เพราะอกหักผมเลยตัดสินใจจะเป็น Vtuber แต่ทำไมผมถึงเป็นที่นิยมในหมู่พี่สาวกันหละ - ตอนที่ 47 ไปเที่ยวอาซากูซะกันเถอะ
- Home
- เพราะอกหักผมเลยตัดสินใจจะเป็น Vtuber แต่ทำไมผมถึงเป็นที่นิยมในหมู่พี่สาวกันหละ
- ตอนที่ 47 ไปเที่ยวอาซากูซะกันเถอะ
เมื่อแยกกับรุ่นพี่ ผมก็กลับมาที่โรงแรม
หลังจากอาบน้ำและพักผ่อน ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ดูเหมือนว่าคาโอรุซังมาหา ผมเลยเปิดประตูแล้วชวนเธอเข้ามา
“ขอโทษที่อยู่ๆก็มารบกวนนะยุกิคุง”
“ไม่มีปัญหาเลย! มีอะไรหรือเปล่าฮะ?”
“พรุ่งนี้เธอว่างไหม?”
“อือ! ผมไม่มีแผ่นอะไร!”
“เยียมเลย! ฉันกับยูระกำลังคุยกันว่าจะไปเที่ยวในโตเกียวกัน เราจะไปอาซากูสะกัน ถ้าเธอสนใจจะมาด้วยกันไหม?”
“ผมยังไม่เคยไปเลยเพราะงั้นผมอยากไป!”
“ฮิฮิ ถ้างั้นพรุ่งนี้เราจะออกไปกันแต่เช้านะ แล้วเจอกันน้า!”
“โอเค!”
คาโอรุซังยิ้มแบบอายๆก่อนจะออกจากห้องของผมไป
“อาซากูสะหรอ เอ่… ที่นั้นผมรู้จักแค่ประตูคามินาริมงเอง อยากรู้จังเลยว่ามันจะเป็นแบบไหน”
ผมตื่นเต้นนิดหน่อย แต่รู้ตัวอีกทีผมก็เผลอหลับไปเพราะความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวัน
เมื่อรุ่งเช้ามาถึง ผมตื่นขึ้น อาบน้ำ และเตรียมตัวให้พร้อม
ตอนนั้นเองที่ผมค้นพบความจริงที่โหดร้าย
“ผมไม่มีชุดผู้ชายเหลือแล้ว”
ไม่แปลก เพราะเราว่างแผนมาโตเกียวครั้งนี้แค่ 5 วัน
เพื่อไม่ให้ขนของมาเกินไปผมไม่ได้เอาชุดสำรองมา
ผมควรจะซักผ้าของผมเมื่อวาน แต่ผมง่วงและหลับไปโดยไม่ได้ทำมัน
ตอนนี้ผมมีทางเลือกแค่ทางเดียว
ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างผมมีชุดของผู้หญิง
“แต่…นี้มัน…”
ตอนนี้ผมกำลังลังเลอยู่นั้นก็มีเสียงเค่ะประตูดังขึ้น
นั้นคือยูระซัง ผมเปิดประตูโดยใส่ชุดของโรงแรมอยู่
“หืม? ยูกิคุง ทำไมเธอถึงยังอยู่ในชุดของโรงแรมหละ?”
“อรุณสวัสดิ์ยูระวัง คือที่จริง…”
หลังจากอธิบายสถานการณ์ให้กับยูระซังฟัง เธอก็ตอบด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหา ให้ฉันจัดการเอง!!! ฉันจะทำให้เธอน่ารักแบบสุดๆไปเลยยย!”
ทางหนีของผมถูกทำลายไปแล้ว
ผมทำได้แค่เตรียมใจเอาไว้
ในขณะเดียวกันผมก็สาบานว่าจะเปิดเครื่องซักผ้าในห้องของผมให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ผมจะใส่ชุดปกติในวันพรุ่งนี้….
ด้วยความช่วยเหลือของยูระซัง ผมก็เตรียมตัวเสร็จ
ชุดที่ผมใส่เป็นชุดเดรสสีข่าวโดยมีซับในสีดำอยู่ข้างใน
“โอเค เธอพร้อมแล้ว! ไหนๆเธอก็ผมยาวอยู่แล้ว วันนี้ลองออกไปโดยไม่มีวิกไหม?”
“เอ่? ไม่มีวิกหรอ?!”
“ตามตรงเลยนะ ผมของเธอนะสวยมากเลยนะ มันดูดีกว่าวิกอีก”
“อืม ถ้ามันไม่ดูแปลกละนะ…”
“มันไม่แปลกเลย! ดูในกระจกสิ”
“เอ่ มันก็ดูไม่แปลกเลยละมั้ง…”
“ใช่ไหม? ไปกันเถอะ โอเน่จังรอเราอยู่นะ”
“โอเค…”
มันน่าอายแต่มันก็เป็นความผิดของผมที่ลืมซักผ้า ผมหายใจเข้าลึกๆแล้วพยายามทำตัวเองให้สงบลง
“ผมโอเคแล้ว ไปกันเถอะ!”
“เอาหละไปกันเลย!”
ตอนที่ผมกับยูระซังลงไปที่ชั้นหนึ่งด้วยลิฟต์ คาโอรุซังที่ดูสวยกว่าปกติก็รอพวกเราอยู่หน้าทางเข้า
“ขะขอโทษที่ทำให้รอนะฮะ”
“โอเน่จังขอโทษที่ทำให้รอน้า!”
“ฉันไม่ได้รอนานไม่ เพราะงั้นไม่เป็นไรหรอก”
“ชุดนั้นเหมาะกับเธอมากเลยนะ ยูกิคุง”
“อ่า ขอบคุณนะนะฮัป!”
เพราะความกังวลใจผมเยเผลอกินลิ้นตัวเอง
เป็นอีกเรื่องน่าอายสำหรับวันนี้
“?!”
ตอนที่ผมกำลังคิดแบบนั้นผมก็ได้ยินเสียหายใจเข้าเสียงดัง
“ยูกิคุ ฉันหละ? ฉันดูดีไหม?”
คาโอรุงซังใส่ชุดเดรสสีเดียวกับผมของเธอ บรรยายกาศของเธอเปลี่ยนจากปกติอย่างสิ้นเชิง
เธอดูสวยแต่ถ้าจะให้พูดละก็เธอดูน่ารักหละ
“มันเหมาะกับคุณมากเลย”
“ดีใจจัง ขอบคุณที่ช่วยนะยูระ”
“ไม่มีปัญหา! พี่ดูน่ารักกว่าปกตินะโอเน่จัง!”
คงเพราะว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกันเลยเรียกกันว่า ‘น่ารัก’ ได้ง่ายๆ
ผมรู้สุกอิจฮานิดหน่อย
“เราไปกันเลยดีไหม?”
“อืม!”
“ลุยเลย!”
แล้วพวกเราก็มาถึงอาซากูสะ
อย่างที่คิดสำหรับแหล่งท่องเที่ยว มีคนเยอะมาก
พวกเราไปที่ประตูคามินาริมงอันโด่ดังก่อนและพวกเราก็ตกใจกับขนาดของมัน
“มันต่างจากวัดอื่นๆแถวนี้เลย…”
“มันใหญ่มาก”
“ไม่ใช่ว่าโคมไฟมันใหญ่ไปหรอ?”
หลังจากผ่านประตูคามินาริมงมาพวกเราก็เข้าไปที่นาคามิเสะ มันเต็มไปด้วยร้านต้าและผู้คน
“กลิ่นหอมจังเลย!”
กลิ่นหอมของซอสโชยุที่กำลังไหม้เริ่มดึงดูผม
“จริงด้วย อาจจะเป็นเซมเบ้ละมั้ง?”
“อาซากูสะโด่งดังเรื่องเซมเบ้! ไปดูกันเถอะ!”
“ได้เลย!”
“อือ ไปกันเถอะ!”
หลังจากเดินดูไปสองสามร้าน พวกเราก็เจอร้านที่อบเซมเบ้ที่ด้านหน้าของร้าน และเราก็สามารถซื้อเซมเบ้ที่พึ่งจะอบเสร็จใหม่ๆได้เลย
พวกสั่งคนละชิ้นและเดินดูรอบๆร้านระหว่างที่รอ
พวกเขามีเซมเบ้มากมายหลายแบบที่สามารถเลือกซื้อได้พวกเราเลยซื้อไว้เป็นของฝาก
“ผมจะซื้อเซมเบ้ไปเป็นของฝากหละ”
“เป็นความิคดที่ดีนะ ฉันซื้อบ้างดีกว่า”
“ฉันจะซื้อไว้กินเองเหมือนกัน ฉันอยากเอาไว้กินเวลาดื่มชา”
“ซื้อสำหรับตัวเองหรอ เอ่…นั้นก็ดีเหมือนกัน”
ผมเลือกเซมเบ้แบบหวานเค็มอย่างซามามาเมะ และซื้อแบบชุดที่มีหลายๆอย่างมา
ผมจะแบ่งบางส่วนให้ยูโตะและเพื่อนๆในห้องที่คุยกับผมบ่อยๆ
ที่เหลือผมจะเอาไปฝากครอบครัวของผมตอนที่กลับไปเยี่ยมพวกเขา!
ตอนที่เราซื้อเซมเบ้กันเสร็จนั้นเอง อันที่พวกเราสั่งไว้ก็พร้อมแล้ว
พวกเรารับมันมาแล้วเริ่มแทะเล็มมันระหว่างที่เดิน
“นี้มันอร่อย!”
เคี้ยวเซมเบ้กรุบๆ ผมเพลิดเพลินกับรสของโซยุและข้าวที่กระจายไปทั่วปากของผม
“เธอพูดถูก มันอร่อยมากเลย”
“มันอร่อยมาก ฉันอยากกินอีกอันเลย แต่ว่าถ้าทำแบบนั้นฉันคงกินอะไรอีกไม่ไหว เพราะงั้นฉันต้องอดทน!”
หลังจากนั้นพวกเราก็ไปที่ร้านขายขนมแล้วซื้อขนมเบาๆมากินกัน แล้วพวกเราก็มาถึงที่ทีชื่อว่าประตูโฮโซมงที่ทักจะถูกเรียกว่าประตูนิโอมง
ผมถ่ายรูปของรูปปั้นนิโอด้วยโทรศัทพ์ของผมแล้วพวกเราก็เดินผ่านประตูมา
แล้วหลังจากคนหลายคนที่กำลังเดินออกมาก็หันหลังกลับไปดูอะไรบางอย่าง
สงสัยว่าพวกเขาดูอะไรกันผมก็เลยหันไปมองด้วยแล้วเห็นร้องเท้าโซริขนาดใหญ่ยักษ์
Curious about what they were looking at, I also turned around to find a giant straw sandal.
“มันใหญ่มาก ผมรู้สึกว่าอะไรในนี้ก็ใหญ่ไปหมด”
“ว่ากันว่าพวกมันจะขับไล่ปีศาจนะ ดูเหมือนว่าพอปีศาจจะหนีไปคิดว่า ‘ใครจะกล้าไปท้าทายที่ๆถูกปกป้องด้วยคนที่ใส่ร้องเท้าใหญ่ขนาดนี้กัน’ ” คาโอรุซังอธิบายให้ผมฟัง
“แบบนี้นี้เอง ผมเองก็คงตกใจถ้าได้อะไรแบบนี้”
“ฮิฮิ ใช่ไหมหละ”
“โอเน่จัง จะถึงโถงหลักแล้ว!”
ยูระซังเตื่อนพวกเรา แล้วพวกเราก็เข้าไปในโถงหลัก
ในห้องโถงหลักนั้น เป็นพื้นที่สักการะพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์
ที่ด้านในนั้นเป็นกระถ่างธูปที่มีควันลอยออกมา
มันมีความเชื่อที่ว่าถ้าคุณเอาควันโบกรอบจุดที่เป็นแผลหรือไม่สบายมันจะหายดี
พวกเราทำความเคารพแล้วอกมาจากโถงหลักและเดินผ่านโซนร้านค้า
“คาโอรุซัง ตอนนี้ยังไม่เที่ยงเลย เราจะไปไหนกันต่อดี?”
ฉันมีที่ๆอย่างจะไปอยู่นะ มันเป็นศาลเจ้าถัดไปจากที่นี้ เรจะต้องเดินกันนิดหน่อย พวกเธอโอเคไหม?””
“ผมโอเค!”
“ฉันก็โอเค โอเน่จัง!”
“งั้นก็ตามฉันมาเลย”
“โอเค!”
หลังจากเดินมาหลายนาที พวกเราก็มาถึงศาลเจ้า
พวกเราเดินเข้าไปด้านในแล้วทำความสะอาดมือของเราเพื่อเตรียมตัวสำหรับการไหว้ศาลเจ้า
พวกเราไหว้ศาลเจ้าขอพรพร้อมกัน
ผมขอพรในใจว่าขอให้ความสุขและความสงบนี้จะคงอยู่ตลอดไป
ก็จริงที่ว่ามันมีเรื่องน่าอายอยู่เยอะ แต่ผมก็ยังได้รับประสบการณ์ใหม่ๆที่ผมไม่เคยเจอมาก่อนหลายอย่าง ตอนนี้มนสนุกมากเลยหละ
ผมอดไม่ได้ที่จะขอพรให้ช่วงวลานี้คงอยู่ไปนานๆ
หลังจากรับเครื่องรางมาจากศาลเจ้า พวกเราก็ออกมา
ก่อนที่ผมจะถามคาโอรุซังด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ศาลเจ้านี้ขึ้นชื่อเรื่องการขอพรอะไรหรอฮะ?”
“เขาบอกว่าศาลเจ้านี้ขึ้นชื่อเรื่องการให้พรที่จริงใจ ถ้าเธออธฺฐานด้วยความตั้งใจเกี่ยวกับอะไรซักอย่างมันจะเป็นจริงนะ”
“เอ่ ถ้างั้นการที่คุณมาถึงที่นี้เลยก็เพราะว่าคุณที่เรื่องที่อยากจะให้มันเป็นจริงมากๆเลยใช่ไหมฮะ?”
“…ความลับนะ”
เมื่อพูดจบ คาโอรุซังก็เอานิ้วของเธอไปว่างไว้ที่ริมฝีปากของเธอ แล้วผมก็หลงเสน่ห์ของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ
หลังจากนั้นพวกเราก็ไปเที่ยวที่ๆเป็นที่นิยมกันต่อ เมื่อตอนเย็นมาถึงพวกเราก็เหนื่อยกันหมดแล้ว เลยกลับไปที่โรงแรมกัน
เช้าวันต่อมาพวกเราก็กลับไปที่นาโกย่า
แล้ววันหยุดที่แสนจะยาวนานของผมก็จบลง
************
ลาก่อนโตเกียว เหลืออีกสามตอนก่อนเข้าบทต่อไป ซึ่งในสองตอนนี้ก็เป็นตอนไลฟ์ด้วย ใครรอตอนไลฟ์ละก็ตั้งตารอได้เลยครับ
-A Cup of Owls