เพราะอกหักผมเลยตัดสินใจจะเป็น Vtuber แต่ทำไมผมถึงเป็นที่นิยมในหมู่พี่สาวกันหละ - ตอนที่ 53 พูดคุยกับคุณพ่อ
- Home
- เพราะอกหักผมเลยตัดสินใจจะเป็น Vtuber แต่ทำไมผมถึงเป็นที่นิยมในหมู่พี่สาวกันหละ
- ตอนที่ 53 พูดคุยกับคุณพ่อ
“เอาหละ พ่อ อธิบายเรื่องทั้งหมดมาเดียวนี้เลย!”
ผมพาพอที่กำลังสับสนมาที่ห้องนั่งเล่นหลังจากพ่อจบไลฟ์แล้ว
พวกเราตัดสินใจคุยกันพลางจิบชาที่แม่ชงไว้
“ขอบคุณสำหรับชานะฮะแม่!”
“ยินดีจ๊ะที่รัก ว่าแต่ทำไมพ่อของลูกถึงดูตื่นตระหนกขนาดนี้หละ?”
“เขารู้แล้ว…ว่าฉันเป็นวีทูบเบอร์…”
“โอ๋ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไรใช่ไหม?”
“ก็ไม่ได้แย่ละนะ”
“ผมมีคำถามเยอะเลย ผมถามได้หรือยัง?”
“อุ๊ก มันคงปิดบังไม่ได้อีกแล้ว! ถามมาได้เลย!!!”
“ทำไมพ่อถึงเริ่มเป็นวีทูปเบอร์หละ? อะไรทำให้พ่อเริ่ม?”
“แม่เองก็ยังไม่เคยได้ยินเรื่องเต็มๆเลย”
“ถ้าจะให้พูดก็ พ่อเป็นโดนซื้อตัวมาในตอนแรก”
“ซื้อตัว?”
“ซื้อตัวคือเวลาที่คนจะบริษัทดึงคนมาจากบริษัทอื่นให้มาทำงานด้วยเงินเดือนและผลประโยชน์ที่ดีกว่า แบบนี้พอจะเข้าใจไหม?”
“เข้าใจฮะ มันเข้าง่ายมากเลย”
“ตอนแรกพ่อทำงานในบริษัทที่ทำเกี่ยวกับการผลิตวิดีโอ พ่อได้รับสัญญาว่าจะเพิ่มเงินให้เป็นเดือนละแสนเยนพ่อเลยเลือกจะเปลี่ยนงาน
แล้วก็นะบริษัทเก่าของพ่อมีชื่อเสียงเรื่องใช้งานพนักงานหนักเกินไป มันเป็นโอกาศที่ดีที่จะเปลี่ยนงาน ที่ดีกว่านั้นพ่อได้รับอนุญาติให้ทำงานจากที่บ้านในบางช่วงของงาน ทำให้พ่อสามารถใช้เวลากับครอบครัวได้มากขึ้น”
“แต่มันไม่มีอะไรเกี่ยวกับวีทูปเบอร์เลยในตอนแรกใช่ไหมฮะ?”
ผมถามออกไปแล้วเขาก็ตอบมา
“ตอนที่พ่อเข้าไปร่วมงานกับวีไลฟ์มันเป็นช่วงที่พวกเขากำลังรับสมัครรุ่นที่หนึ่งพอดี พวกเขาชื่มชมหน้าตา เสียง และความสามารถในการตัดต่อของพ่อ แล้วไปๆมาๆ พ่อก็ได้เปิดตัวเป็นวีทูปเบอร์
ตอนที่ซีอ๊โอมาบอกพ่อ พ่อก็อึ้งไปเหมือนกัน
แต่หลังจากนั้น มันก็ประสบความสำเร็จละนะ เพราะงั้นซีอีโอคงจะมีสายตาที่ดีเลย”
“ผมไม่เคยคิดเลยว่าอะไรแบบนั้นมันจะเกิดขึ้นได้”
“ความเป็นจริงมันแปลกว่านิยายละนะ”
“มันเป็นแบบนั้นแหละ แล้วหลังจากนั้นประมาณสี่ปีพ่อก็มีผู้ติดตามเกินล้านคน ตอนนี้พ่อก็เข้าสู่ปีที่สิบแล้วสินะ” พ่อพูดขณะนึกย้อนถึงวันวาน
“แบบนี้เอง แต่ทำไมพ่อถึงต้องปิดบังด้วยหละ?”
“มันสองเหตุผลนะ
อย่างแรกเลยคือวีทูปเบอร์ของบริษัทจะถูกแนะนำมากๆให้เก็บตัวตนของพวกเขาเป็นความลับ
ลูกรู้ใช่ไหมที่เด็กบางคนชอบเอาเรื่องที่พ่อแม่เขาโดงดังไปอวดคนอื่นนะ? มันมีเพื่อป้องกันเรื่องนั้นแหละ”
“ก็จริง คงบางคนอาจจะเอาไปป่าวประกาศไปทั่ว”
“ใช่ไหม? อีกเหตุผลคือ มันน่าอายนะ พ่อคงจะบอกลูกแบบสบายๆว่า “พ่อเป็นวีทูปเบอร์นะ” ได้หรอก”
“ถ้าอยู่ๆพ่อพูดออกมาแบบนั้นผมเองก็คงแบบว่า “พูดเรื่องอะไรของพ่อนะ?” แน่นอน”
“เห็นไหม? แบบนั้นแหละพ่อถึงพูดออกมาไม่ได้”
“เพราะแบบนั้นพ่อถึงพูดบ่อยๆว่าพ่อต้องทำงานและไม่อยากให้ผมเข้าไปในห้องของพ่อ มันสมเหตุสมผลแล้ว”
“ใช่เลย แต่ลูกคงจะไม่รู้เรื่องพวกนี้เลยถ้าไม่ได้บอก…”
“ยังไงก็ตาม ผมขอโทษนะฮะที่โผล่เข้าไปในไลฟ์ของพ่อ”
“ไม่ต้องคิดมากนะ ไม่มีใครว่ามันจะเกิดขึ้นหรอก ต่อให้พ่อเป็นวีทูปเบอร์ไม่ได้อีกแล้วพ่อก็ยังมีทักษะการตัดต่อขั้นเทพอยู่!” เขาพูดแล้วหัวเราะ
“เอาหละ จบเรื่องของพ่อเอาไว้ตรงนี้ก่อน พ่ออยากได้ยินเรื่องของลูกบ้าง ยูกิ”
“อ่า”
“ข้ามเรื่องวีทูปบิ้งไปเลย ลูกไปเอาโมเดลคุณภาพลูกขนาดนั้นมาจากไหนกัน?”
“ก็แบบว่า ผมใช้เงินปีใหม่ที่สะสมมาแล้วก็เงินที่ได้จากแม่ตั้งแต่ผมย้ายออกไป”
“อ่า พ่อลืมนึกถึงมันไปเลย… พ่อจำมันไม่ได้เลยนะเนี้ย”
“แล้วผมก็รวบร่วมอุปกรณ์ทั้งหมดและจ่ายไปประมาณ ห้าแสนเยน เพื่อที่จะโมเดล”
“ห้าแสนเยน… ห ้า แ ส น เ ย น?!”
“รวมๆแล้วมันก็ประมาณหนึ่งล้านเยน ถ้ารวมพวกอุปกรณ์แล้ว”
“เดียวนะ นั้นมันเป็นเงินปีใหม่ที่เยอะมากเลยนะ!”
“ก็นะ มันเป็นเงินจากประมาณสิบปีเลย”
“นี้ลูกได้เงินปีใหม่จากปู่ย่ามากแค่ไหนกัน…”
“สารภาพเลยว่าผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน…”
“พ่อก็ว่างั้นถ้าพวกเขาฝากเข้าบรรชีให้ลูก…”
“แล้วยูกิ ทำไมลูกถึงเริ่มทำวีทูปบิ้งหละ?”
“สัญญาได้ไหมว่าจะไม่หัวเราะ?”
“พ่อสัญญา”
“จริงๆแล้ว มีคนที่ผมชอบที่โรงเรียน”
“อะไรนะ?!”
“ยูกิจัง?!”
“What?!”
ทั้งพ่อและแม่ต่างตกใจจนเผลอร้องออกมาเสียงดัง
“ก็นะ ผมรู้ตัวแล้วว่าผมแค่เข้าใจผิดไปเอง แต่ตอนนั้นผมคิดว่ารุ่นพี่มีแฟนแล้วและผมก็ช็อกมาก… ผมก็เลยมาลองเป็นวีทูปเบอร์เพราะว่าทั้งเธอและผมต่างก็ชอบวีทูปเบอร์เหมือนกัน…”
“แบบนี้เอง…
อ่า อาจารย์ยูรุ ใช่ไหม? ลูกเจอเธอได้ยังไง?”
“ผมชอบรูปวาดของเธอและติดตามเธอบนทวิตเตอร์ตั้งแต่สมัยเธอยังไม่ค่อยมีชื่อ”
“เพราะความสัมพันธ์แบบนั้นช่วยให้ ชิราฮิเมะ ยูกะ ถือกำเนิดขึ้นมาได้”
“ช่าย อะไรประมาณนั้นละฮะ”
“ยังมีอีกเรื่องที่พ่ออยากถาม ลูกแสดงเป็น ชิราฮิเมะ ยูกะ ได้ยังไง?”
“ก็แบบว่า ผมบอกกับตัวเองในหัวว่า ผมคือ ชิราฮิเมะ ยูกะ แล้วผมก็กลายเป็นเธอเลย ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมก็เถอะ”
“อ่า… พ่อละสงสัยจริงๆว่ามันเป็นมรดกหรือยังไงกัน…”
พ่อของผมถอนหายใจแล้วพึ่มพำกับตัวเอง
“พ่อหมายความว่ายังไง?”
“ยูกิ นั้นนะเรียกว่าการสะกดจิตตัวเอง
พ่อเองก็ทำแบบเดียวกันตอนที่แสดงเป็นชวาร์ตษ์ ตอนที่เราพยายามบอกกับตัวเราอย่างตั้งใจว่าในนั้นเราจะกลายเป็นตัวละครนั้น มันยากมากเพราะมันเป็นอะไรที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ลูกจำอะไรได้บ้างไหม?” พ่อพูด
ตอนที่ผมพยายามนึกยอนไป ผมคิดว่ามันเคยเกิดขึ้นสองครั้ง
วันที่ผมกลายเป็น ชิราฮิเมะ ยูกะ ในชีวิตจริง (ตอนที่ 17 ) กับวันที่ผมโดนคาโอรุซังลูบหัว (ตอนที่ 25) ผมมั่นใจว่ผมกลายเป็นตัวละครในวันนั้น
ให้พูดจริงๆ ผมก็จำได้ไม่ชัดเจนนัก
“…ผมจำได้”
“พ่อก็คิดแบบนั้น”
“ฟังนะยูกิ ลูกดูน่ารักยิ่งกว่าพ่อในสมัยนั้นอีก
ตอนที่ลูกสะกดจิตตัวเองลูกต้องมั่นใจว่าลูกจะอยู่ต่อหน้าคนที่ลูกจะโอเคต่อให้พวกเขาจู่โจมลูก”
“ต่อให้พวกเขาจู่โจมผม…”
“ผมจริงจังนะ!”
“พ่อของลูกพูดแบบนั้นเพราะเขาเคยมีประสบการณ์โดนจู่โจมจากคนที่อายุมากกว่ามาก่อน เขาไม่อยากให้ลูกต้องเจอแบบเดียวกันนะ”
“คะ ครับ”
ผมไม่รู้เรื่องนั้นเลย!!!
“ถ้าทำไม่ได้ ทำมันในที่ที่มีคนเยอะๆ”
“ที่งานคอมมิกเก็ตจะปลอดภัยไหม?”
“ถ้ามีใครจู่โจมลูกได้ในงานนั้น พวกเขาก็ต้องสุดยอดมากๆเลยนะ ให้ตายสิ”
“ไม่มีข้อโตแย้ง…”
“แล้วก็นะ ลูกอยากรู้เรื่องภาษีใช่ไหม”
“ช่าย”
“ลูกทำเงินได้เท่าไหร่ที่งานคอมมิกเก็ตฦ”
“สองล้านห้าแสนเยน…”
“อะไรนะ?!”
“ว้าว ยูกิจัง นั้นมันน่าทึ่งมาก!”
“แล้วก็จากซุปเปอร์แชท ผมทำได้ประมาณ เจ็ดแสนเยนหลังจากหักทุกอย่างแล้ว…”
“หยุดก่อนนะ! ลูกทำเงินสามล้านสองแสนเยนในหนึ่งเดือนเรอะ?!”
“ช่าย และเพราะแบบนั้นแหละผมถึงกังวลเรื่องภาษี…”
“อย่างแรกเลยเลยก็รายได้ที่มาจากการทำวีทูปบิ้งจะถูกนับว่าเป็นรายได้ของธุรกิจ
แต่เงินที่ใช้ไปกับการทำกิจกรรมของวีทูปเบอร์ อย่างเช่นค่าเช่าบางส่วนสำหรับพื้นที่ลูกทำวีทูปบิ้ง ก็สามารถนับว่าเป็นค่าใช้จ่ายได้ ลูกตามทันไหม?”
“ทันฮะ พ่อกำลังหมายความว่า ถ้าผมใช้พื้นที่ครึ่งหนึ่งทำวีทูปบิ้ง ผมก็นับว่าค่าเช่าครึ่งหนึ่งเป็นค่าใช้จ่ายในธุรกิจได้ ใช่ไหมฮะ?”
“ใช่เลย พ่อหมายถึงแบบนั้นแหละ”
“แล้วก็พวกค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันจะไม่นับว่าเป็นค่าใช้จ่าย
สิ่งที่สามารถเขียนเป็นค่าใช้จ่ายได้คือของที่จำเป็นสำหรับการทำกิจกรรมของวีทูปเบอร์
ยกตัวอย่างเช่นถ้าลูกดื่มในช่วงไลฟ์ น้ำดื่มนั้นก็สามารถไปเขียนเป็นค่าใช้จ่ายได้
แต่ถ้าลูกดื่มน้ำหลังจากไลฟ์มันก็จะไม่นับ
แล้วก็นะ พวกสินทรัพย์แบบคอมพิวเตอร์จะมีค่าเสื่อมราคาหลังจากผ่านไปหลายปี เพราะงั้นลูกจะไม่สามารถเขียนมันเป็นค่าใช่จ่ายได้ทั้งหมดที่เดียว”
“ผมไม่รู้เลยว่ามันจะระเอียดขนาดนี้…”
(ผู้แปล : ผมด้วย…)
“ตอนที่ลูกยื่นภาษี มันจะเป็นเรื่องที่ดีที่จะจดรายระเอียดของบรรชีธนาคารแล้วยื่นขอบลูรีเทริน มันจะทำให้ลูกได้เบี้ยเลี้ยงหรือลดย่อนภาษีได้มากถึงหกแสนห้าหมื่นเยนเลย จำไว้ให้ดีเลยนะ”
“เข้าใจแล้วฮะ มันมีเรื่องต้องจำเยอะเลย…”
(ผู้แปล : Blue return system แบบย่อๆก็ในประเทศญี่ปุ่นได้มีการว่างระบบประเมินตนเองสำหรับการทำภาษี ซึ่งถ้าผู้จ่ายภาษีคำนวณภาษีได้อย่างถูกต้องแล้วยืนภาษีเอง โดยมีการบันทึกและเก็บข้อมูลและคำนวณอย่างเหมาะสมจะสามารถได้รับผลประโยชน์จากระบบนี้ได้….ทำไมตรูต้องมาหาข้อมูลพวกนี้ทั้งๆที่แค่อยากแปลนิยายสาวดุ้นฟระ!!! //ทุ๊บโต๊ะ)
“สำหรับพ่อเพราะพ่อเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท พวกเขาเลยจัดการเรื่องนี้ให้กับพ่อ มันเป็นข้อดีอย่างหนึ่ง
ถ้ารายได้ของลูกเพิ่มชึ้น ลูกอาจจะคิดลดเวลาการตัดต่อคลิปลง หรือลูกสามารถจ้างนักบัญชีภาษีมาทำภาษีให้ได้ โดยจ่ายเงินประมาณหมื่นเยนต่อเดือน
ถ้ามีอะไรที่ลูกไม่เข้าใจลูกสามารถปรึกษานักบัญชีภาษีได้ด้วย”
“ผมสามารถลดภาษีได้มากแค่ไหนหรอฮะ”
“มันขึ้นอยู่กับแต่ละครั้งนะ แต่ลูกควรจะเตรียมตัวเสียไปประมาณสามสิบเปอร์เช็นได้เลย ภาษีเงินได้และภาษีถิ่นที่อยู่จะน้อยกว่าสามสิบเปอร์เซ็น แต่บางครั้งมันก็อาจจะมากกว่าสี่สิบเปอร์เช็นได้ มันเปลี่ยนไปตามรายได้ของล฿ูก เพราะงั้นขึ้นอยู่กับรายได้ของลูกในตอนนั้น”
“ถ้างั้นสำหรับผม ถ้าผมจัดการเรื่องค่าเช่าและของอื่นๆ ผมสามารถลดภาษีลงได้ใช่ไหมฮะ?”
“ใช่ แต่พ่อว่างแผนว่าจะจัดการเรื่องค่าเช่าของลูกไปจนกว่าจะเรียนจบ เพราะงั้นอย่ากังวลกับมันเลย”
“จริงหรอ? แต่ผมสามารถจ่ายมันได้เองแล้วตอนนี้…”
“มันเป็นอะไรที่พ่อสามารถทำให้ลูกได้ จริงไหม? ลูกยังเป็นเด็ก ให้พ่อกับแม่ของลูกเอาใจลูกหน่อยนะ”
“…โอเคฮะ ขอบคุณนะฮะ พ่อ”
หลังจากได้รับคำอธิบายอย่างระเอียดจากพ่อของผมแล้ว พวกเราก็ทานอาหารเย็นด้วยกัน
อาหารของแม่ หลังจากที่ไม่ได้กินมานาน ก็ยังอร่อยเหมือนเดิม
“พ่อจะขึ้นนอนแล้ว แต่อย่าลืมตื่นเช้าๆหน่อยนะพรุ่งนี้ พวกเราจะไปเยื่ยมปู่กับย่ากัน”
“โอเค! ผมตั้งตารอเจอพวกท่านเลย!”
“ฮะฮะ พ่อละสงสัยจริงๆว่าเมื่อไหร่พวกเขาจะเริ่มดูแก่ขึ้น… พ่อเองก็ไม่ใช่คนที่ควรพูดละนะ”
“ทำไมผู้ชายในตระกูลเราถึงเป็นแบบนี้หมดเลยละฮะ?”
“พ่อไม่รู้เลย”
“เอ่…”
“บางทีปู่ย่าของลูกอาจจะรู้อะไรบ้าง”
“ผมจะลองถามพวกท่านดู!”
“เป็นความคิดที่ดี เอาหละ ฝันดีนะยูกิ”
“ฝันดีนะยูกิจัง”
“ฝันดีนะฮะ”
การได้กลับบ้านหลังจากไม่ได้กลับมานานนี้มันดีจริงๆ
**********
เป็นตอนที่แปลเหนื่อยมาก ช่วงเกี่ยวกับภาษี ผมแทบจะมั่วเลยครับ ไม่แน่ใจว่าอิงแปลผิด คนแต่งเขียนผิด หรือผมไม่เข้าใจเรื่องภาษีผิดก็ไม่รู้ แต่เนื้อหาเรื่องภาษีค้อนข้างผิดเลยครับ (ส่วนตัวคิดว่า อิงแปลผิด แต่ผมแกะดิบไม่ไหวจริงๆในตอนนี้)
อาจจะเพราะช่วงนี้งานผมหนักผิดปกติด้วยทำให้การแปลนิยายเนื้อหาหนักหนักวิชาการแบบนี้ค้อนข้างเหนื่อยเลยครับ แฟลชแบล็คสมัยแปลเปเปอร์จากไทยเป็นอังกฤษย้อนกลับมาเลย
-A Cup of Owls