เพราะเป็นเทพมังกรเลยไม่มีระบบพิเศษเหมือนเขาอ่ะ! - ตอนที่ 21 หอคอยชั้นที่ 2
บทที่ 21 – หอคอยชั้นที่ 2
“การสื่อสารครั้งแรกงั้นเหรอ… เป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นสินะ”
มิวนึกถึงผู้หญิงที่ชื่อเรนะ จากคำอธิบายในหน้าต่างอธิบายไว้ว่านี่เป็นเพราะมีคนเคลียร์ชั้นสิบได้แต่ชั้นที่ 11 ยังไม่เปิด
ซึ่งเรื่องนี้มิวเองก็พึ่งรู้.. แน่นอนว่าเพราะการที่จะขึ้นไปชั้นสิบได้นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ในตอนนี้นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม.. จากที่หอคอยบอกคือเราต้องเคลียร์ภารกิจบางอย่างเพื่อที่จะขึ้นไปยังชั้น 11 งั้นสินะ.. บางทีเธอคงไม่ใช่คนแรกที่ได้ข้อความนี้
อันที่จริงพวกมิวอาจจะไม่รู้ ข้อความพวกนี้ก็พึ่งปรากฏขึ้นหลังจากเรนะเคลียร์ชั้นสิบไปประมาณสัปดาห์กว่า
กล่าวก็คือมันพึ่งปรากฏขึ้นเมื่อสี่ห้าวันก่อนเองนั่นแหละ แน่นอนว่าเธอไม่ใช่คนแรกที่ได้รับข้อความนี้ แต่ยังมีอีกหลายคนที่ได้รับ
ซึ่งนั่นหมายความว่า..
“การตามหาคนที่ว่าแล้วปกป้องมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย..”
มิวหันไปมองรินนะที่อยู่ด้านข้าง สิ่งที่เธอต้องทำในตอนนี้คือรีบตามหาน้องชายของคนคนนี้
เพราะยิ่งนานเท่าไหร่โอกาสรอดของเด็กน้อยยิ่งต่ำลง เพราะงั้นมิวไม่มีเวลามาเสียให้กับเควสที่ต้องตามหาคนในเมืองที่ขนาดใหญ่เท่านี้
“เอาล่ะ.. ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ไม่เกี่ยวกับพวกเรา พวกเราไปหน้าเมืองกันเถอะ”
มิวพูดขึ้นแบบนั้น.. แต่ในตอนนั้นเองชายเสื้อของเธอก็ถูกดึงเอาไว้.. ก่อนที่เธอจะหันกลับมองคนที่ดึงก็คือตัวรินนะเอง
“เอ้ะ.. จะไม่ตามหาเหรอพี่.. นี่มันสัญญาณของเควสที่น่าตื่นเต้นเลยไม่ใช่เหรอ ..?”
ไม่รู้ว่ามิวคิดไปเองหรือเปล่าดวงตาของรินนะที่จ้องมองมาที่มิวมันเหมือนกับเป็นสาวตาที่ผิดแปลกไปจากก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง
มิวแปลกใจนิดหน่อยแต่ก็รีบปฏิเสธทันที
“ไม่สิๆ.. พวกเราต้องตามหาน้องชายของเธอไม่ใช่หรือไง.. อีกอย่างการตามหาคนแบบนั้นยากกว่าการกำจัดศัตรูที่บุกเข้ามาตั้งเยอะนะ..”
“เอ้ะ…”
รินนะดูแปลกใจกับปฏิกิริยาของมิว.. เหมือนกับว่าไม่คิดว่ามิวจะพูดคำนี้ออกมาและแน่นอนว่ามิวเองก็ไม่คิดว่ารินนะจะพูดแบบนี้เหมือนกัน
หลังจากที่รินนะเหมือนคิดอะไรขึ้นได้ เธอก็ก้มหน้าลงคิดกับตัวเองอยู่สักพัก.. ก่อนที่จะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นพร้อมพูด
“ไม่เห็นเป็นอะไรเลยพี่.. แรกเริ่มเดิมทีเด็กคนนั้นก็ตัดสินใจด้วยตัวเองที่จะไปเสี่ยงอันตรายกับด้วยตัวเองอยู่แล้ว”
“ช่างเรื่องนั้นไปก่อน.. เพราะไอ้เควสลับที่พึ่งขึ้นมานี่มันน่าตื่นเต้นสุดๆ มากกว่านั้นอีกไม่ใช่เหรอพี่?”
“แบบนั้นไม่ใช่เหรอถึงจะเรียกว่าผจญภัย?”
ดวงตาที่เหมือนกับกลืนกินทุกอย่างจ้องมองมาที่มิว แม้แต่มิวเองก็ยังต้องสะดุ้งกับคำพูดและท่าทางของเด็กคนนี้
เมื่อมาลองนึกย้อนกลับไปดู.. มันก็ผิดปกติมาตั้งแต่แรกแล้ว ทำไมเด็กผู้หญิงที่เป็นคนธรรมดาถึงกล้าเข้ามาในหอคอย
แม้จะใช้เงินทั้งหมดในครอบครัว.. โดยไม่คิดหน้าคิดหลังด้วยซ้ำว่าหลังจากนั้นจะเป็นยังไง..
“พี่เองก็ไม่คิดเองว่ามันน่าสนุกหรอกเหรอ.. การได้ทำอะไรที่น่าตื่นเต้นแบบนั้น.. ยิ่งกว่าการตามหาเด็กคนนั้น”
มิวถอยหลังไปหนึ่งก้าว.. เด็กคนนี้.. พอมาคิดดูดีๆ แล ไม่ใช่ว่าเธอยิ้มอยู่ตลอดหรอกเหรอ… ยิ้มในช่วงเวลาที่พูดถึงผู้ใช้อารยธรรม
ยิ้มในเวลาที่เจอศัตรูโจมตี.. เธอยิ้มมาตั้งแต่แรก..
“เอาล่ะพี่.. ไปตามหากันเถอะคนคนนั้น”
“……?”
มิวพลันพึ่งตระหนักขึ้นมาได้ว่า.. บางทีการเข้ามาในหอคอยเพื่อตามหาน้องชายของเด็กคนนี้อาจจะเป็นข้ออ้าง
เธอก็แค่หลงใหล… หลงใหลในโลกของหอคอย หลงไหลในความตื่นเต้น.. เพราะงั้นถึงได้ตัดสินใจเข้ามาในหอคอย
เข้ามาในที่อันตรายเพื่อแสวงหาความตื่นเต้น ความแฟนตาซีในแบบของตัวเอง เมื่อมองตามไปยังรินนะที่กำลังวิ่งห่างออกจากกำแพงเมืองไป
มิวก็ได้แต่ถอนหายใจ..คนในโลกนี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมีอะไรแบบนี้โผล่มาหรือเปล่าแต่มิวรู้สึกว่าพวกเขาไม่ค่อยปกติสักเท่าไหร่
อันที่จริงก็ตั้งแต่คาโอรุแล้ว. เพราะหลังจากได้ฟังเรื่องของคาโอรุคือ เด็กนั่นแทบจะลงน้ำไปลึกหลายพันเมตรเพื่อตามหาแร่
ทั้งที่ครอบครัวตัวเองรวยมาก แทนที่จะทำข้อตกลงเด็กนั่นกลับลงไปในน้ำทะเลลึกขนาดนั้น..
ไม่รู้สิ… มิวอาจจะคิดไปเองก็ได้ แต่เธอรู้สึกว่าคนในโลกนี้ค่อนข้างที่จะ ก้าวร้าวเกินไปสักหน่อย ไม่ใช่แค่ในแง่ของการใช้ความโกรธด้วย
แต่เป็นอารมณ์ความต้องการต่างๆ..
“เฮ้อ.. เข้าใจแล้วน่า”
มิวถอนหายใจได้แต่ภาวนาขอโทษน้องชายของรินนะในใจ..
“แต่ก่อนอื่นนะรินนะ เราต้องวางแผนก่อนว่าจะเริ่มจากอะไรก่อน”
“อืม.. นั่นสินะคะ?”
พอได้ฟังคำพูดของมิวรินนะถึงหยุดเดินอย่างไร้จุดหมายพร้อมกับมองหน้ามิว มิวเองก็พยายามนึกว่าตัวเองมีความสามารถอะไรอย่างการตามหาคนหรือเปล่า
ส่วนการเรียกใช้อัตลักษณ์ของสิ่งมีชีวิตอื่นที่กลืนกินมา มิวไม่ค่อยอยากจะใช้เท่าไหร่เพราะมันดูอันตรายเกินไป ควบคุมความรุนแรงไม่ค่อยได้
อย่างรอก่อนก็เผลอฆ่าคนไป ถึงจะไม่ได้รู้สึกอะไร.. แต่ในส่วนลึกของจิตใจมิวยังปฏิเสธการฆ่าคนอยู่ดี
เพราะงั้นมิวจะใช้แค่อัตลักษณ์ของมังกรเท่านั้น.. ซึ่งแค่นั้นก็มากพอสำหรับชั้นต่ำๆ แล้วล่ะนะ
“อ้ะ ใช้เจ้านี่น่าจะได้นะ?”
มิวพึมพำกับตัวเองก่อนที่ในมือจะปรากฏม้ายคล้ายไม้กายสิทธิ์ขึ้น .. หนึ่งในทักษะของมังกรที่ทำให้ได้เปรียบในการต่อสู้มากๆ
ก็คืออาณาเขตจิตมังกร.. เป็นอาณาเขตที่จะแผ่ขยายจิตมังกรออกมาด้านนอกเพื่อครอบคลุมสถานที่ทุกอย่างเอาไว้
โดยท่านี้ไม่ใช่ท่าที่จะฆ่าทุกคนที่เข้ามา.. อันที่จริงมันตรงกันข้ามเลยหากอาณาเขตจิตนี้ถูกทำร้ายตัวมังกรเองก็จะบาดเจ็บไปด้วย
แน่นอนว่าต้องเป็นการโจมตีทางจิตละนะ ถึงจะโจมตีได้.. แต่ที่ทำให้ท่านี้หากินก็เป็นข้อด้อยมันนั่นแหละ
เมื่อเอาจิตกางออกมาจะสามารถบอกสิ่งมีชีวิตอื่นได้ว่านี่คือเขตที่ฉันดูแลนะ ถ้าแกเข้ามาระวังโดนจัดการเอานะอะไรทำนองนั้น
ก็เหมือนกับการสร้างอาณาเขตของตัวเองเหมือนพวกสิ่งมีชีวิตทำนั่นแหละ แต่ที่โกงกว่าคือสามารถระบุตำแหน่งของสิ่งที่อยู่ในอาณาเขตนี้ได้ทันที
“อาณาเขตจิตมังกร”
มิวพึมพำเบาๆ ก่อนที่จะโบกไม้ในมือที่เปล่งแสงออกมา ก่อนที่ร่างกายของมิวจะสั่นสะเทือนและพริบตาเดียวนั้นเอง
ทั้งเมืองแห่งนี้ราวกับเป็นร่างกายของมิวเอง.. แต่ทันทีที่เป็นแบบนั้นความเจ็บแปล๊บก็วิ่งพรวดเข้ามาในสมองของมิว
อาจจะเพราะร่างกายในตอนนี้ที่มีสมองเล็กกว่าปกติเลยไม่สามารถรองรับการรับรู้ที่ครอบคลุมทั้งเมืองได้ทันทีส่งผลให้เลือดกำเดามิวไหลออกมา
“พี่เป็นอะไรหรือเปล่า?”
รินนะถามด้วยความเป็นห่วง แต่มิวก็ยกมือบอกว่าไม่เป็นไร เธอรีบถอนจิตสำนึกตัวเองกลับมาแทบจะทันที
“นี่ขนาดไม่ได้ใช้จิตทั้งหมดยังคลุมได้ทั้งเมืองเลยเหรอ.. สมเป็นร่างกายของเทพมังกรจริงๆ..”
มิวรู้สึกผวาในใจ.. ถ้าเจ้าเทพมังกรนี่มาบุกคนในโลกนี้ตอนนี้ทุกคนก็คงถูกฆ่าทิ้งหมดอย่างง่ายดายแน่ๆ
แต่ช่างเรื่องนั้นไปก่อนเพราะในตอนนี้มิว
“ฉันเจอแล้ว..”
“เอ้ะ.. เจอแล้วเหรอพี่?”
“ใช่…”
“……”
รินนะที่ดูตื่นเต้นตอนแรกก็เหมือนหมดความตื่นเต้นลงไปนิดหน่อย.. มิวเองก็สังเกตเห็นสีหน้าของเธอดี
ทำให้มิวได้แต่หัวเราะแห้งๆ ในใจ.. บางทีคนที่บ้าความตื่นเต้นอย่างยัยเด็กนี่คงจะรู้สึกหมดตื่นเต้นเหมือนเดิมสินะ
ถ้าต้องมาเจออะไรที่โคตรง่ายโคตรอีซี่ขนาดนี้..
ซึ่งเอาเข้าจริงฉันก็รู้สึกงั้นเหมือนกัน.. เหมือนตัวเองเป็นตัวบัคเลยแฮะ.. ตอนใช้จิตครอบเมืองก็เห็นคนอื่นที่เหมือนกับกำลังตามหาอย่างเอาเป็นเอาตายเหมือนกัน
แต่ไอ้ฉันก็ดันกวาดจิตทีเดียวรู้แทบทุกอย่างในแมพนี่..
มันโกงกันชัดๆ เลยแหละ..
“แต่ว่านะ.. แต่ว่าเลยนะ.. คนที่โกงมันเป็นพวกนั้นมากกว่า เพราะตั้งแต่ที่ขึ้นชั้นสองมาหน้าจอหน้าต่างก็ไม่เคยโผล่มาที่ฉันเลยนะเฮ้ย”
“ไหงงั้นอ่ะ?”