เพราะรักสลักใจ - ตอนที่ 881 ตั๊กแตนจับจักจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง / ตอนที่ 882 นายท่านเช่นข้ามาโปรดเจ้า
- Home
- เพราะรักสลักใจ
- ตอนที่ 881 ตั๊กแตนจับจักจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง / ตอนที่ 882 นายท่านเช่นข้ามาโปรดเจ้า
ตอนที่ 881 ตั๊กแตนจับจักจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง
ใบไม้ผลิปีที่สี่ ทางชายแดนสองแคว้นรวมหัวกันปลุกสงคราม จักรพรรดิมีราชโองการให้จ้าวเซิงกลับวังนำทัพ จ้าวเซิงไม่รับ บอกว่าเขามิใช่อ๋องแห่งสงครามแล้ว
จักรพรรดิมีความแค้นต่อจ้าวเซิงกับซูเซียงดำรงอยู่ในใจเป็นทุนเดิมแล้ว เพียงแต่ติดที่พระพันปีหนังเหนียวยังอยู่ เขาเลยไม่กล้าเล่นตุกติกอะไรก็เท่านั้น ตอนนี้ประกอบกับร้อนใจ โรคเลยกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง ขว้างปาข้าวของแจกันในพระตำหนักเฉียนชิง[1]
“ลูกทรพีสมควรตาย ไอ้เด็กนอกคอกนั่นก็ยังไม่ตายนี่ ยังจะทำตัวยุ่งยากอะไรอีก ต้องเป็นนางหญิงชั่วนั่นยุยงแน่ หญิงชั่วสมควรตาย นางจิ้งจอกสมควรตาย…”
“ไม่รู้เจ้าเด็กเซิงนั่นไปโดนน้ำยาลุ่มหลงอะไรมา หญิงแพศยาปีศาจจิ้งจอกสมควรตายคนนั้รไม่ทันแต่งเข้าประตูก็เคยคลอดลูกมาแล้ว ตัวชั้นต่ำ หญิงแพศยาพันคนคร่อมหมื่นคนร่วมหมอน…”
แต่เขาก็ได้แค่ด่า ด่าจนสาแก่ใจแล้วทำอะไรได้? ตอนนี้เขาไม่มีวิธีจัดการซูเซียงอย่างแท้จริง
ก่อนอื่นไม่ต้องพูดถึงข้างกายซูเซียงมีชุ่ยหลิ่วมีองครักษ์มังกรเพวกนี้อยู่ รวมกับพระพันปียังส่งคนสนิทไวใจได้ของตนให้ซูเซียงหลายคน คนเหล่านั้นลองจับออกมาสักคนล้วนต้านรับราชองครักษ์ทั้งกลุ่มได้
พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาในพระทัยจักรพรรดิก็เกิดไฟโทสะ เขาเพิ่งพ้นข้อห้ามได้ไม่กี่วัน ไม่ง่ายนักกว่าจะแอบส่งคนกลุ่มหนึ่งออกไปลอบฆ่าซูเซียง ที่ส่งไปนั้นเป็นล้วนยอดฝีมือในแต่ละด้าน เขาถึงขั้นออกเงินมหาศาลเชิญยอดฝีมือในยุทธจักรมาจำนวนหนึ่ง แต่ไม่มีใครกลับมาสักคนไม่พอ สุดท้ายแล้วแม้แต่ใบหน้าของซูเซียงชั้นต่ำนั่นก็ยังไม่ได้เห็น เสียทั้งฮูหยินและรี้พล[2]
ตอนนั้นเขายังคิดอยู่ในใจว่าแม้สูญเสียล้มตายก็ไม่อาจปล่อยซูเซียงไปง่ายๆ ไม่พูดถึงสังหารนางได้ในชั่วอึดใจ แต่กรีดนางได้สักสองดาบก็คงทำได้กระมัง? หรือไม่ก็วางยาในน้ำอะไรก็ได้ อย่างไรคนในยุทธจักรเหล่านั้นคงมีเล่ห์เหลี่ยมต่างๆนานา เพื่อให้บรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ขอเพียงเขาให้เงินมากพอ ไม่ว่าเรื่องใดก็ทำได้มิใช่รึ?!
ทว่ามีคำกล่าวหนึ่งว่าไว้ได้ดี น้ำประคองเรือได้ แต่ก็คว่ำเรือได้เช่นกัน หากใต้หล้าไม่มีประชาชน แล้วจะมีกษัตริย์ผู้ปกครองมาจากที่ไหน? ราษฎรสนับสนุนคนใด คนนั้นถึงจะได้เป็นแผ่นฟ้าของพวกเขา
คนสิบกว่าคนนั้นที่เขาส่งไปกำลังปรึกษากันอย่างลับๆ ทำอย่างไรถึงจะฆ่าซูเซียงได้โดยไม่รู้ตัว หรือเริ่มลงมืออย่างไรถึงจะมีโอกาสชนะ
ผลลัพธ์น่ะหรือ บังเอิ๊ญบังเอิญ เอ่อ ก็ไม่อาจนับได้ว่าบังเอิญหรอก สุดท้ายแล้ว มนุษย์กำลังกระทำสวรรค์กำลังดู เทพสวรรค์ก็ไม่ได้กินเปล่า
มีสุภาพสตีรสองคน เดิมทีบ้านก็อยู่ทางนี้ พอดีกลับจากไปซื้อผักอีกตรอกหนึ่งก็ได้ยินคนทางนี้กำลังหารืออะไรกันอยู่ เดิมทีก็เป็นสตรีช่างคุย แอบฟังสักสองสามประโยคตรงมุมกำแพงก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินข่าวใหญ่สะเทือนฟ้าแบบนี้!
“พี่ใหญ่ ความคิดของน้องเล็กคือวางยาเถอะ ข้างกายคนชั้นต่ำนั่นมีองครักษ์มังกรคุ้มกันอยู่ นางยังเป็นพระแม่โพธิสัตว์ประจำใจผู้คน หากเราลงมือโจ่งแจ้งในเขตคนคึกคัก ยากจะรับรองว่าชาวบ้านโง่ๆพวกนั้นจะไม่สร้างปัญหา”
“ใช่แล้วพี่ใหญ่ เราเลือกเดินบนทางที่ปลอดภัยดีกว่า ถ้าถูกจับได้ ท่านบนฟ้าผู้นั้น…เช่นนั้นเราไม่มีทางแก้ตัวนะพี่”
“ใช่แล้วพี่ใหญ่ ใช้ยาพิษเถอะ ท่านบนฟ้าผู้นั้นบอกแล้ว ต่อให้เราทำให้คนชั่วนั่นบาดเจ็บแค่ดาบเดียวก็นับว่าสำเร็จแล้ว แต่ข้างกายคนชั่วนั่นมีคนรายล้อมมากขนาดนั้น เราทั้งหมดไม่กลัวตาย แต่ถ้าทำให้คนชั่วนั่นบาดเจ็บไม่ได้ กลัวว่าคนในบ้านคงพลอยติดร่างแหไปด้วย…”
พี่ใหญ่เห็นลูกน้องร้องโวยก็วางมาดเข้มปริปากกล่าว “อืม พวกเจ้าคนอื่นๆล่ะคิดว่าอย่างไร?”
“วางยาพิษอะไรกัน ข้าเป็นคนในยุทธจักร อย่างมากพ่ายแพ้สิบแปดปีให้หลังก็ยังเป็นลูกผู้ชาย ทำเรื่องเล่นแง่ออกอุบายพรรค์นี้ หยามเกียรติสุภาพบุรุษ!”
“สุภาพบุรุษผีอะไร! เจ้าอยู่ในยุทธภพฆ่าคนไปตั้งเท่าไรแล้ว เจ้ากล้าพูดหรือว่าตัวเองไม่เคยเป็นโจรเด็ดดอกไม้[3] ไม่เคยแตะต้องดรุณีบ้านตระกูลดีเหล่านั้น ไม่ได้ดีไปกว่ากันนักหรอก ไม่อายบ้างหรือไร?!”
“เฮ้ย! ข้าไม่เคยข่มเหงดรุณีตระกูลดีเหล่านั้น ถ้าเจ้ายังกล้าพูดจาเหลวไหลอีก ข้าจะลงดาบเจ้าให้!” ผู้กล้าแห่งยุทธภพคนนั้นโบกดาบใหญ่ขึ้นอย่างไม่พอใจ หน้าเขียวหน้าแดงถลึงตาใส่คนตรงหน้า
สายตาเห็นว่าเริ่มทะเลาะกันขึ้นมาแล้ว พี่ใหญ่คนนั้นก็รีบโบกมือ “พอแล้วๆ ทุกคนล้วนหวังเงินทั้งนั้น ปรองดองก่อเกิดทรัพย์ไว้เถิด ทุกคนฟังข้าหน่อย หรือไม่เราแบ่งเป็นสองทาง ฝ่ายหนึ่งไปวางยาพิษ ฝ่ายหนึ่งไปลอบฆ่า คงมีทางใดทางหนึ่งสำเร็จ ”
ทุกคนเห็นด้วยกับแผนของพี่ใหญ่ จึงแบ่งออกเป็นสองฝั่ง ตกลงกันเงียบๆว่าจะพาซูเซียงมาที่นี่อย่างไร ทำอย่างไรถึงจะฆ่าผลผลิตนอกคอกนั่นด้วยได้!
——
[1] พระตำหนักเฉียนชิง (乾清宫) หรือ พระตำหนักสุทไธสวรรค์ เป็นพระตำหนักหลังใหญ่ที่สุดในบรรดาพระตำหนักสามหลังแห่งฝ่ายใน ใช้เป็นสถานที่ประทับบรรทมของจักพรรดิ จนถึงสมัยของจักพรรดิยงเจิ้งแห่งราชวงศ์ชิง เปลี่ยนมาใช้เป็นท้องพระโรงว่าราชการ
[2] เสียทั้งฮูหยินและรี้พล (赔了夫人又折兵) เป็นสำนวนจากเรื่องสามก๊ก อุปมาว่าเสียสองอย่างในคราวเดียว มาจากตอนการแต่งงานของเล่าปี่และซุนฮูหยิน เรื่องคือจิวยี่เสนอแผนสาวงามให้ซุนกวนในการยึดครองแคว้นเกงจิ๋วจากเล่าปี่ ต้องการลวงเล่าปี่มากังตั๋งโดยอ้างว่าจะให้แต่งงานกับซุนหยินเพื่อเชื่อมสัมพันธ์แล้วจากนั้นจะจับเล่าปี่เป็นตัวประกันเพื่อแลกเปลี่ยนกับแคว้นเกงจิ๋ว ขงเบ้งรู้ทันอุบายจึงซ้อนกลทำให้การแต่งงานเกิดขึ้นจริง ทั้งทำให้เล่าปี่กลับมาเกงจิ๋วอย่างปลอดภัยพร้อมซุนฮูหยิน จิวยี่นำทหารไล่ตามแต่ถูกทหารเล่าปี่ซุ่มโจมตี จากนั้นทหารเล่าปี่ก็ตะโกนเยาะเย้ยว่า “อุบายจิวยี่แสนแยบยล เสียทั้งฮูหยินและรี้พล”
[3] โจรเด็ดดอกไม้ หมายถึงโจรบ้ากาม ชอบข่มเหงกระทำชำเราสตรี
ตอนที่ 882 นายท่านเช่นข้ามาโปรดเจ้า
สตรีสองคนฟังอยู่ตรงมุมกำแพงทีแรกแค่มาดูชมเรื่องครึกครื้น ซุบซิบนินทา นึกว่าแม่นางน้อยบ้านใดอยากเป็นอนุนางบำเรอ อย่างไรเสียเรื่องพวกนี้ก็เห็นได้ไม่น้อยตามบ้านตระกูลใหญ่ พวกเมียน้อยเมียหลวงตระกูลร่ำรวย ทำทุกอย่างเพื่อขึ้นสู่ตำแหน่ง ไม่ว่าวิธีการสกปรกอะไรก็เอามามาใช้ได้ทั้งนั้น ไหนเลยจะคาดคิดว่าจะได้ยินข่าวสะเทือนฟ้าสะท้านดินเช่นนี้เข้า
สตรีทั้งสองคนมองตากัน วิ่งกลับบ้านตัวเองอย่างเร็วรี่ ตามหาบุรุษบ้านตัวเอง
บุรุษในบ้านสตรีทั้งสองคนนั้นได้ยินว่าวันนี้มีคนคิดลงมือกับซูเซียงและเด็กคนนั้น ไหนเลยยังใจเย็นไหว? เรียกสมัครพรรค์พวกของตัวเองทันที ฉวยเครื่องมือในบ้านกับกระสอบ คนสามสิบกว่าคนกระโดดลงไปจากรั้วกำแพงที่ไม่สูงนักอันนั้น
ถ้าปะทะหน้าต่อสู้ด้วยดาบจริงปืนจริงขึ้นมา พวกเขาคงไม่สามารถเอาชนะยอดฝีมือในยุทธจักรและคนในวังเหล่านี้ได้แน่ แต่ถ้าดักทุบหัวก็ย่อมได้อยู่
พวกเขาทั้งหมดเขย่งเท้าอยู่บนมุมกำแพง จ้องรอจังหวะ นับหนึ่ง สอง สาม แล้วกระโดดลงไปพร้อมกัน คนพวกนั้นกำลังตกลงแผนการ สุ้มเสียงก็ไม่ได้เบา ส่วนไหนที่เห็นไม่ตรงกันก็ร้องโวยวาย บุรุษชาวบ้านเหล่านี้มือเบาเท้าเบาด้วยแล้ว พวกนั้นจึงมิได้พบสังเกต
พวกเขาเองก็ไม่พูดพร่ำ ทันทีที่กระโดดลงไปก็ยกท่อนไม้ขึ้นทุบลงไปบนหัวผู้อื่น ไม่ว่าเขาจะตายหรือไม่ตาย ขอทุบก่อนแล้วค่อยว่ากัน
คนสิบกว่าคนนั้นแม้ล้วนเป็นผู้ฝึกฝน ปฏิกิริยาตอบสนองก็รวดเร็ว ทว่าไหนเลยจะเคยประลองกับการเคลื่อนไหวของคนเหล่านี้ คนพวกนี้ลงมือในที่ลับ ภายใต้สถานการณ์ป้องกันไม่ได้เช่นนี้จึงตกเป็นรองแล้ว
บุรุษเหล่านี้ก็ฉลาด เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้พวกจอมยุทธและคนในวังจำหน้าตาของพวกเขาได้แล้วมาคิดบัญชีทีหลัง พอทุบเสร็จแล้วอีกคนก็ปราดเข้ามาเอากระสอบคลุมหัวคนไว้ จากนั้นก็รุมสกรัมหนึ่งยก เตะต่อยจนคนเหล่านั้นร้องโอดโอย ถึงสุดท้ายจนคนร้องแทบไม่ออกแล้ว บุรุษเหล่านั้นก็รู้สึกว่าจะทุบคนตายก็ไม่ค่อยดีนัก จึงทำให้คนพวกนี้เวียนหัวแล้วโยนออกไปตรงถนนใหญ่ตรงปากตรอก
จำนวนคนมากถูกทำร้าย ซ้ำยังคลุมกระสอบดำย่อมดึงดูดความสนใจของทางการ นายอำเภอเสิ่นนำคนเข้ามา ครั้นตรวจสอบแล้วถึงกับพบว่าเป็นคนของในวัง จึงแจ้งข่าวให้แก่พวกซูเซียง
หลังจักรพรรดิได้รับข่าวก็ทรงพิโรธหนัก โชคดีที่เขาปิดปาดเร็ว มิเช่นนั้นถูกพระพันปีล่วงรู้เข้าก็สุดจะรู้ว่าจะเป็นเช่นไร ดังนั้นจึงทำได้เพียงกัดฟันกลืนเลือด
ทว่าครั้งนี้ไม่ได้การ เขาต้องจัดการหญิงชั่วนั่นให้ตาย ไม่อย่างนั้นโอรสผู้ห้าวหาญเชี่ยวชาญการรบคนนั้นของเขาต้องเสียการเสียงานเอาแต่อยู่กับนางปีศาจจิ้งจอกข้างนอกนั่น!
ในความคิดของจักรพรรดิ ขอเพียงแค่ฆ่าซูเซียงได้ จ้าวเซิงถึงจะเป็นอยู่ในโอวาท เดี๋ยวก็กลับมาข้างกายเขา ทุ่มเทแรงกายแรงใจทำงานแทนเขา สู้รบรักษาแผ่นดินนี้ไว้ให้เขา
แต่เขาไม่รู้ บนโลกนี้ที่ไหนจะมีเรื่องดีขนาดนั้น? ท่านเกือบฆ่าบุตรชายของผู้อื่น ยังคาดหวังให้ผู้อื่นกลับมาปกป้องแผ่นดินให้ท่าน ปกป้องตำแหน่งของท่าน งีบหลับฝันเอาเถิด
แต่จักรพรรดิก็ต้องเครียดจนหัวขาวจริงๆ หลายปีมานี้เหลาสุรา สำนักแพทย์สมุนไพรของซูเซียง การผลิตกระดาษ พู่กันน้ำหมึกเอยไรเอย โดยพื้นฐานก็ควบคุมชีพจรเศรษฐกิจไว้กว่าครึ่งแคว้นแล้ว แตะต้องไม่ได้ง่ายๆ
รัชทายาทเองก็รำคาญใจ คิดว่าถ้าตัวเองมีความสามารถเหมือนจ้าวเซิงตัวเขาคงเข้าสู่สนามรบด้วยตัวเองไปแล้ว ไยต้องไปลำบากพูดปากเปียกปากแฉะ น้องชายโง่เง่าคนนั้นก็ดันเลอะเลือน ไม่เชื่อฟังแม้แต่น้อย ไยไม่เข้าใจความหวังดีของเขาบ้างเลย!
“เฮ้อ…” พอคิดถึงเรื่องนี้รัชทายาทก็ถอนหายใจอยู่ในตำหนักของตัวเอง
“องค์รัชทายาท ชายแดนมีรายงานด่วน!” ทหารพกดาบคนหนึ่งรีบเร่งเข้ามา นำม้วนไม้ไผ่ส่งลงในมือรัชทายาท
รัชทายาทรับมา โบกพระหัตถ์ “เจ้ารออยู่นอกประตูก่อน”
รัชทายาทเปิดม้วนสารไม้ไผ่ออก ยิ่งอ่านหัวคิ้วก็ยิ่งขมวดแน่น สายตาเห็นการศึกยิ่งติดพันขึ้นทุกวัน เขาเองก็ขัดเคืองใจยิ่งนัก
จักรพรรดิมีราชโองการลงมาอีกครั้ง สั่งการให้จ้าวเซิงเข้าเมืองหลวงโดยเร็ว รับราชโองการแต่งตั้งเขาเป็นอ๋องสงครามใหม่ นำตราทหารเร่งมุ่งไปชายแดน
ทว่าจ้าวเซิงไม่รับราชโองการ ซูเซียงนำราชโองการฉบับนั้นเคาะหน้าผากของกงกงคนนั้นจนหัวโน “ไป ไสหัวไปได้ไกลแค่ไหนก็ไกลแค่นั้น! ข้ากับสามีไม่สนใจหรอก!”
“ใครก็ได้ เอาออกไปที!” จ้าวเซิงเห็นภรรยาตัวเองเดือดดาล เขาก็โล่งใจ อย่างน้อยภรรยาก็แยกได้ว่าเป็นความผิดของใคร ไม่ตำหนิเขาทั้งหมดก็ถือเป็นเรื่องดี ดังนั้นจึงตะโกนเสียงเรียกพวกองครักษ์มังกรของตน
พูดไปแล้วก็สมน้ำหน้ากงกงคนนี้ รู้อยู่ชัดๆว่าจ้าวเซิงกับซูเซียงเป็นคนหาเรื่องด้วยไม่ได้ เจ้าพูดจาให้มันน่าฟังหน่อย อ่อนโยนหน่อยไม่ได้หรือไร ไม่ต้องทำท่ายโสโอหัง ทำตัวเป็นนายท่านเช่นอุตส่ามาโปรดเจ้าแบบนั้นน่ะ
ซูเซียงเป็นแบบอย่างของคนกินอ่อนไม่กินแข็งก็จริง แต่ก็ไม่ใช่จะมากระตุ้นโทสะของซูเซียงได้หรอกนะ!