เพราะรักสลักใจ - ตอนที่ 895 ราชครูทำนายดวงชะตา สถาปนากษัตริย์องค์ใหม่ / ตอนที่ 896 เหนี่ยวรั้งไร้ผล ความผูกผันร้องเตือน
- Home
- เพราะรักสลักใจ
- ตอนที่ 895 ราชครูทำนายดวงชะตา สถาปนากษัตริย์องค์ใหม่ / ตอนที่ 896 เหนี่ยวรั้งไร้ผล ความผูกผันร้องเตือน
ตอนที่ 895 ราชครูทำนายดวงชะตา สถาปนากษัตริย์องค์ใหม่
หลังราชครูลุกขึ้นแล้วก็ยืนข้างกายเจ้าอาวาสทันที ชูตรามังกรขึ้นพร้อมกันกับเขา เปิดปากกล่าวด้วยสุรเสียงอันดัง “เพื่อปกปักรักษาปวงประชาทั้งใต้หล้า ตัวข้าราชครูและท่านเจ้าอาวาสถือตรามังกรของจักรพรรดิองค์ก่อน ปลดตำแหน่งจักรพรรดิ อันเชิญองค์รัชทายาทขึ้นนั่งบัลลังก์ทันที!”
หลังชายชราวางตรามังกรลงแล้วจึงกล่าวเสริมว่า “ข้าเริ่มพิธีทำนายชะตาชีพจรมังกรเพียงหนึ่งเดียวของชาตินี้ไปแล้ว สูญเสียพลังแทบหมดสิ้น ดังนั้นนับแต่วันที่ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ ข้าก็ขออำลาตำแหน่งราชครู”
กว่าจ้าวเซิงจะได้รับข่าวแล้วเร่งกลับมาฝุ่นผงส่วนใหญ่ก็ตกตะกอนแล้ว เพราะมีตรามังกรในมือท่านเจ้าอาวาส ทั้งยังมีการเสี่ยงดวงชะตาบ้านเมืองและการรับรองเป็นเอกฉันท์ของฝ่ายอำนาจพระพันปี ตำแหน่งจักรพรรดิของคนนี้จึงมิอาจดำรงต่อไปได้อีกอย่างแน่นอน
“ที่รัก เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม” จ้าวเซิงเร่งมา สายตาสำรวจซูเซียงขึ้นๆลงๆ
เห็นว่านอกจากสีหน้าซูเซียงที่ดูไม่ดีแล้วก็ไม่มีส่วนไหนได้รับบาดเจ็บ เขาจึงค่อยวางหินก้อนใหญ่ที่ถือไว้ในใจลงได้
เขาก็ว่า เหตุใดอยู่ดีๆเสด็จย่าถึงส่งเขาไปเก็บส่วยอะไรนั่นที่เจียงหนาน? ในระหว่างทางเขายิ่งเดินทางก็ยิ่งรู้สึกเอะใจ จนกระทั่งพบเข้ากับซ่งมู่และคนในสายของเขาส่งข่าวมาให้ เขาถึงค่อยตื่นตะลึงพบความจริง พระราชเสาวนีย์ของเสด็จย่าเป็นเท็จ
เขาแทบไม่ต้องคิด นี่ต้องเป็นฝีมือของเสด็จสุดที่รักของเขาเป็นแน่! ส่วนเหตุใดจึงทำเช่นนี้…
สำหรับผลที่ตามมา จ้าวเซิงไม่กล้าแม้แต่จะคิด เขาหวดแส้เร่งม้าเร็วกลับเมืองหลวงทันที ทว่าพอเข้ามากลับพบว่าบรรยากาศไม่ถูกต้องนัก กลิ่นคาวโลหิตสายหนึ่งโชยมากระทบแต่ไกล ในใจเขาเต้นตึกตัก โชคดีที่ตอนเขารีบกลับมา ชายชรากับเจ้าอาวาสกำลังคุ้มครองภรรยาบ้านเขาอยู่ ไม่อย่างนั้นล่ะก็…
ทว่า โถงไหว้วิญญาณนั้น…เสด็จย่านาง….
“ข้าไม่เป็นไร เจ้าวางใจเถิด มีท่านเจ้าอาวาสกับราชครูอยู่ ยังมีพวกกูกู[1]อยู่ด้วย ข้าสบายดี” ซูเซียงพยักหน้าเล็กน้อย เอ่ยเพียงแค่นี้
นางเองก็มิได้บอกให้ต่อไปจ้าวเซิงต้องตอบแทนคนเหล่านี้ นี่มิใช่กำลังแบ่งเป็นก๊กเป็นหมู่อย่างโจ้งแจ้งไม่สนสายตาหรอกหรือ แม้จักรพรรดิเสียอำนาจไปแล้ว แต่ก็สามารถขุดหลุมพลางออกมาให้คนหล่นลงไปได้เหมือนกัน
ยังมีเรื่องเกี่ยวกับตัวตนของราชครู นางไม่ได้บอกว่าเป็นอาจารย์ของตัวเอง ไม่อย่างนั้นล่ะก็ บางทีคนสติไม่ดีพวกนั้นอาจทึกทักไปว่าราชครูเห็นแก่ที่ตนเป็นลูกศิษย์ยอมทิ้งแม้แต่ชีวิตชราของตัวเอง คงพูดกันไปเรื่อยเปื่อย
จ้าวเซิงเห็นซูเซียงไม่เป็นไรแล้วจริงๆ จึงหันหน้ามองไปยังฮ่องเต้ที่สับสนเต็มหน้า หัวเราะอย่างเย็นชาสองเสียง
เวลานี้รัชทายาทเองก็รีบเร่งเข้ามา ทว่าในตอนที่เขายังไม่ทันได้เปิดปากพูด จ้าวเซิงก็กล่าวขึ้นว่า “มีบางเรื่องเคยรู้สึกว่าอับอายคน บัดนี้กลับรู้สึกว่าเป็นโชคดีที่สุดของชีวิตนี้ ตอนนั้นตัวข้าองค์ชายถูกคนชั่วลอบทำร้ายวางยาลุ่มหลงปลุกอารมณ์ ต่อมาในป่ากลางภูเขา…มีลูกสองคน แต่หลายปีนั้นข้าองค์ชายรู้สึกอับอาย กลับมิได้ออกตามหา และไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของเด็กทั้งสอง จนกระทั่งต่อมาได้พบเจอภรรยาและลูก บัดนี้เด็กทั้งสองคน นามว่าหวังเฮ่าและหวังเสวี่ย ใช้แซ่ตามพ่อตา
“วันนี้ข้าองค์ชายเอ่ยถึงอดีตขึ้นมามิได้มีเจตนาอื่นใด เพียงอยากบอกผู้คนทั้งใต้หล้าว่าเด็กสองคนนั้นเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของข้า ภรรยาบ้านข้าตอนอยู่กับข้าก็ซื่อสัตย์บริสุทธิ์ ไม่อาจทนรับวาจาว่าร้ายของผู้อื่น!”
“นอกจากนี้ วันนี้ข้าขอถอนตัวออกจากราชวงศ์ด้วยตัวเอง ข้าไม่ยอมละทิ้งภรรยาและลูกไปเช่นนี้อีกเด็ดขาด”
แม้กระทั่งตราพยัคฆ์ที่เพิ่งส่งมอบถึงมือจ้าวเซิงเมื่อครู่ จ้าวเซิงก็วางมันลงตรงนั้นและปลดกวานหยกบนศีรษะ ดึงซูเซียงคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น ”ขอฮ่องเต้องค์ใหม่ทรงเห็นแก่มิตรภาพพี่น้องตลอดหลายปีของเรา ให้น้องชายออกจากราชพงศาวลี!”
หน้านี้ตอนไม่รู้เรื่องเบื้องหลังความสกปรกโสมมของซูย่วนเสี้ยนจู่พวกนั้น เขายืนกรานไม่เห็นด้วย ไม่ต้องพูดถึงบัดนี้เขารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว และรู้ด้วยว่าซูเซียงบริสุทธิ์ไร้มลทิน แต่ตนกลับเกือบสังหารหลานชายหลานสาวแท้ๆของตัวเองไปหลายครั้ง นี่มิใช่เลวทรามยิ่งกว่าเดรัจฉานหรือไร?!
แต่ไม่ว่ารัชทายาทเหนี่ยวรั้งอย่างไร จ้าวเซิงก็ขอร้องครบสามครั้งแล้ว เนื่องจากราชวงศ์มีกฎว่า หลังการขอร้องด้วยตัวเองครบสามครั้งแม้วันนั้นไม่ได้รับการยินยอม แต่ก็มีผลบังคับใช้แล้ว
——
[1] กูกู เป็นสรรพนามเรียกนางกำนัลอาวุโส ทำงานรับใช้ในวังมานาน
ตอนที่ 896 เหนี่ยวรั้งไร้ผล ความผูกผันร้องเตือน
รัชทายาทยังเหนี่ยวรั้งครั้งที่สาม บอกว่าต่อไปจะไม่ก้าวก่ายชีวิตคู่ของพวกเขาอีกแล้ว ยอมรับให้ซูเซียงและเด็กทั้งสองเข้าราชวงศ์และให้เปลี่ยนจากหวังเฮ่าเป็นจ้าวเฮ่า เป็นบุตรคนโตของจวนอ๋องและซื่อจื่อผู้สืบทอด แต่งตั้งเสวี่ยเอ๋อร์เป็นกงจู่ (องค์หญิง) กรณีพิเศษ แต่งตั้งจ้าวเซิงเป็นอ๋องเคียงไหล่[1] ซูเซียงเป็นเจิ้นกั๋วฟูเหริน[2]
รัชทายาทเดิมทีคิดว่าตนยอมถอยมาแล้ว ถึงขั้นค้อมเอวคำนับให้จ้าวเซิงขอร้องอยู่หลายครั้ง มากน้อยจ้าวเซิงคงเห็นแก่ความรักฉันท์พี่น้องตอบตกลงเขา อีกทั้งตัวเขาเองก็สำนึกผิดแล้วอย่างแท้จริง
ทว่าคิดไม่ถึง จ้าวเซิงกับซูเซียงถอดใจตั้งแต่แรกแล้ว ซูเซียงไม่ได้พูดอะไร แต่ดวงตานิ่งสงบไร้คลื่นดูแล้วกลับยิ่งทำให้หัวใจคนหวาดหวั่น
จ้าวเซิงมองรัชทายาทหนึ่งสายตา มองคนข้างหลังเขาแล้วมองซูเซียง ชักดาบข้างกายออกมาพาดบนคอตัวเองอย่างเด็ดเดี่ยว “ขอจักรพรรดิองค์ใหม่ทรงพระราชทานอนุญาตให้กระหม่อมพาภรรยาและครอบครัวจากไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
ทำถึงขั้นนี้แล้ว รัชทายาทยังจะพูดอะไรได้?
ในใจคิดทบทวน รู้สึกได้ว่าวันนี้จ้าวเซิงโมโหขึ้นสมองแล้ว พูดเรื่องเช่นนี้ออกมาใครบ้างไม่โมโห ขอเวลาสักหน่อยคงพอทุเลาลงบ้าง
เขาเป็นรัชทายาทมานานปีขนาดนี้แล้วก็ไม่ได้สูญเปล่า ทบทวนแล้วจึงเอ่ยเสียงอ่อน “เช่นนั้นข้าเป็นตัวแทนเสด็จพ่อถอนคืนบรรดาศักดิ์อ๋องสงครามที่ให้เจ้าเมื่อหลายวันก่อน เจ้ายังคงเป็นจวิ้นอ๋อง ตราทหารจะส่งมาก็ได้ ดินแดนศักดินาเจ้าสามารถเลือกได้เอง เช่นนี้ถือว่าได้แล้วกระมัง? ”
ไม่พูดไม่ได้ นี่เป็นการยอมถอยให้ก้าวใหญ่ที่สุดและพิจารณาอย่างดีที่สุดแล้ว เขาตั้งใจไว้แล้ว ไม่ว่าจ้าวเซิงจะโกรธเคืองอย่างไร ที่สุดแล้วก็เป็นพี่น้องกับเขามาหลายปี คงมีความผูกผันกันอยู่บ้าง ขอเพียงจ้าวเซิงเลือกพื้นที่ใกล้นั่นย่อมดี พวกเขายังพอมีโอกาสกอบกู้ความสัมพันธ์กลับมาบ้าง
แต่ที่คิดไม่ถึงคือ หลังจ้าวเซิงกับซูเซียงมองตากันแล้ว ซูเซียงก็เปิดพูดเอื่อยๆ “ ในเมื่อจักรพรรดิองค์ใหม่ไว้หน้าเราสามีภรรยา เราเองก็ไม่อาจไม่ให้เกียรติ เป็นจวิ้นอ๋องก็จวินอ๋องเถิด แต่เราเลือกซาโจวเป็นเขตดินแกนศักดินา ขอจักรพรรดิองค์ใหม่ทรงเห็นชอบด้วย”
“ซาโจว…”
พอได้ยินถึงชื่อนี้ ทุกคนในลานเหตุการณ์ รวมถึงคนของฝ่ายพระพันปีล้วนตื่นตะลึงเหลือประมาณ
ซาโจวนั่นมันที่ไหนกัน? สถานที่กันดารทางชายแดน พายุทรายห่มคลุมฟ้า แม้แต่ต้นไม้ยังไม่รอด แยกตัวไปอยู่ในสถานที่แบบนั้นมิใช่ลงโทษชีวิตหรอกหรือ?
แต่ยังไม่จบแค่นี้ รัชทายาทยังไม่ทันได้พูดอะไรซูเซียงก็กล่าวขึ้นอีกครั้ง “ในเมื่อราชวงศ์ใส่ใจกิจการสมุนไพรของบ้านเราขนาดนี้ เช่นนั้นก็ขอมอบให้พวกท่านด้วยแล้วกัน ยังช่วยลดเรื่องมีคนลอบระแวง”
หลังพูดจบ ซูเซียงก็เป็นฝ่ายเข้ามาจูงมือจ้าวเซิงก่อนแล้วพยักหน้าเป็นสัญญาณให้คนอื่นๆ จากนั้นคนทั้งขบวนก็ออกไปจากวังหลวงอย่างยิ่งใหญ่ เขาคิดจะไล่ตามก็ตามไม่ทัน
อีกทั้งไม่กล้าทำเช่นนั้น ถ้าเขาตามไป ไม่สนใจว่าเขาเป็นรัชทายาทหรือจักรพรรดิองค์ใหม่ คนทางฝั่งพระพันปีพวกนั้นก็พร้อมชักดาบมาทางเขาทันที
โธ่เว้ย เขาขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์ใหม่ช่างลำบากเสียจริง…
เนื่องด้วยตอนนั้นราชครูกับเจ้าอาวาสชูตรามังกรลงราชโองการให้ถอดถอน มิใช่สละราชบัลลังก์ ดังนั้นจักรพรรดิจึงเป็นเพียงเจ้าบ้านชราคนหนึ่งที่พำนักอย่างดีอยู่ในวังหลวง
ส่วนที่ว่าพำนักอย่างดีนั้นก็ เหอะๆ… จัดหาสำรับเครื่องเสวยให้อย่างดี ทุกอย่างล้วนเป็นของที่ดีที่สุด แต่ทว่าไม่มีคนพูดคุยกับเขา ไม่มีใครสนใจเขาอีกแล้ว และไม่สามารถออกนอกประตูใหญ่บานนั้นได้
สำหรับสิ่งของภายในห้อง เขาอยากขว้างปาอย่างไรก็ขว้างไป ถึงอย่างไรก็เคยแจ้งไว้ก่อนแล้วว่าเครื่องใช้ภายตำหนักสามารถเปลี่ยนได้แค่สามชุด หลังเปลี่ยนครบสามชุดแล้วท่านก็รอใช้โต๊ะผุๆเก่าอี้พังๆไปเถิด
แท้จริงแล้วบัดนี้การสงครามตึงเครียด พระคลังว่างโล่ง จำเป็นต้องประหยัดเสบียงกองทัพมิใช่หรือ? ยุงนั้นต่อให้ตัวเล็กก็เป็นเนื้อเหมือนกัน นับประสาอะไรกับสิ่งของที่ให้จักรพรรดิใช้ ยังแย่ได้มากกว่านั้นอีก
รัชทายาทเป็นห่วงเสด็จพ่อของเขา คิดแอบส่งของไปให้หลายครั้ง ผลคือราชครูบอกว่า เรื่องอื่นผู้ชราอย่างพวกเขาจะไม่ถามถึง มีเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียวที่จะไม่ยอมให้เด็ดขาด!
ราชครูกับเจ้าอาวาสมิใคร่ชอบรัชทายาทมากนัก แต่ผ่านพิธีทำนายดวงชะตา ผู้อื่นเป็นมังกรโอรสสวรรค์ เขาเองก็พูดอะไรอีกไม่ได้ แม้หลายเรื่องรัชทายาททำไม่ถูก แต่มิได้ทำลายมโนธรรม
ไม่นาน รัชทายาทก็นั่งบัลลังก์อย่างรวดเร็วภายใต้การสนับสนุนของราชครูและเจ้าอาวาส เนื่องด้วยเดิมทีเป็นรัชทายาทอยู่แล้ว การขึ้นครองราชย์จึงถูกต้องชอบธรรม
——
[1] อ๋องเคียงไหล่ (一字并肩王) หรืออ๋องหนึ่งอักษรเคียงไหล่ คือขั้นสูงสุดของยศอ๋องเทียบเท่ากับจักรพรรดิ ในยุคก่อนรวมแผ่นดินคำว่าอ๋องใช้กับกษัตริย์ผู้ครองแคว้นสมัยโบราณ เช่น หานอ๋อง (กษัตริย์ครองแคว้นหาน) ฉีอ๋อง (กษัตริย์ครองแคว้นฉี) ต่อมาอ๋องหนึ่งตัวอักษรใช้เพื่อแสดงความสูงศักดิ์มากกว่าอ๋องสองตัวอักษร โดยทั่วไปมักใช้อ๋องพยางค์เดียวกับชินอ๋อง และอ๋องสองพยางค์กับจวิ้นอ๋อง
[2] เจิ้นกั๋วฟูเหริน (镇国夫人) ตำแหน่งสูงสุดของเก้ามิ่งฟูเหริน โดยปกติฟูเหรินหรือฮูหยินเป็นตำแหน่งของภรรยาขุนนางชั้นสูง เจิ้นกั๋ว เป็นราชทินนามยกย่อง