เพราะเป็นเทพมังกรเลยไม่มีระบบพิเศษเหมือนเขาอ่ะ! - ตอนที่ 89 หอคอยชั้นที่ 4
บทที่ 89 – หอคอยชั้นที่ 4
“อันที่จริงแล้วถ้าหากเจ้าไม่ทำเควสไม่สำเร็จทุกอย่างคงจะไม่ยุ่งยากเท่านี้หรอกนะ เจ้าก็แค่จะขึ้นไปในหอคอยและเคลียร์เควสตามปกติที่เจ้าต้องเคลียร์นั่นแหละนะ แต่เพราะเควสไม่สำเร็จเพราะความผิดพลาดของเจ้าเองก็เลยต้องเป็นอย่างที่ว่านั่นแหละนะ สหายข้า”
มิวเองก็พยักหน้าตอบรับ อย่างน้อยเอริเนียกับรินนะก็ไม่ได้โดนบทลงโทษไปพร้อมกันด้วย เพราะสองคนนั้นเดิมทีก็ไม่สามารถทำอะไรได้ในตอนนี้
แต่ประเด็นก็คือจะเอายังไงหลังจากนี้.. ตอนนี้รินนะก็ไม่มีบ้านอยู่แล้ว ไม่มีครอบครัวแล้ว แถมยังมาเสียความทรงจำอีกต่างหาก
ส่วนทางด้านเอริเนีย ขืนยังอยู่ต่อคงมีแต่จะตกที่นั่งลำบากกว่าเดิม เพราะในหอคอยมิวรู้ชัดเจนแจ่มแจ้งว่ามันอันตรายขนาดไหน
ในตอนแรกเธอแค่คิดจะเข้ามาดูแค่นิดหน่อย แต่เอาไปเอามาดันโดนเควสต่อเนื่องดูด สุดท้ายก็โดนขังอยู่ในหอคอยซะอย่างนั้น
ทางเลือกของมิวในตอนนี้จึงเหลือไม่มาก หลังจากเธอวางแผนบางอย่างอยู่ในหัว มิวก็ติดต่อกลับไปหาผู้กล้าเอริเนีย
“ว่าไงคะ นายท่าน”
“ดูเหมือนว่าฉันจะโดนบทลงโทษของการทำเควสไม่สำเร็จ ให้ออกจากหอคอยไม่ได้จนกว่าจะสำเร็จเควสทุกอันเข้าแล้ว”
“งั้นเหรอคะ แล้วมันยาวขนาดไหน?”
“เรื่องนั้นฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะทางฝั่งนั้นก็ไม่ได้บอกอะไรนอกจากนี้เหมือนกัน และแน่นอนว่าคงไม่บอกเนื้อหาเควสหลังจากนี้เช่นกัน”
“แล้วจะเอายังไงต่อคะ นายท่าน”
“ฉันคิดว่า..จะให้เธอพาเอริเนียกับรินนะออกไปนอกหอคอยน่ะ ส่วนฉันจะรีบเคลียร์ทุกอย่างให้เสร็จแล้วก็รีบออกไปเหมือนกัน อยู่ในนี้มาจนรู้สึกเอือมแล้วเหมือนกัน”
“แล้วจะให้ฉันพาทั้งสองไปที่ไหนเหรอ?”
“นั่นสินะ.. ไปหาคาเอะแล้วกัน”
ว่าแล้วมิวก็ส่งภาพความคิดของที่ตั้งของบ้านคาเอะ แล้วก็หน้าคาเอะแม่ของคาโอรุให้กับผู้กล้าเอริเนีย
เพราะเดิมทีที่มิวกับผู้กล้าเอริเนียสื่อสารกันได้ ก็เพราะเป็นการสร้างโลกแห่งความคิดขึ้นมาเพื่อที่จะสื่อสารกันด้วยความคิด
ดังนั้นการส่งภาพความคิดให้ แม้จะยากหน่อยแต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ อีกอย่างมิวไม่ได้อยู่ห่างจากผู้กล้าเอริเนียแบบคนละจักรวาลเหมือนตอนติดในจักรวาลจำลอง
ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะสื่อสารชัดเจนจนสามารถส่งแม้แต่ภาพความคิดให้ ผู้กล้าเอริเนียที่ได้รับข้อมูลก็ตอบ
“เข้าใจแล้ว.. แต่ว่าเจ้าตัวไม่น่ารู้จักฉันกับรินนะนะคะ ทางนั้นจะไม่ระแวงเหรอ อีกอย่างนายท่าคงรู้บ้างว่าฉันกับเอริเนียตัวน้อยนี้มีหลายอย่างคล้ายกัน”
“เพราะแบบนั้นนั่นแหละ ฉันถึงให้เธอพาเอริเนียไปด้วย เพราะคาเอะน่าจะพอรู้เรื่องตัวตนของฉันอยู่บ้าง ถ้าเธอพาเอริเนียไปด้วยแล้วบอกว่าฉันให้พามาก็คงไม่มีปัญหาหรอก”
“งั้นเหรอ เข้าใจแล้วค่ะ”
“แล้วก็อย่าลืมให้คาเอะหาวิธีรักษารินนะด้วยนะ.. ไม่ต้องเรื่องฟื้นความทรงจำหรอก เป็นเรื่องของสภาพจิตให้กลับมาลืมตาใช้ชีวิตได้ก็พอ โลกที่มีพวกผู้ใช้อารยธรรมก็คงมีอารยธรรมรักษาสูงอยู่แล้วล่ะ”
“รับทราบค่ะ แล้วผู้หญิงคนธรรมดาคนนี้จะทำยังไงกับเธอดีคะ?”
“หือ..หมายถึง..?”
มิวที่กำลังจะถามว่าหมายถึงใครนั้น จู่ๆ เธอก็นึกถึงคนธรรมดาคนหนึ่งได้ เธอจึงพูดขึ้นว่า
“อ้อ พาเธอออกไปด้วยก็ได้ เจ้าตัวเป็นตัวไรสักกกอย่างที่ได้รับพลังจากแวมไพร์อย่างรินนะด้วยก็จริง แต่ก็ไม่น่าจะเก่งขนาดนั้นหรอก”
“แล้วเมืองนั้นละคะ?”
ผู้กล้าเอริเนียสัมผัสถึงเมืองที่อยู่ห่างออกไปได้ ซึ่งตอนนี้กำลังเกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่อยู่ แม้เธอจะไม่รู้ชื่อเมืองและไม่ได้พูดว่าหมายถึงที่ไหน
มิวก็ตอบกลับมาทันทีว่า
“ช่างมัน”
“รับทราบ”
“แล้วก็หลังจากขึ้นชั้นที่สี่ไป ฉันคงคุยกับเธอไม่ได้เพราะอาจจะถูกปิดกั้นพลังบางส่วนเพราะบทลงโทษ แต่ขอให้เธอทำทุกอย่างโดยคำนึงถึง..”
“เข้าใจน่า นายท่านข้า.. ให้คำนึงถึงโลกด้านนอกใช่ไหมล่ะ”
“อืม”
เมื่อมิวกล่าวจบ ผู้กล้าเอริเนียก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ทางฝั่งเทพธิดาที่รอเหมือนมิวพูดเสร็จเธอก็ถามขึ้นว่า
“พร้อมหรือยัง?”
“อืม..”
“เนื้อหาเควสเดี๋ยวเจ้าก็จะรู้เอง แต่ขอเตือนไว้สักหน่อยนะสหายข้า เพราะบทลงโทษที่เจ้าได้รับมันจะทำให้เควสยุ่งยากขึ้นอีกหลายส่วน หมายความว่าหลังจากนี้เจ้าต้องลำบากกว่าครั้งก่อนๆ นิดหน่อยนะ”
มิวไม่ได้ตอบเทพธิดา ร่างของเธอก็ถูกแสงโอบล้อมแล้วก็ถูกพาหายไปจากโลกแห่งนี้ในชั่วพริบตา ซึ่งทางด้านเทรต้าเองก็เช่นเดียวกัน
เมื่อมิวจากไปแล้วรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตรของเทพธิดาสาวก็หายไปอย่างว่องไว เธอถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกผิด
“สหายข้า.. ข้าขอโทษที่ต้องทำให้เจ้าต้องเผชิญกับความรู้สึกเดิมอีกครั้ง แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น”
“ข้าขอโทษจริงๆ”
เธอพึมพำพร้อมกับโลกทั้งใบที่แต่งแต้มไปด้วยสีขาวจะค่อยๆ แตกสลายและหายไปพร้อมกับร่างกายของเธอ
ทิ้งเหลือไว้เพียงความว่างเปล่าที่แสนฉงนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น….
………
……
…
มิวค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ เพราะแสงที่ว้าบผ่านดวงตานั้นทำให้เธอต้องหลับตาลงเพราะแสงที่พร่ามัว เมื่อเธอลืมตาขึ้นอีกครั้งก็เกิดอาการลายตาอย่างช่วยไม่ได้ ภาพเพดานที่ไม่คุ้นเคยค่อยๆ ปรากฏตัวตรงหน้ามิวอย่างช้าๆ
เธอกำลังนอนอยู่บนเตียงที่ค่อนข้างที่จะนุ่มเป็นพิเศษ บนเพดานไม่เชิงเป็นเพดาน เพราะมันคือเตียงที่มีผ้าปกคลุมด้านบน
เหมือนเตียงของพวกเชื้อพระวงศ์ในหนังหรือการ์ตูนแนวแฟนตาซียุคกลาง มองไปทางไหนก็มีสีทองสว่างจ้า ตัดสลับด้วยผ้าสีแดงที่หรูหรา
ภายในห้องแห่งนี้คือเหมือนจะเป็นห้องที่อยู่สูงจากพื้น เพราะมองออกไปนอกหน้าต่างนั้นเธอเห็นกระทั่งก้อนเมฆที่ลอยอยู่ในระดับเดียวกัน
ขนาดหน้าต่างยังประดับขึ้นจากทองคำหลอมเลยด้วยซ้ำ.. มิวค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างช้าๆ แต่ทว่าวินาทีถัดมาความรู้สึกเจ็บแปล๊บก็แล่นเข้าสู่โสตประสาทของเธอ
เหมือนกับว่าก่อนหน้านี้หัวของเธอได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงมาอย่างไรอย่างนั้น ทั้งที่ไม่มีดาเมจทางกายภาพไหนสามารถทำอันตรายต่อเธอได้
แต่.. ตามคำพูดของเทพธิดาคนนั้นมิวน่าจะสูญเสียพลังไปบางส่วนแล้ว มิวเพราะเธอสัมผัสถึงความสามารถอัตลักษณ์อมตะตัวเองไม่ได้แล้ว
ไม่สิ.. ปกติแล้วในความคิดเธอจะย้ำเตือนเธอเสมอว่าเธอมีชื่อว่ามิว ราวกับว่าหากเธอต้องการแนะนำชื่ออื่นที่ไม่ใช่ชื่อนี้ ความคิดเธอก็จะกดใส่ความคิดเธอเอง
เหมือนกับว่าเธอต้องเป็นมิวเท่านั้น.. แต่ในตอนนี้เธอไม่มีความรู้สึกดังกล่าวเลยแม้แต่นิด มันรู้สึกปลอดโปร่งอย่างไม่น่าเชื่อ
แต่กลับรู้สึกว่างเปล่าเช่นเดียวกัน..
ความเจ็บปวดบนหัวเธอเหมือนจะไม่ได้ทุเลาลง แต่กลับเพิ่มมากขึ้นเพราะเธอใช้มือขวาพยุงตัวเองนั่งขึ้น
ความเจ็บปวดนั้นทำให้เธอดึงมือซ้ายมากุมขมับตัวเอง แต่เพราะการเคลื่อนไหวมือซ้ายมิวถึงรู้สึกตัวว่ามีคนจับมือเธออยู่ด้านข้างแน่นพอสมควร
และการดึงมือของเธอออกมากะทันหันก็ทำให้คนปริศนาที่เหมือนจะฟุบตัวนอนหลับอยู่ข้างเตียงและจับมือมิวอยู่นั้นลืมตาตื่นขึ้นอย่างช้าๆ
เธอค่อยๆ ลืมตาและเงยหน้าขึ้นมองมิว.. ดวงตาของมิวค่อยๆ เบิกกว้างขึ้นทันทีเมื่อเห็นใบหน้าของคนคนนี้ เธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง
มีหน้าตาที่ดูไม่เป็นคนสัญชาติญี่ปุ่นอย่างแน่นอน แต่ทว่าเพียงแว้บเดียวที่เห็นมิวกลับนึกถึงคนคนหนึ่งขึ้นมา
“อ้ะ.. ท่าน.. !”
หญิงสาวคนนั้นที่เห็นหน้ามิวก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ
“ในที่สุดท่าน.. ท่านก็… ลืมตา.. ขึ้นมาแล้ว”
น้ำตาของเธอค่อยๆ ไหลรินพร้อมกับโผตัวเข้ากอดมิวอย่างไม่อดกลั้นใดๆ เลยภายใต้ความตกใจและสับสนของมิว
ไม่ว่าจะหน้าตา หรือโครงหน้า สีผม.. ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นไม่เหมือนกับคนญี่ปุ่นเลย ไม่ใช่คนญี่ปุ่นอย่างแน่นอน
แต่ทว่าน้ำเสียง ลักษณะการแสดงออกของสีหน้า.. บรรยากาศรอบตัวมันเหมือนกับคนคนนั้นของมิว.. เหมือนกับเธอคนนั้น
“เรนะ!”
แฟนสาวของมิว เธอคนนี้เหมือนกับเป็น…แฟนสาวมิวในเวอร์ชั่นคนต่างชาติอย่างไรอย่างนั้น!