เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา - ตอนที่ 13 ต่อให้ต้องนอนกับเจ้าก็ไม่เห็นเป็นไร (1) / ตอนที่ 14 ต่อให้ต้องนอนกับเจ้าก็ไม่เห็นเป็นไร (2)
- Home
- เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา
- ตอนที่ 13 ต่อให้ต้องนอนกับเจ้าก็ไม่เห็นเป็นไร (1) / ตอนที่ 14 ต่อให้ต้องนอนกับเจ้าก็ไม่เห็นเป็นไร (2)
ตอนที่ 13 ต่อให้ต้องนอนกับเจ้าก็ไม่เห็นเป็นไร (1)
ถ้าเจ้าไม่ใส่เสื้อผ้า คงจะน่าดูยิ่งกว่านี้
แววตาอันเยือกเย็นของหนานเสียนจ้องมองไปที่เฟิงหรูชิง ราวกับจะมองให้ทะลุกายของนางให้เห็นไปถึงจิตใจ
และสายตาที่ราวกับมองทะลุปรุโปร่งได้ทุกสิ่งทำให้จิตใจของเฟิงหรูชิงสั่นไหวอย่างน่าประหลาด นางคิดว่ากั๋วซือผู้นี้…เหมือนจะรู้อะไรบางอย่าง?
“หากองค์หญิงชอบสาวงาม รอให้เจ้าผอมเมื่อไร จะต้องเป็นสาวงามอันดับหนึ่งในใต้หล้า แล้วไยต้องมองข้า”
ก่อนที่หนานเสียนจะซักไซ้ต่อ มุมปากของเขาก็มีรอยยิ้มน้อยๆ ที่ดูไม่ชัดเจนนัก
“ไม่เห็นน่าสนุกตรงไหน” เฟิงหรูชิงเดินเข้าไปหาหนานเสียนช้าๆ เดินเข้าไปอีกไม่กี่ก้าวและพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าชอบเรือนร่างอันสมบูรณ์แบบของกั๋วซือมากกว่า จุ๊ๆ ถ้าได้ลูบไล้ คงรู้สึกอีกอย่าง”
“งั้น…” สายลมโชยเอื่อย รอยยิ้มเล็กๆ ของหนานเสียนช่างสดใสงดงามราวกับไผ่ “หากเปรียบข้ากับหลิ่วอวี้เฉินแล้ว เจ้าคิดว่าอย่างไร”
ความงามที่อยู่ตรงหน้า เฟิงหรูชิงไม่สนใจว่าต้องสงวนท่าทีอะไรแล้ว นางหัวเราะ “หลิ่วอวี้เฉินจะมาเปรียบอะไรกับกั๋วซือได้ เมื่อก่อนข้าตาถั่วถึงชอบเขาได้ลง ชายงามล้ำอย่างเจ้าอยู่ในวังข้ากลับไม่หวั่นไหว”
องค์หญิงคนเดิมตาถั่วจริงๆ กั๋วซือคนนี้ทั้งๆ ที่รูปงามกว่าหลิ่วอวี้เฉินเป็นร้อยเท่า แต่ทำไมนางกลับไปชอบผู้ชายที่รักคนอื่น
“เจ้าไม่ใช่เฟิงหรูชิง”
น้ำเสียงของหนานเสียนเย็นลง พูดด้วยเสียงทุ้ม
สำนึกของเฟิงหรูชิงถูกทำให้สะท้านสะเทือน ที่นางกล้ามายืนอยู่ตรงหน้าหนานเสียนแบบนี้ ก็เพราะองค์หญิงคนเดิมไม่เคยรู้จักกันมาก่อน มิหนำซ้ำ แม้แต่หน้าก็เคยเห็นแค่ไม่กี่ครั้ง
แต่เหตุใดหนานเสียนคนนี้จึงดูออกว่านางไม่ใช่เฟิงหรูชิง แม้แต่ฮ่องเต้ผู้เป็นบิดาก็ยังดูไม่ออก
“กั๋วซือ ที่เจ้าพูดหมายความว่าอย่างไร” เฟิงหรูชิงตั้งสติได้โดยไว นางยิ้มมุมปาก “ข้าไม่ใช่เฟิงหรูชิงแล้วจะเป็นใคร ในแคว้นหลิวอวิ๋นนี่ยังมีใครอ้วนได้เหมือนข้าอีกหรือ”
“สัญชาตญาณมันบอกน่ะ” หนานเสียนเดินเข้าประชิดเฟิงหรูชิง ใกล้จนตัวแทบติดกันจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย “แต่เทียบกับเฟิงหรูชิงคนก่อนแล้ว ข้าชอบเจ้าในตอนนี้มากกว่า”
เฟิงหรูชิงกะพริบตาปริบๆ “เพราะอะไร”
“เพราะว่า เจ้าในตอนนี้…สายตาแหลมคมน่ะสิ”
เสียงของเขาช่างน่าฟัง ไพเราะและเยือกเย็น แต่มันกลับทำให้เฟิงหรูชิงรู้สึกเคือง
หรือที่แท้กั๋วซือคนนี้ก็ชอบให้คนอื่นชมเหมือนกัน
“สมัยก่อนข้าแค่ยังไม่รู้ความ และยังไม่เคยพบกับกั๋วซือ ยิ่งไปกว่านั้นไม่เคยสังเกตใบหน้าของเจ้า ตอนนี้…ข้าเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว ข้าจะไม่ทำสิ่งชั่วร้ายอีกต่อไปและจะไม่ทำให้คนที่คอยปกป้องข้าต้องผิดหวัง ที่สำคัญไปกว่านั้น นอกจากหลิ่วอวี้เฉินแล้ว ข้ารู้ว่ายังมีคนที่ดีกว่ารอคอยข้าอยู่”
ความจริงแล้ว สมัยที่น่าหลานฮองเฮาสิ้นพระชนม์ ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ภักดีของน่าหลานฮองเฮาและคนในตระกูลเดิมของนางล้วนคอยปกป้องเฟิงหรูชิงไว้
เพียงแค่นางทำให้พวกเขารู้สึกผิดหวังอยู่เรื่อย ตอนนี้คนพวกนั้นเลยไม่มีใครที่อยากพบนางอีก
“ป่าไผ่ทิศใต้ผืนนี้ ไม่มีใครเข้ามาได้” แววตาของหนานเสียนดูเยือกเย็น น้ำเสียงราบเรียบดุจสายลม “ต่อไปหากเจ้าต้องการพบข้า ก็เข้ามาได้ตลอดเวลา แต่ละเดือนข้าจะออกข้างนอกเพียงห้าวัน ปกติจะอยู่ในป่าไผ่ทิศใต้นี้”
เฟิงหรูชิงกะพริบตาปริบๆ กั๋วซือผู้นี้ต้องการจะสื่ออะไร ป่าไผ่ทิศใต้ใครก็เข้ามาไม่ได้งั้นหรือ ต่อไปนางเข้ามาที่นี่ได้ตลอด?
นางยั่วยวนกั๋วซือจนติดกับได้ง่ายขนาดนี้เชียวหรือ
แต่เฟิงหรูชิงคิดว่าเรื่องราวมันคงไม่ง่ายขนาดนั้น นางไม่เชื่อว่ากั๋วซือที่หน้าตาไร้ความกำหนัดแบบนั้น จะตกเป็นเหยื่อของนางได้ง่ายดายเพียงนี้
ตอนที่ 14 ต่อให้ต้องนอนกับเจ้าก็ไม่เห็นเป็นไร (2)
“กั๋วซือ ป่าไผ่ทิศใต้ของท่านคงมีบึงน้ำใช่หรือไม่”
“มีสิ”
เฟิงหรูชิงใช้นิ้วปาดจมูกของตนโดยจิตใต้สำนึก “อ้อ ถ้าอย่างนั้นคราวหน้าเวลาเจ้าจะลงอาบน้ำเล่นน้ำในบึง ช่วยส่งคนมาบอกข้าด้วยได้หรือไม่ เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะแอบดูเงียบๆ ไม่ไปรบกวนเจ้าเด็ดขาด”
“…”
ใบหน้าอันหล่อเหลาของหนานเสียน ในที่สุดก็เปลี่ยนสี คงเป็นเพราะเขารับไม่ได้กับความลามกของเฟิงหรูชิง
“นี่ก็ดึกมากแล้ว เจ้าควรกลับไปได้แล้ว พรุ่งนี้ตอนบ่ายเจ้ามาหาข้าได้” หนานเสียนมองเฟิงหรูชิงด้วยแววตาที่ซ่อนความรู้สึกไว้อย่างลึกซึ้ง “หากเจ้ามีปัญหาเกี่ยวกับการฝึกตบะ ก็มาถามข้าได้ตลอดเวลา”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ หนานเสียนก็เงียบไปสักครู่ก่อนจะพูดต่อไปว่า “ถ้าเจ้าอยากเห็นข้าถอดเสื้อผ้าจริงๆ รอให้เจ้าฝึกจนถึงระดับเทียนอู่ได้ ข้าก็จะสนองให้เจ้าอย่างที่เจ้าต้องการ”
ระดับชั้นความสามารถในทวีปมีทั้งหมดสิบระดับ ไล่จากระดับต้นไปคือ ชูอู่ ตี้อู่ เจินอู่ หลิงอู่ เสวียนอู่ เทียนอู่ เซิ่งอู่ อู่หวาง อู่ตี้ และอู่เสิน
ถ้าอาศัยพรสวรรค์ของเฟิงหรูชิงคนเดิม กว่าจะไปให้ถึงระดับนั้นได้ไม่รู้ต้องรอถึงชาติไหน แต่บัดนี้ นางไม่ใช่เฟิงหรูชิงคนเดิมแล้ว ขอเพียงนางพยายามเพียงพอ ระดับเทียนอู่คงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
“กั๋วซือ เจ้ารับปากข้าแล้วนะ จะมากลับคำทีหลังไม่ได้” เฟิงหรูชิงยิ้มตาหยี
“ไม่อย่างนั้น ข้าจะไม่ใช่แค่ถอดเสื้อผ้าเจ้า แต่จะปล้ำเจ้าแทน”
หนานเสียนมองเฟิงหรูชิงด้วยท่าทีสงบ “หากเจ้าเอาชนะข้าได้ ต่อให้ต้องนอนกับเจ้าก็ไม่เห็นเป็นไร”
แม้ว่าเฟิงหรูชิงไม่รู้ว่าความสามารถของหนานเสียนอยู่ระดับไหน แต่ดูจากความนับถือที่เสด็จพ่อมีให้เขา กั๋วซือคนนี้คงมีความสามารถไม่เบา หากคิดจะเอาชนะเขา เรื่องนี้…ดูท่าคงเป็นเรื่องยาก
“งั้นให้ข้าถอดเสื้อผ้าเจ้าก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกทีนะ”
เฟิงหรูชิงลูบไล้คางอันกลมมนและนุ่มนวล นางพูดอย่างไม่กระดากอาย
“เจ้ากลับไปได้แล้ว อย่าลืมล่ะ พรุ่งนี้มาหาข้าด้วย”
หนานเสียนมองดูสีของท้องฟ้า เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เฟิงหรูชิงเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองอยู่ในป่าไผ่ทิศใต้เป็นเวลานานแล้ว คาดว่าเสด็จพ่อคงว่าราชกิจช่วงเช้าเสร็จเรียบร้อย หากหลิวกงกงเอาเรื่องที่นางไปหาหนานเสียนไปบอกฮ่องเต้ แถมยังไม่รีบกลับไป เสด็จพ่อคงร้อนใจแน่
คิดอยู่สักครู่ นางจึงยกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าอันหล่อเหลาของหนานเสียน “กั๋วซือรูปงาม เจ้าจงรอข้าอยู่ที่ป่าไผ่ทิศใต้นี้เสียดีๆ พรุ่งนี้ข้าจะมาหาเจ้าแน่นอน”
นัยน์ตาของหนานเสียนบอกถึงการครุ่นคิด เขามองดูเฟิงหรูชิงที่โบกมือเดินจากไป สีหน้าเย็นชาเช่นเดิม แววตาสงบนิ่งเหมือนเช่นปกติ
“นายท่าน”
งูเขียวตัวหนึ่งเลี้อยออกมาจากแขนเสื้อของหนานเสียน มันแลบลิ้นส่งเสียงฟ่อๆ
“องค์หญิงผู้นี้ เปลี่ยนไปจริงๆ เมื่อก่อนตอนนางเห็นท่าน ไม่กล้าเงยหน้ามองอย่างกับนายท่านเป็นปีศาจอย่างไรอย่างนั้น”
สายตาของหนานเสียนจับจ้องไปที่เฟิงหรูชิงที่เดินไกลออกไป เขาพูดด้วยท่าทีสงบ “บางที…นางอาจเป็นคนที่เราตามหาอยู่”
เมื่อก่อนคนที่เขาทำนายไว้ ดูเหมือนจะเป็นองค์หญิงโฉด แต่ดูๆ แล้วก็เหมือนไม่ใช่ จนเฟิงหรูชิงคนปัจจุบันปรากฏตัวขึ้น เขาจึงเกิดความรู้สึกว่า คนที่เขาเฝ้ารอมาตลอดมาถึงแล้ว…
“แต่นางอ่อนแอเกินไป อ่อนแอจริงๆ นางเป็นคนที่เราตามหาจริงๆ หรือ” งูเขียวถามด้วยความสงสัย
หนานเสียนไม่เอ่ยคำใด
แต่เขารู้ดีว่า ไม่ว่าเฟิงหรูชิงจะเป็นคนที่เขาตามหาหรือไม่ แต่นางก็ปรากฏกายในโลกของเขาแล้ว ทำให้โลกของเขาไม่มีทางกลับไปสงบเหมือนเก่าได้อีกเลยนับจากนี้
…
ห้องทรงพระอักษรเย็นยะเยือกและน่าเกรงขาม