เพราะเป็นเทพมังกรเลยไม่มีระบบพิเศษเหมือนเขาอ่ะ! - ตอนที่ 104 ความทรงจำของมิว
บทที่ 104 – ความทรงจำของมิว
“เอ้ะ.. เมื่อกี้เธอว่าไงนะ?”
“เอ่อ.. ฉันหมายถึงฉันเป็นใครน่ะ”
“เธออย่าบอกนะว่า… เธอจำอะไรไม่ได้เลย”
“เหมือนจะเป็นแบบนั้นแหละ”
“……..”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเรย์น่า ไม่สิ.. เรนะถึงกับเบิกตากว้างพร้อมกับพูดอะไรไม่ออกทันที.. อันที่จริงเรนะคิดว่าถ้าเป็นมิวจะรู้อะไรเพิ่มมากกว่านี้
เพราะมิวเหมือนจะมีความลับอะไรหลายๆ อย่าง เช่นจู่ๆ ก็ปรากฏตัว จู่ๆ ก็หายไป ไหนจะเรื่องโลกแห่งนี้อีก
หากเรนะเข้าใจไม่ผิด เธอมาเกิดใหม่ในอีกโลกหนึ่งงั้นเหรอ ไม่สิ ก่อนอื่นเลยเธอตายตอนไหน เธอไม่มีความทรงจำว่าตัวเองตายตอนไหนด้วยซ้ำ
อันที่จริงความทรงจำยิ่งช่วงหลัง ความทรงจำเรนะยิ่งเลือนรางขึ้นเรื่อยๆ จนถึงช่วงที่คางาริตาย ความทรงจำหลังจากนั้นเรนะมันขาดๆ เกินๆ
ทำให้เรนะจำอะไรไม่ได้หลังจากนั้นมากนัก อันที่จริงแทนที่จะบอกว่าจำอะไรไม่ได้ ต้องบอกว่ามันไม่มีอะไรให้จำมากกว่าหรือเปล่า
เพราะในมุมมองของเรนะในฐานะเรย์น่า จู่ๆ เรนะก็นึกถึงเรื่องในชาติก่อนขึ้นมาได้ก็จริง แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้นเรนะเหมือนจู่ๆ ก็จำเรื่องราวของเรย์น่าได้ซะมากกว่าด้วยซ้ำ
ไม่สิ พูดแบบนั้นก็อาจจะดูประหลาดไปอีก เพราะเดิมทีไม่ว่าจะเรย์น่าหรือเรนะ ทั้งคู่ก็เป็นคนคนเดียวกันตั้งแต่แรกแล้ว
แน่นอนว่าเรนะจำความทรงจำหลังจากคางาริตายไปไม่ได้เลยสักอย่าง นั่นจึงหมายความว่าเธอจำเรื่องราวของสิ่งที่ปรากฏหลังจากนั้นไม่ได้
ทำให้เธอไม่สามารถคิดสืบต่อได้ว่านี่อาจจะเป็นภายในหอคอย เพราะอันที่จริงเรนะในฐานะเรย์น่าก็ใช้ชีวิตในนี้มาตั้งแต่เด็กจนโต
สำหรับเรนะแล้ว ไม่ว่าจะเป็นชาตินี้หรือชาติก่อน ล้วนแล้วแต่เป็นตัวเธอเองทั้งสิ้น แม้จะได้รับรู้ความจริงที่ว่ามิวที่อยู่ตรงหน้าเคยไปอยู่ในห้องแฟนเธอได้ยังไง
แล้วก็ทำไมเป็นคนพาร่างที่ไร้วิญญาณของคางาริมาให้เธอ.. แต่ความรู้สึกของเรย์น่าที่มีต่อมิวก็ไม่ได้ถูกกดทับและลบให้หายไปแต่อย่างใด
กลับกันเลย ความรู้สึกของเรนะที่มีต่อคางาริ กับความรู้สึกของเรย์น่าที่มีต่อมิวมันกลับตีกันเองซะด้วยซ้ำ
ทว่าเรนะรู้ดีว่านี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่จะมาคิดแบบนั้น.. ตามความทรงจำของเรย์น่า เรนะรู้ดีว่าที่แห่งนี้ไม่เคยมีหลุมมาก่อน
บางทีมันคงเป็นหลุมเพราะไอ้หลุมสีดำนั่นแน่ๆ และภายในหลุมก็ดันมีโพรงใต้ดินอยู่จริงๆ ก็คือที่นี่
แต่ว่าเรนะสัมผัสได้ดีว่าที่แห่งนี้นั้นไม่เหมือนกับโพรงใต้ดินธรรมดา มันเหมือนกับมีพลังบางอย่างที่ขัดขวางพลังศักดิ์สิทธิ์ของเธออยู่
ซึ่งตามหลักแล้วมันเป็นไปไม่ได้.. เพราะพลังศักดิ์สิทธิ์นั้นก็ตามชื่อ มันคือพลังที่อยู่ในจิตใจ ต่อให้จะมีที่ผนึกพลังหรืออะไรทำนองนั้น
แต่หากไม่ปิดกั้นความคิดพลังศักดิ์สิทธิ์ก็สามารถปรากฏขึ้นได้ในทุกๆ ที่ที่มีกระแสแห่งความคิดหรือจิตสำนึกผู้คน
เพราะพลังศักดิ์สิทธิ์นั้นอยู่เหนือสามัญทั่วไป.. แต่ที่แห่งนี้ไม่ได้ปิดกั้นความคิด แต่พลังศักดิ์สิทธิ์ยังไหลเวียนได้ไม่เต็มที
แม้สถานที่รอบๆ ยังเป็นเหมือนโพรงใต้ดินธรรมดา แต่บรรยากาศรอบๆ มันเหมือนกับบรรยากาศที่หลุมสีดำนั่นสร้างขึ้นมาเลย
เรนะจึงสรุปทุกอย่างได้อย่างเยือกเย็นว่า
“พลังปริศนาสีดำนั่น เปลี่ยนโพรงแห่งนี้ให้เป็นส่วนหนึ่งของพลังมัน” นั่นเอง
และอาจจะเป็นเพราะแบบนั้นก็ได้ เลยทำให้เรนะได้ความทรงจำในอดีตชาติกลับมา ในขณะที่มิวสูญเสียความทรงจำไป
“คงไม่มีอะไรอย่างอื่นให้ปักใจเชื่อนอกจากเรื่องนี้.. อีกอย่างนอกจากนี้ ที่นี่น่ะ..”
เรนะไม่มองขึ้นไปบนเพดานที่ปิดสนิท ไม่มีหลุมที่พวกเธอตกลงมาเลย ทว่าเมื่อมองย้อนลงไปด้านล่างบนพื้นที่เธอเหยียบอยู่นั้น
มันมีหลุมสีดำขนาดใหญ่.. ซึ่งเรนะค่อนข้างมั่นใจว่าพวกเธอตกลงมาจากตรงนั้น.. ใช่แล้ว เท่าที่เรนะสังเกตดูหลังจากตื่น
กฎเกณฑ์บางอย่างในที่แห่งนี้ดูเหมือนจะสลับกลับด้านกัน เช่นบนเป็นล่าง ล่างเป็นบน ซ้ายเป็นขวา ขวาเป็นซ้าย
แต่ไอ้เรื่องซ้ายขวานี่ไม่ใช่เรื่องน่าปวดหัวเพราะเดิมทีมนุษย์เรานั้นก็มีทั้งซ้ายและขวาเกือบเท่ากันอยู่แล้วดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่ทำให้สับสนอะไรขนาดนั้น
อันที่จริงหากพิจารณาจากจุดนี้ เรนะก็พอมีข้อสันนิษฐานที่เธอได้ความทรงจำกลับมาอยู่หนึ่งอย่าง
อย่างที่บอกว่ากฎบางอย่างในที่แห่งนี้มันสลับกัน ไม่ใช่ทั้งหมด.. เช่นเราต้องหายใจเข้าออกเพื่อเอาออกซิเจนไม่ได้ถูกสลับให้กลายเป็นต้องหายใจออกจากปอดเพื่อมีชีวิตอยู่แต่อย่างใด
มีความเป็นไปได้หนึ่งอย่างว่าที่เธอจำอดีตชาติได้เพราะ.. เธอสลับสิ่งนั้นกับมิวไป.. แต่เรนะก็ต้องส่ายหน้าปฏิเสธทันที
เพราะมันไม่มีหลักฐานอะไรชัดเจนมายืนยันว่าเป็นแบบนั้น มิวก็ไม่น่าจะมีความทรงจำจากชาติที่แล้วอีกด้วย
และถ้าสลับกันมิวควรจะจำเรื่องในชาตินี้ได้ ไม่ใช่ลืมทุกอย่างแบบนี้ ดังนั้นข้อสันนิษฐานนี้จึงถูกปัดทิ้งทันที
แต่อันที่จริงแล้ว.. ความคิดของเรนะนั้นค่อนข้างที่จะถูกต้อง เพียงแค่ว่าสาเหตุที่มิวลืมทุกอย่างนั้นไม่ใช่เพราะแค่การสลับของที่แห่งนี้
แต่เป็นเพราะพลังของมิวเองด้วย.. อย่างที่บอกว่าสมองนั้นทำงานโดยการส่งกระแสประสาทเป็นแพทเทิร์นต่างๆ เพื่อให้จดจำอะไรบางอย่างได้
และมิวนั้นก็กำลังใช้ชินคิโรในการกล่อมประสาทตัวเอง.. เมื่อเจออะไรซ้ำๆ มันก็จะทำให้มิวคิดถึงแต่เรื่องนั้นๆ และมิวก็จะเชื่อว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ
และแน่นอนว่าถ้าแพทเทิร์นความคิดของมิวจู่ๆ ก็ถูกเปลี่ยนแปลงกะทันหัน ให้รูปแบบแพทเทิร์นแต่รูปแบบไม่สามารถปะติดปะต่อกันได้
เป็นระนาบๆๆ ต่อเนื่องกันหลายครั้ง
ชินคิโรที่ทำงานเมื่อเจออะไรซ้ำๆ ซากๆ จึงเข้าใจผิดว่านี่เป็นหน้าที่ที่ตัวมันต้องทำ นั่นก็คือการทำให้แพทเทิร์นความทรงจำมิวนั้นไม่ประติดประต่อกัน
จน..นั่นแหละ มิวเสียความทรงจำไปในที่สุดเพราะชินคิโรที่ทำงานอยู่นั่นเอง และน่าเสียดายที่คุณสมบัติมันเป็นเหมือนการสะกดจิตตัวเองอยู่ครึ่งหนึ่ง
ดังนั้นต่อให้พลังชินคิโรหายไปแล้ว ถ้ามิวยังไม่สามารถนึกเรื่องที่ถูกสลับกับเรนะได้ เธอก็คงลืมทุกอย่างต่อไปนั่นเอง
นั่นสินะ ถ้าจะพูดให้ถูกคือมิวแค่ซวยซ้ำ ซวยซ้อนเหมือนกับมีคนบงการเหตุการณ์เพื่อล้อเล่นกับเธออยู่เลยล่ะ
เมื่อรวบรวมข้อมูลมากพอที่เรนะจะทำได้เช่นถามว่ามิวจำอะไรได้อีกบ้าง.. แน่นอนว่านอกจากการตอบสนองทั่วไปหรือพวกสัญชาตญาณก็ลืมไปหมดเกลี้ยง
แต่เหมือนว่าจะมีเรื่องสามัญสำนึกและภาษาการพูดเท่านั้นที่ยังไม่หายไปไหน
“เข้าใจแล้ว…”
“แล้วจะบอกได้หรือยังว่า ฉันเป็นใคร ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่?”
“อืม.. เธอชื่อว่ามิว ส่วนฉันเรย์น่า..และที่นี่ก็คือ…”
เรนะไม่ได้พูดทันที เธอครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะพูดว่า
“หุบเหว (Abyss) เจ้าสัตว์ประหลาดสีดำนั่นบอกว่าแบบนี้แหละ”
“หุบ..เหว…?”
มิวที่ได้ยินแบบนั้นก็เบิกตากว้างเล็กน้อย เธอยกมือขึ้นกุมหัวตัวเอง ความรู้สึกแสบปวดร้อนวิ่งผ่านหัวของเธอ
“เจ็บ เจ็บ เจ็บ.. นี่มันอะไรกัน”
สีหน้าของมิวเปลี่ยนสีพร้อมแสดงความเจ็บปวดออกทางสีหน้า น้ำตาก็เริ่มไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้ อันที่จริงสมองของมิวในตอนนี้ไม่ต่างจากเด็กทารกสักเท่าไหร่
เมื่อเห็นอาการเจ็บปวดทรมานของมิว สีหน้าของเรนะเปลี่ยนสี สำหรับเรนะที่เป็นเรย์น่าแล้ว มิวคือคนสำคัญที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง
เธอคนนี้แข็งแกร่งเกินกว่าจะพูดคำว่าเจ็บพร้อมกับน้ำตาได้ แต่เมื่อมิวร้องออกมาแบบนั้นเธอรีบพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วงโดยไม่รู้ตัว
“เป็นอะไร เจ็บตรงไหนเหรอ ฉันจะรักษาให้เดี๋ยวนี้แหละ”
“หัว… หัว..ที่หัว.. เหมือนมีแมลง.. ไต่อยู่.. ไม่..ทำไมเป็นแบบนี้ ทำไม.. ฉัน..”
มิวพึมพำเหมือนกับคนสติหลุด.. ภาพความทรงจำบางอย่างลอยขึ้นมา.. เป็นความทรงจำที่แปลกประหลาดอย่างยิ่ง
มันเป็นภาพที่อยู่ในสถานที่แปลกประหลาดที่บิดเบือนไปมา ราวกับไม่มีอยู่จริง.. ด้านหลังของเธอมีเสียงหญิงสาวดังขึ้น
“ฉันว่า.. เรามาสร้างหุบเหว (Abyss) ที่สลับทุกอย่างดีไหม.. น่าสนใจดีออกใช่ไหม”
เมื่อคำพูดนั้นดังขึ้นหัวของมิวแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ คำพูดนั้นมิวไม่สามารถแยกได้ออกว่าใครเป็นคนพูด แต่เหมือนจะไม่ใช่เธอแน่ๆ ..
ทว่า..เธอกลับเหมือนเป็นคนพูดคำนั้นออกมาเอง…
“เจ็บๆ .. เจ็บ ทำไม…ถึงเป็นแบบนั้น.. นี่มันเรื่องอะไร..ฉัน..ฉัน..”
สติของมิวเหมือนจะหลุดออกจากหัวก่อนจะหมดสติล้มหน้าทิ่มพื้น ยังดีที่เรนะรีบพุ่งตัวเข้ามารับไว้ทัน