เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา - ตอนที่ 101 แม่ทัพเฒ่าบรรลุฌาน (1) / ตอนที่ 102 แม่ทัพเฒ่าบรรลุฌาน (2)
- Home
- เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา
- ตอนที่ 101 แม่ทัพเฒ่าบรรลุฌาน (1) / ตอนที่ 102 แม่ทัพเฒ่าบรรลุฌาน (2)
ตอนที่ 101 แม่ทัพเฒ่าบรรลุฌาน (1)
พวกฉินเฟยหยางสีหน้าเจื่อน
ไปทูลขอเหล้าวิเศษจากฝ่าบาทหรือ ต่อให้พวกเขาเกิดใหม่ได้ร้อยครั้ง ก็ยังไม่กล้าไปขอ
“ให้ตายสิฉินเฟยหยาง!” เว่ยฝ่างหันมามองฉินเฟยหยางด้วยท่าทีโกรธเคือง “ท่านนี่ช่างกล้านักนะ แม้แต่เหล้าวิเศษส่วนของเราท่านก็แย่งไป ดูท่านคงอยู่นานจนเบื่อโลกแล้วสินะ จะบอกให้รู้ไว้ ต่อให้วันนี้ฝ่าบาทเสด็จมาก็ช่วยอะไรไม่ได้ พวกข้าจะให้ท่านชดใช้!”
ฉินเฟยหยางเหงื่อออกบนหน้าผาก เขาหัวเราะแก้เก้อ “ที่จริง ข้ายังมีเรื่องอธิบายอีก…”
ควับ!
เจี่ยงชิงโมโหมาก เขาปล่อยหมัดไปทางฉินเฟยหยางอย่างรุนแรง ขณะนั้น ในสวนปั่นป่วนไปหมด ใบไม้ร่วงปลิดปลิว ฝุ่นตลบไปทั่ว
ฉินเฟยหยางก็โมโหเช่นกัน เขาก็แค่กินเหล้าไปไม่กี่จิบ คนพวกนี้ต้องทำเป็นเรื่องใหญ่ด้วยหรือ คิดหรือว่าคนสกุลฉินจะยอมให้รังแกง่ายๆ ”
พริบตาเดียว ร่างของเขาก็ไปปรากฏอยู่ตรงหน้าของเจี่ยงชิง
…
ผู้เฒ่าน่าหลานสั่งเด็กรับใช้ให้เอาเหล้าออกมาชามหนึ่งพร้อมกับแกล้มนิดหน่อยไว้ล่วงหน้าแล้ว ท่าทางของเขาเหมือนกำลังดูงิ้วตอนสนุก มองดูสามคนนั้นต่อสู้กันด้วยรอยยิ้ม
ควับ!
ทันใดนั้น พลังอันแข็งแกร่งก็พุ่งออกจากรอบกายของผู้เฒ่าน่าหลาน ทำให้เก้าอี้หินแตกเป็นเสี่ยงๆ
ความเคลื่อนไหวอันรุนแรงเช่นนี้ ทำให้พวกชายแก่เหล่านั้นหยุดต่อสู้กัน พวกเขาต่างหันมามองผู้เฒ่าน่าหลานด้วยความประหลาดใจ
พลังเมื่อสักครู่…คือ…บรรลุฌานหรือ
ทุกคนต่างรู้ดี คนที่มีฌานสูงอยู่แล้ว จะบรรลุขั้นต่อไปยิ่งแสนยาก อีกอย่างผู้เฒ่าน่าหลานก็อายุมากแล้ว แถมเขายังเศร้าโศกเสียใจกับการสูญเสียน่าหลานฮองเฮาอยู่หลายปี สุดท้ายยังโดนเฟิงหรูชิงยั่วโมโหจนล้มป่วย ดังนั้น พละกำลังของเขาจึงไม่เหมือนสมัยหนุ่มๆ แล้ว
หลังจากบรรลุระดับเจินอู่เมื่อหลายปีก่อน เขาก็ไม่เคยบรรลุขั้นที่สูงกว่าอีกเลย ตอนนี้…เขา…บรรลุระดับหลิ่งอู่ขั้นล่างแล้วหรือ
“ท่านน่าหลาน ท่านบรรลุแล้วหรือ” ฉินเฟยหยางมองดูผู้เฒ่าน่าหลานด้วยความประหลาดใจ แววตาเต็มไปด้วยความตกใจและตกตะลึง
ชายแก่เหล่านี้ล้วนถึงจุดคอขวดแล้ว แต่หลายปีมานี้เขาไม่อาจฝึกตบะได้ กำลังความสามารถจึงด้อยที่สุดในบรรดาสี่คน ต่อให้เป็นอย่างนั้น การที่ผู้เฒ่าน่าหลานบรรลุได้อย่างแปลกประหลาด มันทำให้เขารับไม่ได้
ทำไมจู่ๆ เขาถึงบรรลุได้
ผู้เฒ่าน่าหลานงง เขามองดูชามเหล้าในมือแบบทำอะไรไม่ถูก
หลายวันมานี้ เขาดื่มเหล้าทุกวัน ถึงแม้จะรู้สึกได้ว่ามีพลังวิเศษที่เพิ่มขึ้น แต่คิดไม่ถึงว่ามันจะช่วยให้บรรลุผ่านจุดคอขวดได้ง่ายๆ เช่นนี้
แน่นอนว่า ผู้เฒ่าน่าหลานไม่รู้ว่าเหล้าวิเศษนี้เป็นแค่เหล้าชั้นล่างๆ ถ้าใช้ยาวิเศษระดับสูงมาหมัก ตอนที่เขาดื่มเข้าไป คงบรรลุผ่านจุดคอขวดได้ทันที ไม่ต้องรอหลายวันแบบนี้
“เหล้าวิเศษนี่สรรพคุณดีเหลือเกิน!” ผู้เฒ่าน่าหลานจับชามเหล้าไว้แน่น นัยน์ตาของเขาแสดงให้เห็นถึงการคิดตรึกตรองอย่างลึกซึ้ง
“ท่านแม่ทัพ ท่านหมายความว่า ท่านใช้เหล้าวิเศษนี้เป็นตัวช่วยในการบรรลุผ่านจุดคอขวดอย่างนั้นหรือ” เว่ยฝ่างหายใจแรง เหล้าวิเศษที่ทำให้คนบรรลุฌานได้ สรรพคุณมันร้ายกาจขนาดไหน
ถ้าเหล้าวิเศษนี่มีปริมาณมากพอ พลังของแคว้นหลิวอวิ๋นคงจะยกระดับขึ้นไปได้มากทีเดียว!
“ท่านน่าหลาน ขอถามหน่อยได้ไหม เหล้าวิเศษนี่ท่านได้แต่ใดมา”
ฉินเฟยหยางเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นถามผู้เฒ่าน่าหลานด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ผู้เฒ่าน่าหลานหันหน้าไปมองฉินเฟยหยาง แววตาที่ดูครุ่นคิดแต่เดิมพลันเปลี่ยนเป็นภาคภูมิใจไร้สิ่งใดเปรียบ เขาพูดด้วยสีหน้าพออกพอใจ “ได้มากจากหลานสาวข้า ลูกน่าหลานเยียนน่ะสิ”
ตอนที่ 102 แม่ทัพเฒ่าบรรลุฌาน (2)
“หลานสาวลูกของน่าหลานเยียน…? ท่านน่าหลาน ท่านหมายถึงองค์หญิงเฟิงหรูชิงใช่หรือไม่”
“ถูกต้อง โชคดีที่ชิงเอ๋อร์สายตาแหลมคม ซื้อเหล้าวิเศษนี้มาจากร้านค้าเล็กๆ ได้ เลยทำให้ข้ามีโอกาสบรรลุฌานระดับหลิงอู่”
ในแคว้นโดยรอบ ผู้บรรลุระดับหลิงอู่มีไม่มาก ผู้ที่บรรลุฌานขั้นสูงกว่านั้นมีเพียงคนของตระกูลที่มีอิทธิพล และสมัยก่อนผู้ที่บรรลุฌานขั้นหลิงอู่เป็นคนแรกก็คือน่าหลานฮองเฮา!
น่าเสียดายที่น่าหลานฮองเฮาสิ้นพระชนม์ตั้งแต่อายุยังไม่มาก ทั้งราชวงศ์มีเพียงฮ่องเต้ที่มีกำลังความสามารถระดับหลิงอู่ บัดนี้ผู้เฒ่าน่าหลานบรรลุระดับหลิงอู่แล้ว แคว้นอื่นที่หวังจะรุกรานคงต้องคิดให้ดีๆ
ฉินเฟยหยางดวงตาแทบจะถลนออกมา
เหล้าวิเศษนี่…ซื้อมาจากร้านเล็กๆ อย่างนั้นหรืออีกอย่างเป็นเฟิงหรูชิงคนไม่เอาไหนที่ซื้อมาบำรุงท่านแม่ทัพเฒ่าอย่างนั้นหรือ
“ท่านแม่ทัพ นี่เป็นเหล้าที่องค์หญิงนำมาให้จริงๆ หรือ”
“นางเป็นคนให้ข้าจริงๆ” แม่ทัพเฒ่าครุ่นคิดต่อไป ผ่านไปสักครู่จึงพูดว่า “ฉินเฟยหยาง นับแต่วันนี้ไปพวกท่านสามคนมาดื่มเหล้าที่จวนของข้าทุกวันจนกว่าจะบรรลุฌาน”
ฉินเฟยหยางอึ้ง เขามองดูผู้เฒ่าน่าหลานด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ “ท่านน่าหลาน ท่านไม่ได้หลอกพวกข้าใช่ไหม”
ตาแก่นี่ เมื่อสักครู่ยังงกอยู่เลย ตอนนี้ทำไมถึงกลายเป็นคนใจกว้างไปได้
ไม่เชื่อหรอกว่าเขาไม่มีแผนชั่ว!
ผู้เฒ่าน่าหลานอารมณ์เสียจนตาเบิกโพลงเหมือนกับฉินเฟยหยาง “คนแก่อย่างข้าถึงจะหวงแหนเหล้าดั่งชีวิตจิตใจ แต่พวกท่านเคยเห็นข้างกเหล้าตั้งแต่เมื่อไร ถ้าหาก…เหล้าวิเศษนี้ช่วยเพิ่มพลังวิเศษกับรสชาติดีอย่างเดียวข้าคงไม่คิดมาก แต่มันดันช่วยคนบรรลุผ่านจุดคอขวดได้ ข้าเลยต้องคิดเผื่อแคว้นหลิวอวิ๋นด้วย”
แคว้นหลิวอวิ๋นแห่งนี้ เป็นดินแดนที่ลูกสาวของเขารักษามันด้วยชีวิต! ต่อให้เขาต้องเอาชีวิตของตนเองเข้าแลก เขาก็จะรักษาแคว้นหลิวอวิ๋นนี้ไว้เพื่อเยียนเอ๋อร์เช่นกัน!
ก็แค่เหล้าวิเศษกาเดียว หากเทียบกับแคว้นหลิวอวิ๋นแล้ว มันไม่มีค่าอะไรเลย!
แม้ผู้เฒ่าน่าหลานพยายามปลอบใจตัวเอง แต่เขาก็อดเสียดายไม่ได้ เพราะอย่างไรเสียมันก็เป็นถึงเหล้าวิเศษ เปรียบเหมือนชีวิตของเขา บัดนี้ชวนคนอื่นมาดื่มด้วย เขาจะไม่เสียดายได้อย่างไร!
แค่ไม่รู้ว่าเหล้าวิเศษกานี้จะให้พวกเขาดื่มได้สักกี่วัน
…
ที่จวนองค์หญิง
ในห้องใต้ดินที่เงียบสงบ เฟิงหรูชิงเปิดฝาของไหเหล้า กลิ่นหอมของเหล้าโชยมาที่จมูก รู้สึกสดชื่นยิ่งนัก
“เหล้าวิเศษชุดที่สองหมักได้ที่แล้ว คราวนี้ข้าตั้งใจหมักถึงสามไห พอแบ่งแล้ว”
เฟิงหรูชิงหยิบเหล้าสามไหขึ้นมา นางเดินออกจากห้องใต้ดินอย่างช้าๆ
เมื่อเดินออกมาด้านนอกห้องใต้ดิน นางมองเห็นลิงสี่แขนที่เฝ้าอยู่ปากประตูห้อง นางโยนเหล้าวิเศษไหหนึ่งไปให้มัน
“เจ้าลิงน้อย วันนี้ข้าให้พวกเจ้าหยุดพักหนึ่งวัน พวกเจ้าไปดื่มกันให้หนำใจเถอะ”
“เจี๊ยกๆ”
ลิงสี่แขนกอดไหเหล้าด้วยท่าทีดีใจ มันก้มตัวคำนับเฟิงหรูชิงอย่างมนุษย์ จากนั้นก็วิ่งไปที่เขาท้ายจวนอย่างรวดเร็ว
เฟิงหรูชิงมองดูมันวิ่งจากไปเฉยๆ จากนั้นนางก็กลับหลังเดินจากไปเช่นกัน
…
ในห้องทรงพระอักษร บรรยากาศอึมครึม
ชายผู้หนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้มังกรในมือถือฎีกา เขาอ่านด้วยท่าทางไม่ใส่นัก คิ้วของเขาขมวดบ้างไม่ขมวดบ้างตามอารมณ์ พวกขันทีและนางกำนัลที่อยู่โดยรอบต่างใจตุ๊มๆ ต่อมๆ
ขณะนั้นเองประตูห้องทรงพระอักษรถูกเปิดออก สีหน้าที่เคร่งเครียดของเฟิงเทียนอวี้ก็ผ่อนคลายลง แววตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
เพราะในวังหลวงแห่งนี้ คนที่เข้าพบเขาได้โดยไม่จำเป็นต้องกราบทูลให้ทราบก่อน มีเพียงคนเดียวเท่านั้น!
“ชิงเอ๋อร์ วันนี้ว่างมาเยี่ยมพ่อด้วยเหรอ”
ชายผู้นั้นวางตราพระราชลัญจกรลง สีหน้าอ่อนโยน บรรยากาศอบอุ่น ทำให้รู้สึกสบายกายสบายใจ ยิ่งนัก