าไม่ไหวแล้วจริงๆเราก็ใช้กำยานเถิด ทำให้ฮูหยินมึนงงสลบไปนางก็ได้นอนหลับสนิทแล้วขอรับ…”
ทีแรกจ้าวเซิงยังถลึงตาใส่หลงฉีอยู่หลายหน ต่อมาก็คิดว่าวิธีการนี้ถือเป็นวิธีที่หมดวิธีแล้ว จึงใช้ไปหลายครั้ง หลังทำให้ซูเซียงหลับสนิทติดต่อกันได้หลายวัน สีหน้าจึงค่อยๆกลับมาดีขึ้น
ต่อมาซูเซียงซึ่งเป็นคนอยู่นิ่งไม่ได้คนหนึ่ง เดี๋ยวเดียวก็หมกหมุ่นอยู่กับการสร้างเหลาสุราต่อ
เหลาสุราของซูเซียงเดินไปในสายเศรษฐีมั่งคั่งกับคนธรรมดาควบคู่กันทั้งยังพัฒนาอาหารสเลิศและขนมกินเล่นจำนวนมาก
ด้วยการบอกต่อกันก่อนมีภัยแล้ง และมีการช่วยเหลือจากทางด้านองค์หญิงเต๋อฮุ่ย เวลาสามปีกว่าก็ขยายธุรกิจให้ใหญ่โตได้แล้ว
พระพันปีเพียงรับสั่งว่าถ้าไม่เรียกตัวก็ไม่ให้พวกเขาเข้าเมืองหลวง แต่มิได้บอกว่าห้ามพวกเขาขยายกิจการเข้าไปในเมืองหลวงนี่นา
ตอนที่ 874 ปมในใจของซูเซียง
ซูเซียงกับจ้าวเซิงหารือกันแล้วจึงส่งจดหมายไปปรึกษากับองค์หญิงเต๋อฮุ่ย ทางนั้นจึงเปิดเหลาสุราในนามของจวนเจิ้นกั๋วเจียงจวินหลายแห่ง แต่ผู้ถือสิทธิ์ตัวจริงก็คือซูเซียง
กิจการเหลาสุราก็ไม่ต้องพูดถึงแล้ว สำคัญเลยคือสมุนไพรหลากชนิดของซูเซียง โดยเฉพาะหวงฉี เทียนหมาและโสมคน สมุนไพรล้ำค่าเหล่านี้เพาะปลูกได้สำเร็จ ไม่ทันรู้ตัวซูเซียงก็เป็นเศรษฐีมั่งคั่งอย่างรวดเร็ว
และด้วยเพราะมีสมุนไพรล้ำค่าหายากพวกนี้แล้วจึงไม่จำเป็นต้องนำเข้าจากแคว้นอื่นอีก ท้องพระคลังเองก็คลายความกดดันลงได้เกือบสามระดับ
รู้ไหมว่าหลายปีมานี้แคว้นต้าหรงต้องจ่ายเงินรับซื้อสมุนไพรจากแคว้นเพื่อนบ้านรอบข้างเป็นเงินมากเพียงใด? มีบางครั้งฝ่ายตรงข้ามเห็นว่าเจ้าขาดแคลนต้องการเร่งด่วนแล้วจริงๆก็จะขึ้นราคาถี่เอาๆ โดยเฉพาะหวงฉี เจ้าคิดจะซื้อสักต้นเขาก็สามารถเปิดขายให้เจ้าได้ในราคาถึงหนึ่งพันตำลึงเงิน
แต่ใครใช้ให้แคว้นตัวเองไม่มีเล่า ไม่อาจไม่ซื้อกลับมา ชาวบ้านอย่างพวกเขาไม่ต้องพูดถึง ในราชวงศ์ถ้ามีชนชั้นสูงเกิดป่วยทางนี้ขึ้น ไม่กินยาก็ไม่ได้ เงินหนึ่งพันตำลึงเจ้าก็ต้องยอมจ่าย!
คนมีความสามารถที่ทางซูเซียงอบรมรับเลี้ยงเพิ่มมากขึ้นทุกวัน กิจการเองก็ยิ่งขยายใหญ่ขึ้นทุกวัน สำนักศึกษาแพทย์ยิ่งโด่งดัง ถึงขั้นที่พระพันปียังพระราชทานป้ายคำขวัญให้แก่สำนักศึกษาแพทย์ : ทำประโยชน์ต่อชาติราษฎร
แต่มีคนเก่งมีความสามารถมากแล้ว งานที่ซูเซียงสามารถทำได้ก็น้อยลง เห็นตั๋วเงินเป็นปึกและเงินขาวแวววาวเหล่านั้นแล้วนางก็มิได้สดชื่นอะไรขึ้นมา โดยเฉพาะหลายวันนี้ นางมักจะฝันถึงลูกที่ไม่ได้เกิดมาคนนั้นสวมกางเกงเปิดเป้า วิ่งเตาะแตะมาทางนาง ร้องเรียกว่า “ท่านแม่ ท่านแม่” หัวใจของนางจุกแน่นเจ็บปวดอยู่เนืองนิจ
ล้วนกล่าวกันว่าเวลาเป็นยารักษาแผลที่ดีที่สุด ทว่าความเจ็บปวดบางอย่างก็ตกตะกอนตามกาลเวลาเฉกเช่นสุราเก่าแก่ ปล่อยให้ระเหยได้เพียงส่วนที่เป็นน้ำ ที่หลงเหลือเต็มเปี่ยมล้วนเป็นความเจ็บปวด
“นายท่าน เมื่อเช้าฮูหยินไม่ได้ทานมื้อเช้า ท่านดูสิขอรับตอนนี้กี่โมงยามแล้ว ปล่อยร่างกายทรุดโทรมเช่นนี้จะแย่นะขอรับ…”
จ้าวเซิงเพิ่งกลับมาจากจัดการธุระเสร็จก็ได้ยินหลงฉีบ่นไม่หยุดปากอยู่ข้างหูเขา ทว่าคำพูดตอนท้ายเขาเมินมันไปอย่างอัตโนมัติแล้ว ได้ยินถึงแค่ประโยคที่ว่าตอนเช้าซูเซียงไม่กินข้าว นี่ก็ใกล้จะตกบ่ายแล้ว ถ้าฝืนต่อไปเช่นนี้ ต่อให้ร่างกายตีขึ้นจากเหล็กก็ยังแบกรับไม่ไหว
จ้าวเซิงร้อนใจเดินกลับเข้าลานบ้านก็เห็นซูเซียงนั่งอยู่คนเดียวบนหินก้อนใหญ่เย็นเยียบ ทั้งดวงหน้าเศร้าหมอง ทอดมองท้องฟ้าด้วยสายตาเหม่อลอย
หัวใจของจ้าวเซิงเองก็จุกแน่นเจ็บปวดมาเป็นระลอก ถ้ามันทำให้ซูเซียงมีความสุขได้ล่ะก็ เขายินดีให้ซูเซียงแทงเขาสักสองดาบ ทั้งหมดต้องโทษเขาที่ไร้สามารถ บุรุษคนหนึ่งปกป้องลูกเมียตัวเองไว้ไม่ได้ เขามีชีวิตอยู่ยังจะมีประโยชน์อะไร?!
แต่เขาไม่อาจทำตัวขี้ขลาด เคยผิดพลาดมาแล้วครั้งหนึ่ง ไม่อาจผิดซ้ำสองได้อีก! แม้ลูกชายตัวน้อยเขาไม่อาจปกป้องไว้ได้ แต่เขายังมีลูกชายคนโตกับลูกสาวคนโตอยู่ไม่ใช่หรือ? ยังมีภรรยาที่เขาเองต้องดูแล มิเช่นนั้นตอนอารมณ์อ่อนไหวเมื่อครานั้น ไม่แน่ว่าเขาอาจปาดคอตัวเองกลางท้องพระโรงก็เป็นได้
สามปีกว่าแล้ว ไม่มีสักวันเดียวที่ซูเซียงสุขสันต์เบิกบานจากใจจริง ตอนทำงานยุ่งนางก็พอได้ลืมเรื่องลูกคนนั้นไปได้ชั่วคราว แต่พอมีเวลาว่างก็…
“ที่รัก” จ้าวเซิงนิ่งเงียบเนิ่นนาน พยายามขุดรอยยิ้มเส้นหนึ่งขึ้นบนใบหน้าแล้วเดินเข้าไปเอ่ยเรียกเบาๆ
ซูเซียงได้ยินเสียงของจ้าวเซิงก็หันหน้ามาห่ ฝืนยิ้มให้เขา แต่ตอนจ้าวเซิงใช้ให้นางกลับไปกินข้าว นางกลับโบกมือกล่าว “ข้าไม่หิว จะไปสวดมนต์ที่ห้องพระก่อน อุทิศส่วนบุญให้เด็กคนนั้น ตอนเย็นยังมีนัดเถ้าแก่สองสามคนมาพูดคุยด้วยน่ะ”
เห็นการย่างก้าวของซูเซียงค่อนข้างซวนเซ เงาร่างเปล่าเปลี่ยว จ้าวเซิงยืนอยู่ตรงที่เดิมเนิ่นนานไม่เปล่งวาจาแม้แต่คำเดียว น้ำตาเอ่อล้นออกมาตรงขอบตา
“นายท่านรีบตามไปสิขอรับ นี่ก็ครึ่งวันแล้วฮูหยินยังไม่ได้กินอะไรเลย…” หลงฉีที่อยู่ข้างๆร้อนอกร้อนใจ กระทืบเท้าปึงปัง โทษก็แต่เจ้านายบ้านตัวเองเป็นรากไม้ กระทั่งง้อภรรยายังไม่ได้เรื่อง!
ท่านเป็นลูกผู้ชายตัวใหญ่คนหนึ่ง เจอเรื่องนิดเดียวก็ร้องไห้ปาดน้ำตาอยู่ตรงนี้มันจะมีประโยชน์อะไร?!
จ้าวเซิงกลับยิ้มขมขื่นพลางส่ายหน้า แล้วค่อยกล่าวกับหลงฉี “ยังไม่ได้ข่าวจากพวกท่านหมอเตี๋ยหรือ? เด็กจะตายจะรอดพวกเขาก็น่ามาบอกกันสักคำสิ…”
หลงฉีพยักหน้าส่งเสียง “อืม” แล้วกล่าวต่อ “เดี๋ยวข้าน้อยจะไปเร่งอีกรอบ ให้คนเบื้องล่างทุ่มกำลังตามหา”